Self-Reflection :
2 กันยายน 2565 เวทีรับฟังความคิดเห็นภาคเหนือ โครงการศึกษาปรับปรุงกรอบแนวทางและค่าเป้าหมายแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี
ถึงจะเป็นเวทีระดับภาคแต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นเวทีประวัติศาสตร์ที่สร้างหมุดหมายแห่งการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงหลายระดับ
ระดับแรกระดับปัจเจก เริ่มจากตัวเราเองที่รับหน้าที่ Facilitator & Note Taker ควบคู่กันไป ผมกับพี่มนตรี อิ่มเอก รับหน้าที่ชวนคิดชวนคุยในห้องย่อย กลุ่มลุ่มน้ำปิงซึ่งครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด
กว่าจะรันกระบวนการมาถึงวันนี้ได้ หลายสิบปี เราสองคน รวมทั้งทีมงานต่างก็โลดแล่นมาในเวทีนับร้อย
ถึงกระนั้น กว่าจะมาถึงงานวันนี้ ก็มีประชุมเตรียมความพร้อมกันมาสี่รอบ ทั้งออนไลน์ ออนไซต์ เพื่อจูนกระบวนทัศน์ แนวคิด เครื่องมือ ดูแม้แต่ว่าคนที่จะมาร่วมประชุมนั้นมีใครบ้าง เพื่อจะได้เตรียมการรับมือ
การรับมือนี้ ฟังดูเผินๆเหมือนมองเป็นคู่ขัดแย้ง แต่จริงๆไม่ใช่ เพราะในทีมต่างมองผู้เข้าร่วมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน เอ็นจีโอ ภาครัฐ ภาควิชาการ สองร้อยกว่าชีวิตซึ่งเป็นตัวแทนในภาคเหนือที่เข้าร่วมนี้เป็นพลังสร้างสรรค์สำคัญ
เป็นดั่งสนามพลัง ที่เราเหล่ากระบวนกรมีหน้าที่เป็นผู้สานพลังที่มีหลายเฉดสีเข้ามาเป็นรวมโฟกัสเพื่อประชาชน
ผมชอบใจบทเพลงที่พี่วิชิต หนึ่งในทีมส่งเข้ามาในห้องไลน์ ชื่อเพลงว่า “บอก” ขับร้องโดย กวีซีไรต์ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ที่บอกถึง ความเมตตากรุณาของท้องฟ้า ภูเขา แม่น้ำ พระอาทิตย์ ที่บอกเราทุกวันเห็นคุณค่าของเห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นคุณค่าของทุกชีวิต แม้กระทั่งคนหลงทาง ที่ยังบอกให้เรารู้ว่าทางนั้นไม่ควรไป
ฝึกน้อมใจ รับฟังอย่าด่วนตัดสิน
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
ในช่วง After Action Review : AAR ที่ได้อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ มาช่วยเปิดวงคุย
“กระบวนการถอดกระบวนการ”
พ่อหลวงตู่ ประดิษฐ์ ทีม Fa อีกท่านได้สะท้อนประโยคหนึ่งในวง AAR ว่า สิ่งที่ตนเองมีความกังวลมากที่สุด คือ การต้องรู้เท่าทันว่าตนเองจะไม่เผลอเอาความคิดของตนเองเข้าไปชักนำ โน้มน้าว หรือตัดสินผู้เข้าร่วมที่มีความเห็นต่าง
เราเป็นเพียงผู้เอื้ออำนวยให้พวกเขาได้มาแสดงความเห็น แลกเปลี่ยน สื่อสารกัน
ซึ่งสอดคล้องกับที่ผมสะท้อนเช่นกัน และสิ่งที่เราต่างภาคภูมิใจในฐานะคนทำงานเบื้องหลังคือ เวทีนี้ บรรลุผลตามเป้า ทั้งยังเกิดสัมพันธภาพที่ดีในหมู่ผู้ร่วมประชุม (ที่เห็นพ้องและเห็นต่าง) เห็นความสมัครสมานในการทำงานเป็นหมู่คณะของพวกเรา เห็นความตั้งใจและความสุขจากคนทำงาน ความชื่นชม และตื้นตันใจมากมายจากผู้จัด (สำนักงานจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำแห่งชาติ : สนทช)
ในช่วง AAR สะท้อนคิดนี้ เราเห็นฉากลูกผู้ชายบางคนน้ำตาซึม อันเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยสัมผัสฉากชีวิตในเวทีแบบนี้มาก่อน
..........................................................
จากเวทีนี้ที่เชียงใหม่ ขับรถเดินทางไกลสู่อ้อมอกแม่ฮ่องสอน
ผมเปิดพอดคาสต์ ฟังไปเรื่อยๆ ได้ฟังหลวงตาณรงค์ สนทนาธรรมกับลูกศิษย์ลูกหา มีประโยคหนึ่งในรายการที่พูดถึงการมองตัวเองด้วยปัญญา และละวางอัตตา ตัวตน แม้เราจะละชั่ว แล้วเดินสู่การทำดี ซึ่งการทำดีนั้น เรามักจะมีความรู้สึกอิ่มเอิบ ก็ยังเป็นการปรุงแต่งอยู่มาก
ซึ่งหากคิดให้ดี เราก็ “เป็นเพียงธุลีที่อิ่มเอิบ ในจักรวาล”
คืออิ่มเอิบโดยหารู้ไม่ว่าจะมีจักวาลที่กว้างใหญ่อยู่อีกมาก มีอีกหลายมิติที่เราไม่เห็นซ้อนทับเราอยู่
เราอย่าทนงตัวไป แม้ว่าจะทำดี หรือปฏิบัติธรรมมามากน้อยเพียงใดก็ตาม
ในเวทีสานความคิด สานพลังครั้งนี้ หลังเวทีเรามีความอิ่มเอิบอาบใจก็จริง แต่ก็เป็นความอิ่มเอิบของเรา...."ธุลีดิน" ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ยังต้องลอยคว้าง แตกตัว จัดรวมใหม่ ไปตามเหตุปัจจัย
เฝ้ารู้....เฝ้าดู ใช้เป็นเครื่องขัดเกลาและอุ้มชูชีวิต ทั้งในเวทีและนอกเวทีต่อไป
เพราะถึงเวทีจบแล้ว แต่กระบวนการแห่งกระบวนกร…..ไม่มีวันจบสิ้น
ไม่มีความเห็น