๓. การอ่านคือหัวใจของการเรียนรู้


“การอ่าน” เป็นทักษะส่วนหนึ่งที่สำคัญของการสอนภาษาไทย เด็กต้องฝึกซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีการและเครื่องมือที่หลากหลาย ตลอดจนต้องเร้าความสนใจของผู้เรียนด้วย

การอ่านคือหัวใจของการเรียนรู้

            โดยเปลือกนอกก็ดูเหมือนว่าโรงเรียนจะไปได้สวย เพราะความ สะอาดและร่มรื่น ถ้าว่ากันไปแล้ว โรงเรียนเล็กๆ มีให้เห็นเด่นชัดเพียงแค่นี้ ก็ถือว่าดีถมไป แต่ในความน่าจะเป็น ยังมีเรื่องอื่นๆที่สำคัญกว่า

            เคยคิดไว้นานแล้ว นับวันจะยิ่งเป็นจริง โรงเรียนก็คล้ายคนเรา ซึ่งจะดูกันที่การแต่งเนื้อแต่งตัว รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ โรงเรียนก็เช่นเดียวกันจะเล็กจะใหญ่ หากสวยหรูอลังการ ก็ถูกขนานนามว่าเยี่ยมกันไว้ก่อน

            แต่แท้ที่จริง จะมีเครื่องมือตัวใดหรือไม่ ที่จะล้วงลึกถึงแก่นแท้ทางวิชาการ หรือการเรียนการสอน เพื่อสืบค้นข้อมูล “คุณภาพ” หรือความสามารถของผู้เรียน

            ข้อมูลพื้นฐานที่ดูกันง่ายที่สุดคือการอ่านของนักเรียนแต่ละชั้น หากนักเรียนส่วนใหญ่อ่านได้ ก็นับเป็นโอกาสดีของครูผู้สอนและโรงเรียน

            หากครูผู้สอนพบว่าเด็กยังอ่านไม่ได้ และส่วนใหญ่ยังอ่านไม่คล่องแล้วละก็ ต้องรีบเร่งรัดซ่อมเสริมและหาทางเยียวยาแก้ไข มิฉะนั้นปัญหา “การอ่าน”จะสะสมและหมักหมมเรื่อยไป

            มิอาจแก้ไขได้เลย แม้ว่าเด็กจะไปเรียนในระดับมัธยมศึกษาแล้วก็ตาม

            จึงไม่ต้องแปลกใจเลย เมื่อพบข้อมูลที่เล็ดลอดออกมาจากครูมัธยมทั่วประเทศ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า...เด็กสมัยนี้อ่านเขียนไม่คล่องมากมายเหลือเกิน

            ดังนั้น...กิจกรรมการฝึกทักษะ “การอ่าน” จึงต้องเข้มข้น ตั้งแต่ ป.๑ - ป.๓ หากพ้นจากจุดนี้ไปแล้ว ก็ยากที่จะพัฒนาคุณภาพให้บรรลุเป้าประสงค์ของโรงเรียน..เขตพื้นที่ฯและสพฐ.

            ผมกลับเข้ามาสอนในโรงเรียนอีกครั้ง หลังจากห่างหายการสอนไป ๒ เดือนเต็ม สัมผัสแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กขาดการฝึกฝนประสบการณ์ทางภาษา จากเด็กเก่งก็กลับมาอยู่กลางๆ เด็กอ่อนก็เข้าขั้นวิกฤตไปเลย

            แสดงให้เห็นว่า “การอ่าน” เป็นทักษะส่วนหนึ่งที่สำคัญของการสอนภาษาไทย เด็กต้องฝึกซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีการและเครื่องมือที่หลากหลาย ตลอดจนต้องเร้าความสนใจของผู้เรียนด้วย

            แต่ถึงอย่างไร เวลาที่เหลือ ผมคิดว่าเอาอยู่ ถ้าได้อยู่กับเขาทุกวัน ผมมีสื่อและนวัตกรรมที่เคยใช้แล้วได้ผล มีหนังสืออ่านเพิ่มเติม วรรณกรรมและหนังสือนิทาน เข้ามาช่วยเสริมเติมเต็มตามวิธีการของผม

            โดยมีจุดหมายปลายทางที่เด็กร้อยละ ๘๐ ต้องอ่านคล่อง เลื่อนชั้นไป ป.๔ อย่างงดงาม ไม่เป็นภาระของครูและผู้ปกครอง ผมจะไม่มองที่รางวัลใดๆทั้งสิ้น

            น่าเป็นห่วงเหลือเกิน ที่นับวันสพฐ.และศธ.ไม่พูดเรื่องการอ่านเท่าที่ควร ไม่ทำให้เป็นวาระแห่งชาติอีกแล้ว ทั้งที่การอ่านคือหัวใจของการเรียนรู้ทั้งมวล

            ครูและผู้บริหารใช้เวลามากมายหมดไปกับการไล่ล่ารางวัล โดยพัฒนาเด็กได้เพียงบางกลุ่ม แล้วเด็กที่รอคอยการพัฒนาจากครูวันแล้ววันเล่า กับเวลาที่ครูมีอยู่ก็ช่างน้อยเหลือเกิน

            เมื่อไหร่จะเลิกเอารางวัลมาล่อใจ ให้ครูได้ใช้เวลาเต็มที่ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ เต็มเวลาและเต็มความสามารถ...เพื่ออนาคตเด็กและการศึกษาของชาติ..ที่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๕  ธันวาคม  ๒๕๖๖

           

            

            

            

 

หมายเลขบันทึก: 716658เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2023 19:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2023 19:51 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เสื้อลายเจ็บปวดครับ ท่าน ผอ. ;)…

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท