หนังสือ ปัญญาอลวน เรื่องเล่าสารคดี สี่จดหมายเหตุ โดย ดร. เกียรติศักดิ์ ศรีพิมานวัฒน์ อดีตนักวิจัย สวทช. ระบุไว้ที่เว็บไซต์ว่า เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่ออนาคตที่ผิดพลาดน้อยลง ผมมีโอกาสได้อ่านก่อน แล้วได้คุยกับผู้เขียน จึงได้มีโอกาสสารภาพกับท่านว่า เนื่องจากเป็นหนังสือด้านเทคโนโลยีล้ำหน้าด้านการสื่อสารและสารสนเทศ (สมาคม IEEE เป็นผู้จัดทำและเผยแพร่หนังสือเล่มนี้) ผมจึงอ่านไม่แตก
จึงถามท่านว่า หนังสือเล่มนี้ชี้ข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดซ้ำเรื่องอะไรบ้าง โดยที่ในหนังสือ ว่าด้วยประวัติศาสตร์ ๔ เรื่อง คือ (๑) รหัสเทอร์โบ (๒) โทรคมนาคมไทย (๓) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (๔) สจล.
ยิ่งแก่ตัวลง ผมยิ่งสอนตัวเองให้ไม่หลงหมกมุ่นอยู่กับการจัดการปัญหา (manage the problems) แต่ให้เน้นหาทางจัดการทางออกหรือการแก้ปัญหา (manage the solutions) ซึ่งหมายความว่าเป้าหมายต้องชัด ว่าต้องการบรรลุผลอะไร
ผมจึงถาม ดร. เกียรติศักดิ์ ว่าเป้าหมายของการเขียนและเผยแพร่หนังสือเล่มนี้คืออะไร ต้องการให้เป็นข้อเรียนรู้แก่สังคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยอย่างไรบ้าง
จะเห็นว่า ผมใช้เป็นโอกาสฝึกตั้งคำถาม และจ้องถามต่อ เมื่อได้รับคำตอบ
ในวันพบกันจริง เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๗ ระหว่างรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน พบว่าลางสังหรณ์ของผมถูก หนังสือเล่มนี้ และกิจกรรมของสมาคม IEEE ตองการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเข้ามาทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาหขึ้น ผมจึงได้โอกาสเสนอแนวคิดหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาหรือทางออก มากกว่าหมกมุ่นทำความเข้าใจปัญหา
แต่ผมก็ได้เรียนรู้ด้านลบของวงการเทคโนโลยีไทย ที่มีกิจการเป็นแสนล้าน ผลประโยชน์มากมาย ความขัดแย้งก็มากตามไปด้วย รวมทั้งได้เรียนรู้ความไม่ต่อเนื่องของนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย เป็นอุปสรรคต่อการทำงานพัฒนาระบบ
ดร. เกียรติศักดิ์ อยากทราบเคล็ดลับการมีสุขภาพดียามอายุมาก เมื่อพิจารณาจากบริบทของตัว ดร. เกียรติศักดิ์เองแล้ว ผมแนะนำให้หางานทำ ที่จะทำให้ชีวิตมีความท้าทาย คือไม่ราบรื่นเกินไป ต้องเผชิญสภาพที่ยากลำบาก และมีการบรรลุเป้าหมายทีละเปลาะ หรือบรรลุเป้าหมายรายทางให้เฉลิมฉลอง เกิดทั้งปิติสุขและความอึดอัดขัดข้องเป็นระยะๆ ผมไม่เชื่อว่าชีวิตที่ราบรื่นสบายอย่างราบเรียบจะเป็นชีวิตที่ดี
ทำให้คุณแอนน์ที่ไม่ร่วมคุยด้วยรำลึกชาติตอนทำงาน KM ว่าเมื่องานเดินไปได้ระยะหนึ่ง ผมก็จะจัดงานเลี้ยงฉลองในทีมงาน เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเป้าหมายระยะยาว และความสำเร็จในรูปแบบของ “เป้าหมายรายทาง” ช่วยสร้างทั้งความเข้าใจ และความมุ่งมั่นร่วมกัน
ผมแนะนำว่า คนเราต้องทำให้ตนเองต้องเผชิญสภาพที่ไม่สบายแบบมีความเจ็บปวดทุกวัน ดังตัวอย่างผมยกดัมเบลจนหมดแรงยกไม่ขึ้น ก็เท่ากับวันนั้นได้ทำให้ตนเองได้มีชีวิตที่เจ็บปวด เอาไว้เตือนใจว่า ชีวิตคนเราย่อมต้องเผชิญความเจ็บปวดหรือความยากลำบาก
ขอบคุณ ดร. เกียรติศักดิ์ ที่ส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ และยินดีไปรับประทานอาหารเที่ยงง่ายๆ และคุยกับคนแก่ ช่วยให้คนแก่ได้เรียนรู้
ข้อสรุปของผมคือ ต้องมีชีวิตอยู่กับจิตวิทยาเชิงบวก ใช้ลบเป็นบวก ใช้ความเจ็บปวดเป็นพลังให้มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อไป
นักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ต้องมีกระบวนทัศน์นี้
วิจารณ์ พานิช
๓ ม.ค. ๖๗
ไม่มีความเห็น