HOP project คืออะไร? ไหนมาดูกัน


เมื่อกล่าวถึงภาวะสมองพิการ (Cerebral Palsy) นั่นหมายถึง ความผิดปกติทางระบบประสาท เกิดจากสมองที่กำลังพัฒนาที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและท่าทางผิดปกติ เสียหายหรือพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกาย และการทรงตัวผิดปกติ จึงส่งผลให้ทักษะการเรียนรู้ของเด็ก CP ที่จะไม่ปกติเหมือนเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน ถ้าหากไปเรียนในโรงเรียนทั่วไป อาจจะเป็นปมด้อย มีการล้อเลียน และที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ โรงเรียนอาจจะไม่รับเด็กเหล่านี้เข้าศึกษา หรือในกรณีที่รับเข้าศึกษา อาจจะมีปัญหาเรื่องทักษะที่ใช้ในการเรียน บทเรียนต่างๆ รวมไปถึงการดำเนินชีวิตในโรงเรียน ที่อาจจะไม่เหมาะสมกับเด็กCP

จึงเห็นได้ว่า การเรียน Homeschool เป็นทางเลือกที่เหมาะกับเด็ก CP เพราะจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ซึ่งรู้จักลูกดีที่สุดได้ดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิด และสามารถวางแผนการเรียนให้ลูกพัฒนาได้ตามศักยภาพของตัวเอง รวมถึงเด็กสามารถดำเนินชีวิตตามศักยภาพที่ตนเองมีได้ ทั้งเรื่องของการเรียน การทำกิจวัตรประจำวัน การเล่น งานอดิเรก และอีกมากมาย หลีกเลี่ยงปัญหาการถูกล้อเลียน ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพจิต และพัฒนาการทางสังคมของเด็ก แต่ปัญหา คือ ผู้ปกครองของเด็กCP ส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับ Homeschool

ทำให้ผู้จัดทำและเพื่อนๆ เกิดไอเดีย นำไปสู่การจัดทำ โครงการ HOP

โดย  H : ทางเลือก Home school ที่เราจะนำเสนอแก่ผู้ปกครอง

O : นำไปสู่การทำ Occupational ของตัวเด็ก

P : ให้คำแนะนำเกี่ยวกับ Psychological Practice with Caregivers ซึ่งหัวข้อนี้เราจะพัฒนาในอนาคต แต่ในทำนองเดียวกัน ถ้าหาก H และ O เป็นไปในทางที่ดี P ก็จะดีด้วย เพราะเมื่อผู้ปกครองมี ทางเลือก Home school ที่ดี ตัวเด็กก็จะมีการทำ Occupational ที่ดี ส่งผลให้สภาพจิตใจของผู้ปกครองก็เป็นไปในทางที่ดีด้วย

ทางกลุ่มของเราจึงได้มุ่งเป้าหมายไปที่การนำเสนอทางเลือก Homeschool รูปแบบต่างๆแก่ผู้ปกครองของเด็กCP ชนิดพิการไม่รุนแรง ในช่วงปฐมวัย ที่จะต้องสามารถตอบโจทย์กับความต้องการ ความสามารถ ศักยภาพ และพัฒนาการของเด็กมากที่สุด เพื่อสร้างโอกาสในการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กCP เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ตัวเด็กและผู้ปกครอง และการค้นพบตนเองที่จะนำไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคต แทนการผลักดันให้เด็กพิการเข้าเรียนที่โรงเรียนตามระบบปกติ ที่นอกจากจะมีปัญหาหรือการตัดขาดโอกาส เช่น โรงเรียนทั่วไปไม่รับเข้าเรียน แต่ยังมีในส่วนที่เด็ก CP จะโดนล้อเลียน หรือถูกกระทำสิ่งที่ไม่สมควร ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจของเด็กและผู้ปกครอง

สิ่งที่ท้าทายสำหรับโครงการที่พวกเราได้จัดทำขึ้นนั้น คงเป็น “วิธีการนำเสนอความรู้” ที่จะนำเสนออย่างไรให้ผู้ปกครองสนใจ เข้าใจ และนำไปประกอบการตัดสินใจได้ รวมถึงเนื้อหาที่จะนำเสนอว่าจะนำเสนออย่างไรให้ดูน่าเชื่อถือ น่าเชื่อมั่น เพราะถ้ามองในมุมมองกลับกันระหว่างผู้จัดทำกับผู้ปกครองของเด็ก CP ถ้าเกิดเราเป็นผู้ปกครอง เราจะมีความกังวลแค่ไหน ในการเลือกการศึกษาให้แก่ลูกตนเอง เนื่องจากการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่นะต่อยอดสิ่งต่างๆให้ลูกของเรา

โดยในที่สุดจากกระบวนการค้นหา ออกแบบ และการดำเนินการของพวกเรานั้น ได้ออกมาเป็นสื่อการให้ความรู้ในรูปแบบ โบชัวร์ ที่จะมีเนื้อหาในหัวข้อ ดังนี้

  1. Homeschool คืออะไรHomeschool มีกี่รูปแบบ
  2. ข้อดีของ Homeschool ต่อเด็ก CP
  3. ตัวอย่าง Homeschool ในไทยกับเด็ก CP
  4. ช่องทางการแลกเปลี่ยนข้อมูล Home school ของผู้ปกครอง

ดังภาพ

 

พวกเรามองว่าแค่โบชัวร์ให้ความรู้ คงไม่พอที่จะสนับสนุนความน่าเชื่อถือได้ เราจึงอยากที่จะสร้างเครือข่ายสำคัญมาสนับสนุน ซึ่งจะแยกออกเป็น เครื่อข่ายนักกิจกรรมบำบัดอาสา ที่จะคอยช่วยประเมินศักยภาพ พัฒนาการ และความสามรถของเด็ก รวมไปถึงการวางแผน การดำเนินการต่างๆ ประกอบกับเสนอรูปแบบ Home school แบบต่างๆ เพื่อให้ผู้ปกครองได้มีทางเลือกในรูปแบบการศึกษาของลูกที่เด็กพิการสามารถจบการศึกษา ค้นหาตนเอง และหางานที่เหมาะสมในอนาคตตามศักยภาพสูงสุดที่ตัวเด็กมีได้ โดยนักกิจกรรมบำบัดจะเป็นผู้ที่คอยอยู่ข้างๆผู้ปกครองเป็นทั้งเพื่อน ผู้รับฟัง ที่ปรึกษา คอยช่วยเหลือและเลือกรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเด็กมากที่สุด ร่วมมือไปด้วยกันกับผู้ปกครอง นอกจากนี้เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพจะมีการปรึกษาร่วมกันกับคุณครูที่จะมาสอนเด็กๆ หรืออาจจะมีการขอคำแนะนำจาก role model หรือผู้ที่จบการศึกษาด้วยรูปแบบ Home school ที่ซึ่งนอกจากจะต้องตอบโจทย์ในเรื่องของการศึกษาแล้ว ยังจะต้องสนับสนุนการมีส่วนร่วมในสังคมให้กับเด็กCPได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นการร่วมมือกันระหว่าง นักกิจกรรมบำบัด คุณครู และผู้ปกครอง เพื่อการจัดรูปแบบการศึกษาที่เหมาะสมกับเด็กมากที่สุด และอีกหนึ่งเครือข่ายที่สำคัญ คือ เครือข่ายผู้ปกครองที่มีการจัดการเรียนรู้แบบHomeschool เพื่อให้มีช่องทางการในการแลกเปลี่ยน สื่อสาร ปรึกษา ให้ความรู้ แก่ผู้ปกครองด้วยกัน วางแผนและดำเนินการไปพร้อมๆกับผู้ที่สนใจเหมือนกัน หรือมีประสบการณ์แบบเดียวกัน และที่สำคัญที่สุด โครงการของเราจะมีการ ประเมิน และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อ Follow และ Recheck ว่าวิธีการศึกษาในรูปแบบดังกล่าวส่งผลดีต่อตัวเด็ก CP จริงหรือไม่ ต้องมีการปรับเปลี่ยนสิ่งไหน หรือมีอะไรที่ต้องทำเพิ่มเติม 

 

และในการดำเนินการของเรา ได้มีการนำหลัก PEO model มาใช้ ซึ่งเป็น model ทางกิจกรรมบำบัดที่จะชี้ชัดให้เห็นความเกี่ยวข้องของตัวผู้ปกครอง กิจกรรมการดำเนินชีวิต รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องซึ่งนำไปสู่ คุณภาพชีวิตที่ดี (well-being) ของทั้งตัวผู้ปกครองและเด็กCPโดยพิจารณาได้ดังนี้

ในด้าน Person ของทางโครงการเรา จะเป็นผู้ปกครองของเด็กสมองพิการ ช่วงปฐมวัยจนถึงประถมศึกษา ประเภทไม่รุนแรง 

ในด้าน Environment จะประกอบไปด้วยครอบครัว, ฐานะทางสังคม, บ้าน, การศึกษาแบบ Home school, เพื่อนๆของเด็กสมองพิการ และคุณครู, กลุ่มผู้ปกครองที่มีบุตรเป็นสมองพิการเหมือนกัน, มุมมองและทัศนคติของสังคม, วัฒนธรรม

ส่วนในด้าน Occupation ของผู้ปกครองเด็กสมองพิการช่วงปฐมวัยประเภทพิการไม่รุนแรง จะประกอบไปด้วย Activities of daily living หรือ ADLs, Instrumental activities of daily living หรือ IADLs หลักๆเลยก็คือ Child rearing การเลี้ยงดูบุตร, Health management การดูแลสุขภาพของตัวผู้ปกครองเอง, Rest and sleep การพักผ่อน นอนหลับ, Work การทำงาน, Leisure กิจกรรมยามว่าง และ Social participation การเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคมของผู้ปกครอง

 

ทางผู้จัดทำจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแนวคิดโครงการนี้ จะเป็นประโยชน์กับครอบครัวเด็กพิการต่างๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กสมองพิการ ในตอนนี้หรือในอนาคตหากผู้ปกครองที่มีบุตรเป็นสมองพิการได้เข้าร่วมโครงการเรา เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการเราจะเป็นประโยชน์แก่ท่านอย่างแท้จริง          

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์ที่ทุกท่านและ เพื่อนๆทุกคนที่ได้ให้คำแนะนำ ชี้แนะแนว และให้ความคิดเห็นทางในการจัดทำโครงการ 

ชัญญานุช ขุนนุ้ย

อ้างอิงข้อมูล 1.https://tgihomeschool.wordpress.com/2017/03/31/%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9a%e0%b9%89-2/

2.https://www.longtunmom.com/what-is-home-school/

3.https://www.houseofgriffin.com/blog/home-school-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/

4.https://thailandcoursehub.com/homeschooling-pros-and-cons/

5.https://mappalearning.co/homeschool-first-group/

 

หมายเลขบันทึก: 708633เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2022 16:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2022 16:51 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท