สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๐ ครับ
วันนี้ขออนุญาต นำเรื่องความเคลื่อนไหวเรื่องการจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมารายงานให้สมาชิก gotoknow รับรู้รับทราบด้วยกันครับ
ขณะนี้ชุมชนคน KM ของมหาวิทยาลัยกำลังฟิตเปรี๊ยะแทบปริออกมาทุกคน นัดหมายกันเวียนมาประชุมแบบเสวนาแลกเปลี่ยนกันใน “กลุ่มขับเคลื่อน KM” ที่ห้องสะบันงา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น.
ประเด็นคือหาแนวทางที่สร้างเสริมวิธีการ ขยายผลเรื่องการจัดการความรู้ให้กระจายไปกว้างขึ้นในสังคมมหาวิทยาลัย ทุกระดับ คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษา
ผมได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องการเขียน Blog และสร้างกลุ่ม Bloger ขึ้นในมหาวิทยาลัย
คงมีโอกาสดันดารา Bloger ใหม่ๆได้อีกหลายท่าน
ผมลงรูปให้ดู จะรู้ว่าใครเป็นใครบ้าง?
แวะเข้ามาดูหน้าตา Blogger หน้าใหม่ วัย Young at Heart ค่ะ ฮิ ๆ
อาจารย์ลงรูปผู้เข้าร่วมประชุมตอนยิ้ม ๆ หน่อยก็ดีนะคะ ดูเขาจะเครียดกันไปหน่อย หรือว่าอาจารย์ให้โจทย์เขาไปบล็อกอะไรยาก ๆ คะเนี่ย ฮิ ๆ
อาจารย์ดูหน้าตาสบายดีนะคะ ผิวสีอมชมพู ท่าทางจะไม่ค่อยไอแล้ว? อาจารย์ยังไปหาหมอแมะอยู่หรือเปล่าคะ?
หนูมาที่นี่คิดถึงหมอแมะที่เชียงใหม่มากเลยค่ะ เพราะไปดวลดาบหลายทัวร์นาเม้นท์เจอฟาดมาหลายดาบสะบักสะบอม เพราะการแข่้งแบบสู้กันนั้นเขาไม่แยกชายหญิงด้วยล่ะค่ะอาจารย์ แล้วผู้หญิงก็เล่นน้อยมากด้วย หนูเคยเจอคนฝรั่งเศสสูง ๗ ฟุตฟาดหนูไหล่แทบหลุด
อาการอย่างนี้ ทำให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายใน ที่ต้องไปหาหมอจีนอย่างเดียวถึงหาย ความจริงญี่ปุ่นเขาก็มีนะคะ หมอแมะสไตล์จีน แต่ภาษาหนูยังไม่เก่งขนาดไปคุยอะไรยาก ๆ กับหมอได้ เดี๋ยวเกิดได้ยินว่าหมอให้ไปปีนภูเขาฟูจิหาบัวหิมะมารักษาล่ะก็ยุ่งกันใหญ่ แหะ ๆ
สวัสดีค่ะ,
ณัชร
เห็นหนอ ๆ ๆ ฮิ ๆ กำหนดไม่ทันเลยค่ะอาจารย์ เจอเวอร์ชั่นรูปใหญ่เห็นชัดอย่างนี้ เมื่อกี๊หนูนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านของเวบนี้ที่เขาคอยอัพเดทคนโหลดภาพใหม่หรือบล๊อกใหม่ขึ้นไปน่ะค่ะ ทันเห็นรูปนี้ของอาจารย์โผล่เป็นรูปเล็ก ๆ ขึ้นมาพอดี หนูก็สะัดุ้งไปทีนึงแล้ว แล้วก็ตอบไปทีนึงแล้ว มาเห็นรูปใหญ่เต็ม ๆ อย่างนี้ก็ต้องบอกว่าน่าเกรงขามจริง ๆ
ค่ะ
โห....มีดาบในหัวใจเลยเหรอคะอาจารย์ มาแนวเดียวกับเซนเซหนูเลย เห็นท่าพวกระดับปรมาจารย์เขาจะเป็นอย่างนี้กันหมดทุกประเทศจริง ๆ เสียด้วยหนอ คือ พวกระดับเซนเซเขาจะไม่พกดาบ ไม่ยึดติดกับดาบ เพราะจริง ๆ แล้วเขาฝึกเพื่อที่จะไม่ต้องใช้ดาบน่ะค่ะ คือ ทำยังไงก็ได้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดไปได้ด้วยจิตเมตตาและคุณธรรม โดยไม่ต้องมีการต่อสู้่หรือชักดาบออกมาเลย ลึกซึ้งมาก ๆ เลยนะคะ คนญี่ปุ่นเนี่ย ลึกมากจนหนูไม่ค่อยจะแน่ใจเลยค่ะว่าเรียนรู้เรื่องหรือเปล่า ฮิ ๆ
อ้อ, เรื่องที่หนูเกร็งท่าออกดาบนั้้นก็จริงอยู่น่ะค่ะ อาจารย์ตาดีมากเลยนะคะ ตอนนั้นหนูเพิ่งออกเสียงเสร็จพอดี หนูไวกว่าเขานิดนึง
แต่ถ้าอาจารย์กลับไปดูภาพนั้นดี ๆ ท่าแรกนั้นสูสีนะคะ เพราะ แรงฟาดแรงพอกัน ดูได้จากสายคาดเอวกระดอนเป็นแนวเดียวกันทั้งคู่ จังหวะเดียวกันพอดีด้วย และจะว่าไปแล้ว สายตาหนูมองไปที่ตรงที่น่าจะเป็นหัวคู่ต่อสู้ในจินตนาการแล้วก็มองไปยังภาพรวม ๆ ด้วยน่ะค่ะ คือพร้อมที่จะเด้งตัวออกไปซ้ายขวาแล้วแต่สภาพแวดล้อมสองข้างจะอำนวย แต่คุณแชมป์โลกเธอมองไปที่ปลายดาบของเธอน่ะค่ะ
นอกจากนี้ขาแข้งหนูมีความยืดหยุ่นกว่าพร้อมที่จะสปริงตัวไปจังหวะอื่นต่อได้ เปรียบเหมือนฟุตเวิร์คนักมวยน่ะค่ะ แต่ท่าแรกนี่คุณแชมป์โลกเธอขาตายเสียแล้ว แข็งมากเลยทั้งตัว ซึ่งความจริงเซนเซหนูบอกว่าปีนี้เธอแข็งไป สู้ปีก่อนหน้าไม่ได้ ปีันี้เธอและทีมชาติญี่ปุ่นเลยได้รองแชมป์ค่ะ แชมป์โลกรัสเซียได้ไป แต่ทีมไทยก็ทำได้ไม่เลวนะคะ ในหมวดที่สู้ ๆ กันนั้นทั้งแบบเดี่ยวและทีม แล้วหนูจะเขียนแยกบล๊อกต่างหากรายงานค่ะ
แต่ทั้้งนี้ทั้งนั้นวันนั้นถ้าหนูไม่ได้วิชาดี วิชาการเจริญสติที่ได้อาจารย์สอนเอาไว้ก่อนหน้า หนูก็คงแย่ไปแล้วน่ะค่ะ รวมทั้งในภาพก็คงจะไม่มีสมาธิในการออกดาบได้ขนาดนั้นด้วย เผลอ ๆ จะตื่นสนามสะดุดแข้งสะดุดขาตัวเองล้มเอา ขายหน้าประเทศชาติหมด
ว่าแล้วหนูก็ต้องคุกเข่าลงไปโค้งเอาหน้าผากแตะพื้นหนึ่งทีคารวะอาจารย์
สวัสดีค่ะ,
ณัชร
อาจารย์เป็นโรคไม่เจียมบอดี้
หัวใจหนุ่มแต่สังขารโทรม เผลอไปเล่นบาส
เขย่งนิดเดี๋ยว กล้ามเนื้อน่องฉีก
เลยต้องอาศัยมาดคุณชายใหญ่
หรือซามูไรผู้ไร้ดาบ กระเพลกอยู่ทุกวัน
แต่อีก สองอาทิตย์หมอบอกว่าจะวิ่งบร๋อได้แล้ว
ตอนนี้ ปล่อยให้โดนหัวเราะเยาะไปก่อน
พิชัย
สวัสดีค่ะ อาจารย์,
โถ...ที่แท้คงจะลืมวอร์มอัพนั่นเอง เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ ฮิ ๆ ต่อไปนี้อาจารย์อย่าลืมกำหนดวอร์มหนอ ๆ ก่อนจะเล่นบาส และหลังเล่นนะคะ จะได้ไม่ฉีกอีก
หนูเห็นรูปอาจารย์ยืนเด่นเป็นสง่า เป็นศิลปินหัวใจซามูไร อยู่หน้าหลวงพ่อโตของเราที่ศูนย์ ๒ ตรงนี้แล้ว ก็เลยเป็นแรงดลใจให้หนูไปงัดบล๊อกเก่าที่เคยเขียนไว้ภาษาอังกฤษที่อื่น
มาทำเวอร์ชั่นไทยให้อาจารย์ค่ะ หนูว่าท่านทางจะเข้ากันดี เพราะหัวข้อคือ ซามูไรหัวใจศิลปินค่ะ ฮิ ๆ
คือหนูว่า เซนเซหนูกับอาจารย์ท่าทางจะคล้ายกันจริง ๆ ด้วยนะคะ จะสื่อสารอะไรด้วยนี้ ละเมียดละไมมาก
ว่างจากการส่งดาบจากใจไปสอนกรรมฐานใครแล้ว ก็เชิญค่อย ๆ กระเผลกไปอ่านได้นะคะอาจารย์ ที่นี่ค่ะ
แวะเอารูปเซนเซหนูมาฝากอาจารย์ค่ะ คือคนกลางชุดขาวน่ะค่ะ หน้าตาใจดีมีเมตตาม้ากมากใช่ไหมคะ หนูพยายามชวนให้ไปปฏิบัติที่เชียงใหม่อยู่นี่น่ะค่ะ เพราะท่านเคยไปอยู่วัดเซนมาก่อน ทุกวันนี้ปฏิับัติแบบเซนอยู่ทุกวันน่ะค่ะ เห็นเวลาเดินจงกรมแบบเซนจะเดินแบบลากเท้า และมีเกี๊ยะแบบเจริญสติด้วยนะคะอาจารย์ โหดมากเพราะมีแถบเดียวตรงกลางเหมือนส้นตึกน่ะค่ะ คือตกลงมาแล้วก็ตาย เอ๊ย ตกแล้วตกเลย เซนเซไปไหนมาไหนใส่ชุดประจำชาติแล้วก็เกี๊ยฝึกสติตลอดน่ะค่ะ คนที่สอนศิลปะป้องกันตัวโบราณเขาจะอนุรักษ์วัฒนธรรมดีมากเลยค่ะ เมืองไทยน่าจะทำได้อย่างนี้บ้าง
แต่รูปต่อไปนี้เซนเซจำเป็นต้องถือดาบน่ะนะคะ เพราะเป็นรูปที่บางกอกโพสต์มาสัมภาษณ์และขอถ่ายรูปเอาไว้
เอามาฝากเพราะเห็นเป็นอารมณ์เดียวกับรูปอาจารย์ชุดขาวอยู่กลางธรรมชาติร่มรื่นพอดีเปี๊ยบเลยค่ะ
ชะรอยหนูจะได้ครูบาอาจารย์พิมพ์เดียวกันหมดเลย คือ มีเมตตา ใส่ชุดขาว มีความเป็นศิลปินและซามูไรในคนเดียวกัน และมีดาบอยู่ในใจทั้งคู่
รูปนี้ถ่ายที่รร.ปาร์คนายเลิศค่ะ เราเรียนกันที่นั่นด้วยสำหรับบางคลาส เนื่องจากดาบโบราณเน้นการเรียนกลางธรรมชาติแบบเซนน่ะค่ะ เรียนแบกดาบไ้ม้ฝึกสมาธิใกล้ต้นไม้ใหญ่เป็นต้น (แบบมูซาชิ)
สวัสดีค่ะอาจารย์,
ณัชร
เท่ไม่เบาจริงๆครับ
เซนเซของหนู อาจารย์เห็นรูปแล้ว
ต้องแอบไปยืนโพสท่าเลียนแบบ
เอาไม้เท้ามาแทนซามูไร
แล้วฝึกร้องไฮ้ ๆ ๆ แล้วโค้งจนปวดหลัง
เอาไว้เจอเซนเซของหนู อาจารย์จะขอฝากตัวเป็นศิษย์
ขอบคุณสำหรับ blog ที่แจ้งมาครับ อาจารย์จะเข้าไปอ่าน
สำหรับน่องของอาจารย์ นั้น ตอนนี้เป็นสีเขียวช้ำขึ้นมา แสดงว่าใกล้หายแล้วครับ
พิชัยเซซัง
โอ...อย่างอาจารย์ไม่ต้องฝากตัวเป็นศิษย์แล้วล่ะค่ะ เพราะหนูอ่านที่อาจารย์ไปคอมเม้นท์เรื่องตัวอักษรพู่กันจีนเปรียบเทียบกับเพลงดาบแล้วหนูอึ้งมาก หนูได้ไปตอบไว้ในคอมเม้นต์ในบล๊อกอันนี้หนูแล้วค่ะว่าอย่างอาจารย์นี่ท่าทางจะประลองฝีมือกับเซนเซหนูได้แล้ว แหะ ๆ
http://gotoknow.org/blog/gonash/70913
แต่เซนเซหนูท่านมีกำลังภายในจริง ๆ นะคะอาจารย์ เวลาสอนสู้มือเปล่าท่านให้ไปยึดตัวท่านเหมือนจะเล่นแบบยูโด หรือ จิวจิตสุ ยังไงเนี่ย แล้วท่านทำตัวสบาย ๆ รีแล็กซ์อย่างนี้ยกมือเบา ๆ เท่านั้นตัวหนูหมุนเป็นพายุทอร์นาโดติ้ว ๆ ๆ กระเด้งไปถึงกำแพงโรงยิมเลยค่ะ (เป็นภาพที่น่ากลัวมากเพราะเป็นทอร์นาโดลูกใหญ่) คือเป็นพลังที่เบา ๆ ไม่กระแทกออกแรงน่ะนะคะ ไม่ทราบว่ามาจากไหน ใครโดนต้องร้องว่า ฮึ้ย ด้วยความแปลกใจเพราะอยู่ดี ๆ ก็เสียหลักแล้วค่อย ๆ หมุนออกไปเลยค่ะ แหะ ๆ อันนี้ไม่รับแสดงออกทีวีนะคะ เป็นเทคนิคลับของสำนัก หนูยังหัดไม่ถึงไหนเลยค่ะอาจารย์ เซนเซบอกว่าต้องใช้ใจอย่างเดียว แล้วท่านบอกว่าหนูใจร้อน (รู้ได้ไงก็ไม่ทราบ)
คือมีหลายท่าน่ะค่ะ แต่หนูชอบท่าที่เซนเซทำหนูหมุนเป็นพายุลอยออกไป เพราะทำให้หนูหลอกตัวเองได้แป๊บนึงว่าหนูตัวเบาดี ฮิ ๆ
สวัสดีค่ะ,
ณัชร (วันนี้ตัวยังหนักอยู่)
แวะมาบอกวิธีแปะรูปค่ะอาจารย์ เผื่ออาจารย์ไม่ได้เข้าไปอ่านที่หนูตอบไว้ในบล๊อกหนู
-----------------------------------
ง่ายมากเลยค่ะ อาจารย์เห็นปุ่ม html ข้างบนกรอบเขียนข้อความไหมคะ ขวาสุดน่ะค่ะ นั่นล่ะค่ะ ไปกดตรงนั้น แต่ก่อนอื่นอาจารย์ต้องมี แอดเดรสที่อาจารย์ใส่รูปเก็บไว้ก่อนนะคะ ว่าอาจารย์เก็บไว้ที่ไหน ของหนูส่วนใหญ่มาจาก flickr น่ะค่ะ แต่ก็สามารถไปเอามาจากที่ไหนก็ได้ในเวบ ที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์เขาน่ะนะคะ
หลังจากนั้น ก็ใส่คำสั่งใส่ภาพแบบ html ธรรมดา ๆ นี่ล่ะค่ะ คือ
<img src="http://www.ที่อยู่ภาพสมมติ.com/12.jpg"></img> แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ อ้อ พอเสร็จแล้วหน้าต่างที่เขาให้ edit html ก็อาจจะมีปุ่มให้คลิก โอเค หรือ อัพเดท อะไรทำนองนี้น่ะนะคะ ก็คลิกไปธรรมดา มันก็จะพากลับมาหน้าต่างเขียนข้อความเหมือนเดิมนี่ล่ะค่ะ
หน้าต่างเดียวกันนี้ใช้คำสั่งของโปรแกรม html ได้หมดน่ะค่ะ คิดว่าน่ะนะคะ ยังไม่เคยลองทุกอัน
ขอให้สนุกกับการแปะรูปนะคะ,
ณัชร
โอโฮ้ ขอบคุณ
รวดเร็วปานซามูไรสาวตัวเบา
จะลองดูครับ ขอบคุณ
สวัสดีคุณตูนครับ
ยินดีต้อนรับนะครับ ที่มน.เป็นอย่างไรบ้างครับ
เคยมีโอกาสพบชาวมน.หลายท่านที่มาร่วมปฏิบัติธรรม ที่ราชภัฏพิบูลสงคราม
ฝากความระลึกถึงทุกท่านครับ
ผมเข้าไปแวะอ่านบล็อกคุณตูนแล้ว
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ ดีใจที่ได้พบคนคอเดียวกันค่ะ จะได้เพิ่มวงในการเรียนรู้ของหนูค่ะ คงต้องรบกวนอาจารย์บ่อยๆ ค่ะ
ด้วยความเคารพค่ะ
ยินดีครับ
ผมเองก็จะไปรบกวนแลกเปลี่ยนในความรู้ของอาจารย์เช่นกัน