Steve Jobs ผู้ชายที่เชื่อว่า เขาเปลี่ยนแปลงโลกได้ และเราจะได้ประโยชน์อะไร จากเรื่องนี้บ้าง


Do you want to sell sugar water for the rest of your life, or do you want to come with me

and change the world ?

 

คุณต้องการจะขาย น้ำผสมน้ำตาล ไปชั่วชีวิต หรือ คุณต้องการโอกาสสักครั้ง

ที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ร่วมกับผม

 

--- Steve Jobs ผู้มีส่วนสำคัญ ในการทำให้ iPhone ถือกำเนิดขึ้นมา บนโลกใบนี้

 

              ทำไม ?

              คนจำนวนมากมาย จึงยอมเสียเงิน 30,000 – 50,000 บาท

              เพื่อจะได้ครอบครอง iPhone รุ่นล่าสุด

              ทั้งที่อาจจะมี Smart Phone ยี่ห้ออื่น ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน แต่ว่า ราคาถูกกว่า อย่างน้อย 30 %

 

              เหตุผลนั้น ย่อมมีเป็นล้าน และถกเถียงกันได้ไม่สิ้นสุด

              หากทว่า สำหรับผม คำตอบมีเพียง 1 ประการ นั่นคือ

              Steve Jobs

 

              บางคน มองว่า Steve Jobs เป็นสุดยอด ในการคิดค้นนวัตกรรม

              แต่ก็มีอีกหลายคน ที่คิดว่า Steve Jobs เพียงแค่ “ต่อยอด” จากผลงานของคนอื่น และมีความฉลาดในการสร้างวลีสวย ๆ เพื่อขายสินค้าให้ได้เท่านั้น

              นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญ ยังถึงกับกล่าวร้ายว่า ลูกน้องของ Steve Jobs เป็นคนเริ่มต้นพัฒนา iPhone ขึ้นมา หากทว่า กลับโดน Steve Jobs แย่งชิงความดีความชอบไป

 

              สำหรับผม Steve Jobs มีความเก่งกาจหลายด้าน แต่หากเราพูดให้ครบทุกอย่าง ก็คงจะเสียเวลามากมาย และทำให้แก่นแท้ที่สำคัญที่สุด ด้อยค่าลง

              ดังนั้น ผมจึงได้สรุปออกมาเพียง 1 ประการ

              โดยแยกเป็น 3 องค์ประกอบ ที่เชื่อมร้อยกัน

              

              โปรดเสพรับ และซาบซึ้ง

              ในความยิ่งใหญ่ของ “มหาศาสดา”

 

  1. พลังที่รุนแรง ดึงดูด และ น่าหลงใหล

 

นี่คือ สิ่งที่ Steve Jobs ใช้ขายทุกสิ่ง ที่เขาผลิตขึ้นมา

ทุกสิ่งของ Apple ต้องน่าหลงใหล

 

เขาให้ความสำคัญกับ “ทีมออกแบบ” มากกว่า เหล่าวิศวกรชั้นเซียน

ทั้งที่เป็นสินค้าเทคโนโลยี หากทว่า Steve Jobs ก็ยังฉลาด และสัมผัสได้ว่า ความสวยงามจะทำให้ลูกค้าติดใจ และตัดสินใจซื้อ โดยแทบไม่ลังเล

 

It's not just what it looks like and feels like. Design is how it works.

 

ประโยคนี้ อาจทำให้คนเข้าใจผิดกันเยอะ เพราะเหมือนกับว่า Steve Jobs จะให้ความสำคัญกับการทำงานของผลิตภัณฑ์ มากกว่ารูปลักษณ์ และความรู้สึก

หากทว่า Steve Jobs ละเอียดกว่านั้น เขาให้ความสำคัญกับทั้งคู่

นั่นคือ การออกแบบให้สวยงาม จะกลายเป็นความ “กลวงเปล่า” หากไม่มีการใช้งานที่ดี เป็นพื้นฐานรองรับ

การเข้าใจ วิธีการทำงานของผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง จะช่วยเสริมประสานให้การออกแบบมีความงดงามล้ำลึกกว่าเดิม

 

ความสุดยอดของ Steve Jobs ก็คือ เขาเป็นพวก Perfectionism ดังนั้น เขาจึงสามารถบีบเค้น กดดัน และแสวงหาทุกวิถีทาง เพื่อทำให้ความสวยงาม และคุณภาพการใช้งาน สามารถเกิดขึ้นควบคู่กันได้ เกือบทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หากต้องเลือกระหว่าง “ความสวยงาม VS การใช้งาน” เขาจะเสียสละอย่างหลัง เพื่ออุทิศให้กับอย่างแรก โดยไม่ลังเล

ในช่วงบั้นปลายชีวิต เขายังสามารถยืดหยุ่น และแสวงหาจุดลงตัว ได้ดีกว่าเดิม โดยไม่ปล่อยให้คุณภาพการใช้งาน ต้องเสียสละตัวเองมากเกินไป

 

พลังสะกด ที่ไม่อาจต้านทาน (Reality Distortion Field) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ และยี่ห้อของ Steve Jobs ไม่ได้เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่เขายังสามารถใช้ เพื่อโน้มน้าวทีมงาน พันธมิตร และนายทุน ให้เปลี่ยนใจมาสนับสนุนเขาได้

 

บทเรียนจากเรื่องนี้ ก็คือ อย่าดูเบา “ความสวยงาม” ของชีวิต และทุกสิ่งที่เรากระทำ

คนที่หมกมุ่นกับเหตุผล และคุณภาพมากเกินไป ส่วนใหญ่แล้วจะล้มเหลว ทั้งในการขายสินค้า ความคิด และความสัมพันธ์

ดังนั้น จงเปิดใจ และโอบรับความงาม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

 

มนุษย์เป็นสัตว์ที่เฉื่อยชาต่อความเปลี่ยนแปลง

หากต้องการให้พวกเขาสนับสนุนคุณ

จงเปิดเกมรุก ใส่พลังยิ่งใหญ่เข้าไป เพื่อให้เกิดความสั่นสะเทือนไปทั่วจักรวาล

 

    2. Focus and Zen

 

ความจริงแล้ว ไม่ควรมีองค์ประกอบที่ 2 และ 3 เพราะองค์ประกอบที่ 1 ก็ตอบทุกอย่างแล้ว

หากทว่า ความยิ่งใหญ่ของ Steve Jobs ก็คือ นอกจากเขาจะมี “พลังที่รุนแรง ดึงดูด และน่าหลงใหล” อย่างที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว เขายังใช้มันอย่างมี Focus ไม่ปล่อยทิ้งขวางไปกับเรื่องที่ไร้สาระ และมีความสำคัญน้อยเกินไป

นี่จึงทำให้พลังของเขานั้น เข้มข้น และรุนแรง ยิ่งกว่าผู้ใดบนโลกใบนี้

 

โทรศัพท์มือถือ ในยุคก่อนที่จะมี iPhone เกิดขึ้นนั้น ย่อมเต็มไปด้วย “ปุ่มกด” มากมาย

Steve Jobs ทำให้เหลือเพียง 1 ปุ่มเท่านั้น

ปากกา (Stylus) ที่ใช้จิ้มลงไปบน iPhone หรือ iPad ย่อมไม่มีวันเกิดขึ้นได้ หากว่า Steve Jobs ยังมีชีวิตอยู่

เพราะเขามองว่า Stylus ยุ่งยากในการเก็บรักษา

“นิ้วมือ” เป็นสิ่งที่สวยงาม ซึ่งพระเจ้าประทานให้มนุษย์ และอยู่ติดตัวกับเราตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นสิ่งที่คู่ควรในการขับเคลื่อน iPhone ในทุกมิติ

 

เขาจะไม่ยอมเพิ่มองค์ประกอบใด ๆ เข้ามาในสินค้าของเขา โดยไม่มีความจำเป็นชั้นสุด

 

ปรัชญา Zen ที่เน้น “ความเรียบง่าย” ในการเข้าถึงสัจธรรม จึงเป็นวิถีแห่งการทำงาน ใช้ชีวิต และสร้างสรรค์ของ Steve Jobs

หากคุณมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ไม่มากนัก สมองของคุณก็จะทำงานได้อย่างเฉียบคม

ลูกค้าก็เช่นเดียวกัน หากสินค้านั้นมีความเรียบง่าย “องค์ประกอบที่โดดเด่น ก็จะเปล่งประกายออกมา”

 

MUJI อาจจะเป็นอีกบริษัท ที่ประยุกต์ใช้หลักการ Zen ในการออกแบบผลิตภัณฑ์

หากทว่า Apple ไม่ได้โดดเด่น เพราะความเรียบง่ายแบบ Zen เท่านั้น

แต่ยังมีพลัง และความบ้าคลั่งแบบ Steve Jobs เพิ่มเข้าไปอีกด้วย

 

หากยังคิดไม่ออกว่า ความบ้าคลั่งแบบ Steve Jobs เป็นอย่างไร ผมอยากให้ลองไปดูผลงานศิลปะของ Picasso เกือบทุกชิ้น

และคุณจะเข้าใจ Steve Jobs อย่างลึกซึ้ง

 

   3. Never Give Up

 

นอกจาก Steve Jobs จะมีพลังมหาศาล และรู้จักใช้ในเรื่องที่สำคัญที่สุดแล้ว เขายังไม่เคยปล่อยให้อุปสรรคใด ๆ เข้ามาขวางกั้นพลังของเขาได้

เขาจะไม่เคยยอมแพ้ ยอมแพ้ และยอมแพ้

จนกว่า เขาจะได้พยายามจนถึงที่สุดแล้ว

 

Steve Jobs เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เขาจึงไม่มีวันยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาได้กลับมาบริหารบริษัท Apple เป็นครั้งที่ 2 สถานะการเงินมีปัญหา อย่างแรง จึงมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจาก Bill Gates คู่แข่งตัวฉกาจ ที่เคยขัดแย้ง และขับเคี่ยวกับ Steve Jobs กันมาอย่างยาวนาน

แน่นอนว่า Steve Jobs คงไม่เข้าไปก้มกราบและยอมจำนนกับ Bill Gates ด้วยความนอบน้อม แต่ก็เป็นการยอมรับกลาย ๆ ให้เขาเหนือกว่า อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่ Apple ยังไม่ฟื้นตัว

 

ทุกสิ่งที่ผมพูดมา อาจดูเป็นเรื่องที่บ้าคลั่ง ไม่เกี่ยวกับความฉลาด ไหวพริบ และความสร้างสรรค์

หากทว่า Steve Jobs มีทุกอย่างที่กล่าวมาข้างบน แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันเปล่งประกายยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เมื่อไร้ซึ่งพลังที่น่าสะพรึงกลัวและรุนแรงของเขา

นักธุรกิจจำนวนไม่น้อย อาจมีความฉลาด ไหวพริบ และความสร้างสรรค์ เหนือชั้นกว่า Steve Jobs แต่เพราะขาดแคลนพลังเสน่ห์ที่ล้นเหลือ จึงต้องพ่ายแพ้ให้กับ Apple บริษัทที่มีมูลค่าตลาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นบริษัทแรก ก่อนที่ Amazon และ Microsoft จะไล่ตามกันมา

 

ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า หากเรารู้จัก “หยิบยืม” คุณสมบัติพิเศษของ Steve Jobs ที่ผมกล่าวมา ไปใช้ในชีวิตของเราได้ สักเล็กน้อย ก็ย่อมช่วยให้ตัวเราเข้าใกล้ความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้นมหาศาล

 

บางคนอาจรู้สึกลังเลที่จะก้าวเดินตามอย่าง Steve Jobs เพราะรู้สึกว่า เขาอาจเป็นคนที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่ก็มีความไม่น่ารักในหลาย ๆ เรื่อง

 

เพื่อเป็นการปิดท้ายบทความนี้ ผมจึงอยากหยิบยกแง่มุมเล็ก ๆ ในชีวิตของ Steve Jobs มาให้อ่านกัน โดยเป็นข้อความจากหนังสือชื่อ Becoming Steve Jobs ฉบับแปลภาษาไทย หน้า 520

 

“สตีฟที่ผมรู้จัก เมื่อต้นปี 1998 เป็นคนกร้าว มั่นใจ มีความหลงใหล คลั่งไคล้ และอะไรต่อมิอะไร อีกหลายอย่าง แต่เขาก็มีด้านอ่อนโยน เหมือนกัน และด้านอ่อนโยนนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา 13 ปีต่อมา ซึ่งเราเห็นได้ในหลายรูปแบบ เรามีพนักงานที่นี่หลายคน และสามีหรือภรรยาของคนเหล่านั้นที่มีปัญหาสุขภาพ สตีฟพลิกฟ้าพลิกดินหาทางให้คนเหล่านั้นได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ และเขาช่วยเยอะด้วย ไม่ใช่แค่พูดว่า ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ก็โทรมาหาละกัน”          

 

              

หมายเลขบันทึก: 712155เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2023 11:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มีนาคม 2023 11:08 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท