คิดอีกทีและเข้าใจได้ (Think Again and Understandable)


ถ้าท่านได้อ่านบทเขียนของผมหลังจากทราบผลเลือกตั้งทั่วไป 2566 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นั้น ผมเขียนเชียร์ให้ก้าวไกลและเพื่อไทย ตลอดจนพรรคฝ่ายค้านเดิมได้จับมือกันแน่นจนสามารถตั้งรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะรอนานถึงปีก็ตาม เพราะนั่นคือสิ่งที่ประชาชนเลือกมา และหลังจากนั้นผมก็เขียนให้ความเห็นเรื่องนี้เป็นระยะ 

ความเชื่อในช่วงนั้นคือ เมื่อสมาชิกสภาผู้แทน (สส.) ที่ได้มาจากการเลือกตั้งรวมตัวกันได้มากกว่า ครึ่งหนึ่งของสภาฯ ก็ควรได้สิทธิ์เป็นรัฐบาล ถ้าไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ  พ.ศ. 2560 ที่เขียนให้สิทธิ์สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ร่วมโหวตนายกได้ 

ถึงกระนั้นก็ตามผมก็ยังหวัง สส. ที่มาจากการเลือกตั้ง แม้วจะไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลคงร่วมโหวตสนับสนุนให้แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องพึ่งเสียง สว. ที่มาจากการแต่งตั้ง 

แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เชื่อ ซึ่งก็เข้าใจเพราะ ถ้าฝั่งรัฐบาลเดิมข้ามขั้วมาร่วมโหวตให้ฝ่ายค้านเดิมเป็นรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ควรทำและน่ายกย่อง แต่เขาก็คงอธิบาบตัวเองได้ยากว่า แล้ว 4  ปีผ่านมาจะอธิบายว่าอย่างไร 

พอพรรคที่ได้เสียง สส. สูงสุดเป็นแกนนำไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และเมื่อมีการส่งไม้ต่อให้กับพรรคอันดับสองคือ เพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และในที่สุดก็ต้องแยกทางกับพรรคก้าวไกล และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิม ซึ่งยอมรับว่าในช่วงนั้นผมเสียใจที่ภาพรัฐบาลในฝันของประชาช และผู้ร่วมฝันหลายคนต้องล่มสลาย และผมเองก็รับไม่ได้จริงๆ กับเหตุการณ์นั้น 

แต่หลังจากรพรรคตเพื่อไทยต้องกลืนเลือดและยอมจับมือกับขั้วอำนาจเดิม แบบเทหมดหน้าตักและเสี่ยงต่อผลที่จะตามมาอีกมากมาย ดังที่เห็นกันอยู่ และจะต้องเผชิญกันต่อไปนั้น ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เพื่อไทยทำ  

แนะนี่คือเหตุผลที่เขียนวันนี้ และพร้อมจะรับผิดชอบความคิดและความเชื่อในบทเขียนนี้ึครับ ถ้าสังคมไม่เข้าใจสิ่งที่ผมคิดและเชื่อ ณ ตอนนี้ 

หลายคนคงเชื่อว่าที่เพื่อไทยทำทุกอย่างก็เพียงแค่ทำให้ได้เป็นรัฐบาล และการกลับมาของ ดร. ทักษิณ ชินวัตร 

ใครจะเชื่อหรือเชื่อมโยงกันอย่างไร ความจริงที่แท้จริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ทุกคนได้แต่คาดเดา แต่ไม่นานก็คงกระจ่างชัด และเวลาจะเปิดเผยความจริงทุกอย่างแน่นอน โปรดติดตาม 

เช่น เดียวกันสิ่งที่เพื่อไทยยอมทุกอย่างเพื่อการนี้ คือการได้เป็นรัฐบาลก็จะถูกเปิดเผยด้วยการเวลาเช่นกัน  โปรดติดตาม โดยเฉพาะ 1 ปี นับจากวันนี้ครับ 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือ เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และเรามีนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองที่มากจากการเลือกตั้ง แม้จะต้องอาศัยมืออีกฝ่ายสนับสนุนก็ตาม 

และสิ่งสำคัญของเหตุการณ์นี้คือ ทุกฝ่ายมีที่ยืนในสังคม (จำคำนี้ไว้ใด้ดีๆ คร้บ)

หลายคนอาจจะบอกว่า แล้วตอนที่ฝ่ายขั้วอำนาจเดิมเป็นรัฐบาลเดิม และมีอำนาจ ทำไม่ไม่ให้ที่ยืนของอีกฝ่าย คำตอบก็คือ เพราะขั้วอำนาจเดิมเป็นตัวแทนของฝ่ายอำนาจนิยมครับ ซึ่งมีความเชื่อและวิธีคิดแตกต่างไปจากฝ่ายประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายอำนาจนิยมยอมให้มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่เชื่อว่าจะได้รับเลือกมากพอที่จะตั้งรัฐบาลที่อ้างได้ว่ามาจากเสียงประชาชน หรือด้วยความจำเป็นอื่นใดก็ตาม 

สิ่งที่ได้ก็คือ การที่ทำให้ฝ่ายอำนาจนิยมเข้าสู่เกมอำนาจแบบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่ไม่เสด็จนำ คือ ฝ่ายประชาธิปไตมีเสียงรวมกันไม่มากพอที่จะตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องพึ่งเสียง สว. 

และนั่นคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการประชุมเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี 2 ครั้งในระยะแรก 

หลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และถ้ายังตามความเชื่อและสูตรเดิม ผลสรุปก็จะเป็นเหมือนเดิม คือ ตั้งรัฐบาลไม่ได้ 

หลายคนก็คงบอกว่า  ‘แล้วทำไมไม่รอบ 10 เดือน’ สว. ไม่มีสิทธิเลือกนากยกรัฐมนตรีแล้วค่อยว่ากันใหม่ 

ผมก็เคยคิด และเขียนสนับสนุนหลักคิดนี้ครับ แต่ 10 เดือน อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ แม้ว่าพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 3 จะประกาศว่าจะไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่เมื่อได้สิทธิ์อันชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากพรรคที่ได้เสียงอันดับสองจัดตั้งร้ฐบาลไม่ได้ เพราะแม้จะเสียงข้างน้อย แต่เมื่อรวมกับ สว. ฝ่ายขั้วอำนาจเดิมก็มีเสียงมากพอจะเป็นรัฐบาลได้ และกุนซือรัฐบาลเก่าบอกแล้วว่า ร้ฐบาลเสียงข้างน้อย สามารถโตได้ภายหลัง ทั้งแบบ ‘งูเง่าย้ายพรรค หรือ สส. ฝากเลี้ยง คือไม่ย้ายพรรค (เพราะพรรคเดิมไม่ไล่าออกจากพรรค) แต่โหวตสนับสนุนอีกฝ่าย’ 

และถ้าร้ฐบาลขั้วเดิมจะแก้รัฐธรรมนูญที่เอื้อกับตนเองให้อยู่ต่อก็ย่อมทำได้ และที่สำคัญยังมีกลไกอำนาจอื่นๆ เช่น องค์กรอิสระทั้งหลายที่สามารถให้คุณหรือให้โทษต่อการบริหารประเทศได้ 

แล้วฝ่ายค้านเดิมจะมีอะไรไปต่อสู้ในเวทีที่มีกติกาและกลไกอำนาจแบบที่เป็นอยู่นอกจากการเข้าไปมีอำนาจรัฐด้วยตัวเอง แม้จะต้องแลกก้บโอกาสนี้ด้วยทุกอย่างแบบหมดหน้าตักแบบพรรคเพื่อไทยทำขณะนี้ และในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายคือ มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง 

นี่คือความเข้าใจและความเชื่อของผมขณะนี้  การไม่เห็นด้วย การก่นด่าพรรคเพื่อไทย และอื่นๆ ก็เข้าใจได้ แต่ขณะเดียวกันก็ควรเข้าใจและเห็นใจพรรคที่เสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย 

แล้วรอดูการกระทำหลังจากนี้ิต่อไป 

จริงอยู่อาจจะไม่ได้ดังใจทุกเรื่อง แต่สร้างจุดคานอำนาจ และจุดเปลี่ยนที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขนาดนี้ ทำได้อย่างนี้ก็ควรแก่การเคารพ และให้กำลัง แล้วติดตามผลต่อไปครับ โดยเฉพาะช่วงห้วเลี้ยวหัวต่อ  10  เดือนนี้ หรือ ปี เพื่อความชัดเจน หลังได้ สว. ชุดใหม่แทนชุดปัจจุบัน 

ขอให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย สส. เพื่อไทย และผู้สนับสนุนทุกคน  ขอให้ท่านเข้มแข็ง และทำงานอย่างมีจุดยืน และอยู่ให้ได้อย่างน้อย 10  แล้วทุกคนจะได้คำตอบว่าทำไหม พรรคเพื่อไทยจึงต้องทำเช่นนี้

คารวะด้วยใจครับ

สมาน อัศวภูมิ

27 สิงหาคม 2566

 

หมายเลขบันทึก: 714165เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2023 09:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม 2023 09:24 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท