(ภาพ : เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ มองเห็นเมื่อเรือออกจากเกาะทะลุ)
.
เมื่อทุกคนขึ้นมาบนเรือแล้ว บรรยากาศบนเรือดูเหมือนว่าจะเครียด ๆ และเงียบกว่าก่อนที่ทุกคนจะลงไปในน้ำ โดยเฉพาะพ่อบ้านของคุณมะเดื่อ ทั้งเหนื่อย หมดแรง และมีอาการเมาเรือ เวียนหัวจะอาเจียน ถึงกับต้องนอนคว่ำหน้า นิ่ง ๆ ( ดีว่า ได้เตรียมยามาด้วย กินยาแล้วอาการจึงดีขึ้น คุณมะเดื่อยังกังวลอยู่ว่า ถ้าเข้าฝั่งแล้วพ่อบ้านอาการไม่ดีขึ้นคงลำบากมาก เพราะขับรถไม่ไหวแล้ว แต่แล้วเมื่อเห็นอาการดีขึ้นก็โล่งใจ ถึงกระนั้นพ่อบ้านก็ต้องนอนนิ่ง ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้าตา เนื้อตัวตลอดเวลา ไปจนเรือเข้าฝั่ง ) น้องไต๋ตามขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายแล้วเตรียมออกเรือ แล้วมุ่งสู่ เกาะง่ามน้อย อันเป็นจุดดำน้ำจุดที่ 2 ของทรีปนี้
.
(ภาพ : เกาะง่ามน้อย มองจากไกล ๆ เหมือนเต่ายักษ์)
เมื่อน้องไต๋เบนหัวเรือมุ่งสู่เกาะที่ 2 ซึ่งเมื่อมองจากฝั่ง ก็เห็นว่าเหมือนอยู่ไม่ไกลจากเกาะทะลุ เหมือนอยู่หลังเกาะทะลุนี่เอง แต่ทะเลก็หลอกตาเราได้สำเร็จเสมอ เพราะจากเกาะทะลุมายังเกาะง่ามน้อย ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเช่นเดียวกัน
เมื่อแรกที่น้องไต๋ขับเรือมุ่งสู่เกาะนี้ พวกเรายังไม่รู้ว่าจะไปที่เกาะอะไร เห็นแต่เพียงว่า รูปร่างเหมือน “เต่ายักษ์” นอนหมอบอยู่เหนือผืนน้ำ คุณมะเดื่อจึงหันไปถามน้องไต๋ว่า
“ เกาะเต่าใช่ไหมจ๊ะ”
“เกาะง่ามน้อยครับ ไม่ใช่เกาะเต่า” น้องไต๋ตอบ อันที่จริงชื่อเกาะง่ามน้อย ง่ามใหญ่นี้ คุณมะเดื่อได้ยินชื่อเสียงมาก่อนหน้านี้แล้วจากโทรทัศน์และสื่อโซเชียล เกาะทั้งสองแห่งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นเกาะที่ได้ชื่อว่า เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังใต้น้ำที่สวยงาม และขึ้นชื่ออันดับต้น ๆ ทีเดียว แต่ก็ไม่คิดว่า วันนี้จะได้มาถึงสถานที่จริง แถมมาถึงแล้วยังไม่รู้จักชื่ออีกด้วย…! น้องไต๋บอกกับลูกเรือว่า … เกาะนี้น้ำทะเลจะตื้นกว่าเกาะทะลุ และมีปะการังมากกว่า สวยกว่า.. เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความเครียดบนใบหน้าของหลาย ๆ คน จางไปกลับมีความแจ่มใส มีชีวิตชีวามาแทนที่ ความคึกคักกระตือรือร้นก็ดูว่าจะกลับมาอีกครั้ง
เกาะทะลุที่อยู่เบื้องหลังของพวกเรา ค่อย ๆ ย่อส่วนเล็กลงเรื่อย ๆ จนดูเหมือนจะพ้นจากสายตาและความสนใจของพวกเรา เมื่อน้องไต๋นำเรือมาถึงบริเวณเกาะง่ามน้อย ที่เกาะนี้ ก็มีเรือนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำดูปะการังอยู่ก่อนแล้วเช่นเคย
. (ภาพ : เรือนำเที่ยวที่เกาะง่ามน้อย)
ข้างเกาะมีทุ่นสำหรับผูกเรือ แทนการทอดสมอ ซึ่งเป็นวิธีป้องกันไม่ให้สมอเรือลงไปกระทบกระแทกปะการังใต้น้ำจนเสียหายนั้นเอง น้องไต๋นำเรือผูกกับทุ่น เรียบร้อยแล้ว คนที่สมัครใจลงไปดูปะการังโดยไม่ลังเลเลยก็คือ คุณน้องเอิล น้องเล็ก ส่วนน้อง ๆ ผู้หญิงคุณมะเดื่อจำไม่ได้ว่า น้องอร กับน้องฮานอยลงไปหรือเปล่า
การลงน้ำครั้งนี้ น้องไต๋ไม่เครียด เพราะทุกคนมีบทเรียนจากเกาะทะลุมาแล้ว จึงไม่วุ่นวายเหมือนที่เกาะทะลุ น้องไต๋ทำหน้าที่ไกด์พาน้อง ๆ ไปดำน้ำข้าง ๆ เกาะ โดยปล่อยให้น้องเอิลไปดูตามความสมัครใจอย่างอิสระ เพราะคงจะเห็นทักษะในการเป็น “นักดำน้ำที่เชี่ยวชาญ” แล้วนั่นเอง
เราใช้เวลาที่เกาะนี้ไม่นานนัก จึงขึ้นจากเรือ เนื่องจาก ใกล้เที่ยงแล้ว น้องอร น้องนาง น้องฮานอยจึงนำอาหารกลางวัน อันมีข้าวกล่อง ผลไม้ และเครื่องดื่มมาแจกจ่ายให้ทุกคน (ยกเว้นพ่อบ้านที่ยังคงนอนนิ่ง ๆ )
น้องไต๋ นำแตงโมมาปอกและผ่าด้วยฝีมือที่ชำนาญการ ทำเป็นชิ้นออกมาสวยงามน่าชม ( จนน้องแทนเอามาทำเป็นปลาคุยกันก่อนกิน ) เสร็จสรรพก็แจกจ่ายให้ทุกคนได้ชิมกัน หลังมื้อเที่ยงผ่านไป น้องไต๋เตรียมตัวนำเรือไปยังเกาะที่สาม ก็พอดีมีเรือยนต์ของเจ้าหน้าที่อุทยานแล่นมาจอดเพื่อเก็บค่าเข้าชมอุทยาน ( ซึ่งคุณมะเดื่อเข้าใจว่า อันตราค่าเข้าชมก็คงเท่า ๆ กันทุกอุทยาน และชาวต่างชาติต้องเสียแพงกว่าคนไทย ยกเว้นคุณมะเดื่อกับพ่อบ้าน ที่อายุเลยแซยิดแล้ว ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมนี้) จากนั้น น้องไต๋ นายหัวเรือของเราก็เบนหัวเรือออกจากเกาะง่ามน้อย มุ่งหัวเรือสู่เกาะง่ามใหญ่ ซึ่งคราวนี้อยู่ไม่ไกลจากเกาะง่ามน้อย อันเป็นจุดหมายปลายทาง และเป็นเกาะสุดท้ายของทริปนี้
( ภาพ : เกาะง่ามใหญ่ และเรือท่องเที่ยว)
น้องไต๋ประชาสัมพันธ์ว่า … ที่เกาะง่ามใหญ่นี้ น้ำจะตื้นกว่าสองเกาะที่ผ่านมา และมีปะการังที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุด เมื่อได้ยินดังนั้น ความมีชีวิตชีวาของนักดูปะการังบนเรือก็กลับมาทันที ทุกคนเตรียมหาอุปกรณ์ดำน้ำที่ถอดวางเมื่อตอนกินข้าวมาสวมใส่เตรียมพร้อม คราวนี้น้องนาง ขอลงด้วย เพราะผ่านมาสองเกาะแล้ว ที่ไม่ได้ลงน้ำ
เมื่อเข้าเขตเกาะง่ามใหญ่ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของทุกคน และทำให้ตื่นตาตื่นใจที่สุด ก็คือ น้ำทะเลที่สีเขียวอมฟ้าที่ใสปานกระจกที่โอบรอบเกาะขนาดใหญ่ตรงหน้าของพวกเรา ความใสของน้ำทะเล มันใสจนทำให้เห็นก้อนหินและปะการังที่กระจัดกระจายอยู่ใต้พื้นน้ำได้โดยไม่ต้องดำลงไปได้ แม้ว่าภาพที่เห็นอาจจะไม่ชัดเจนแต่ก็ดูออกว่าเป็นปะการัง
เมื่อน้องไต๋นำเรือจอดแล้ว น้องเอิลก็สวมวิญญาณนักประดาน้ำพุ่งหลาวลงสู่น้ำทันที ดำผุดดำว่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก็นอนหงายลอยตัวโชว์พระอาทิตย์ซะงั้น น้องเล็กก็ว่ายไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนน้องไต๋ทำหน้าที่ไกค์พาสามสาวเกาะห่วงยางลอยตัวไปดูปะการังชาย ๆ เกาะ ปล่อยให้เด็ก ๆ รออยู่บนเรือก่อน คุณมะเดื่อจึงพาน้องแทนดู “ ปลิงทะเล” ตัวโต ๆที่นอนสงบนิ่งอยู่บนทรายใต้น้ำ น้ำใสทำให้เห็นได้ชัดเจน ปลิงทะเลตัวโต ๆ หลายตัว นอนนิ่งน่าดูมาก ทำให้คิดว่า จะน่าดูกว่านี้ หากได้มานอนในหม้อตุ๋นน้ำแดงยาจีน…อิ อิ อิ
คุณมะเดื่ออยู่บนเรือกับเด็ก ๆ ที่ยังรอน้องไต๋ให้พาลงดูปะการัง ยอมรับว่า เกาะง่ามใหญ่งดงามมาก ๆ แม้จะมองเห็นโลกใต้ทะเลไม่ชัดเจน แต่ความงดงามของตัวเกาะก็ดูแล้วตรึงตรา ตรึงใจมากมายจริง ๆ เกาะนี้มีเพิงพักของคนเก็บรังนกนางแอ่นที่สร้างอยู่ระหว่างโขดหินด้วย เนื่องจากไม่มีทางขึ้นหน้าผา จึงมีบันไดเชือกห้อยลงมาจากหน้าผาหินสำหรับป่ายปีนอยู่ด้วย ที่คุณมะเดื่อชอบมาก ๆ ก็คือ ที่ชายเกาะ มีต้นลั่นทมเขาที่มีดอกบานสะพรั่ง กับ ต้นมะพร้าวที่มีลูกดกเต็มคอต้น คุณมะเดื่อชี้ให้น้องแทนดูแล้วบอกว่า “เกาะนี้เหมือนเกาะในหนังสือการ์ตูน ที่คนวาดมักจะวาดให้เกาะมีต้นมะพร้าวอยู่ด้วย”
เราใช้เวลาที่นี่นานกว่าสองเกาะแรก เมื่อน้องไต๋พาสามสาวกลับมา น้องเอิล น้องเล็กก็กลับขึ้นเรือ ส่วนเด็กน้อยทั้งสามที่รออยู่ น้องไต๋ก็พาลงน้ำไปเกาะห่วงยางลอยตัวดำน้ำดูปะการังใกล้ ๆ เรือ น้องแทนดูว่าจะกลัวความลึกของน้ำจึงเกาะห่วงซะแน่นไม่ยอมเหยียดแขนลอยตัวเหมือนเพื่อน ๆ ครู่หนึ่ง น้องไต๋จึงพาเด็ก ๆ ขึ้นเรืออาบน้ำจืด เตรียมตัวกลับเข้าสู่ฝั่ง
พวกเราโบกมืออำลาเกาะง่ามใหญ่ ดินแดนอัญมณีสีมรกตแห่งท้องทะเลไทย ไว้เบื้องหลัง เมื่อน้องไต๋พาเรือและพวกเรากลับเข้าฝั่งในเวลาเกือบบ่ายสามโมง พ่อบ้านของคุณมะเดื่อหายเป็นปกติแล้ว พวกเรากลับขึ้นฝั่ง กล่าวขอบคุณน้องไต๋ แล้วเก็บสัมภาระขึ้นรถ เดินทางไปยังบ้านของน้องอร เพื่อพักผ่อนและรอน้อง ๆ ที่ลงน้ำได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่น้องอรจะพาไปชมความงามของป่าชายเลนในเขตบริเวณอุทยานแห่งชาติทางทะเลหมู่เกาะชุมพร อันเป็นโปรแกรมต่อไป
…………………. โปรดติดตาม ตอนที่ 4 ต่อไป………..