หลักการ KM ธรรมชาติ เน้น ที่ ทำไปแล้ว ได้ ทุน(Capital) ต่างๆ ดังนี้
ทั้ง 4 ทุนนี้ ทำไปเรื่อยๆ จะได้ ทุนทางสินทรัพย์ (Financial capital) เอง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ ยิ่งงก ยิ่งเห็นแก่ตัว ก็จะไม่ได้
แต่ ทุน ที่ ฝรั่ง และ นักวิชาการ KM ยังไม่ค่อยจะรู้ คือ “อริยทรัพย์” อันเป็นทรัพย์ใหญ่ ทรัพย์สำคัญ ใครจะขโมยไปก็ไม่ได้ อาจจะเรียกเป็น ทุนทางธรรม (Dhamma capital) หรือ จะเรียกว่า ทุนทางสติ (Sati capital) ก็ได้
KM แบบไม่ธรรมชาติ จะเป็นแบบที่ ไม่ยั่งยืน ทำตามแฟชั่น ทำตามหน่วยเหนือสั่งให้ทำ แข็งกระด้าง ก้าวร้าว ทำลายจิตใจ ฯลฯ ยิ่งทำ ทุนต่างๆ ยิ่งหดหาย
KM ในองค์กรต่างๆจะออกมาเป็นอย่างไร เท่าที่ผมดูคร่าวๆ ณ ตอนนี้ คือ “KM ธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติ จะแปรผันตรง หรือ สะท้อนให้เห็นถึงสันดานของผู้บริหารขององค์กรนั้นๆ ว่าเป็นคนอย่างไรด้วย”ตั้งแต่ผมทำ KM มาสังเกตว่ามีอีก 1 ทุน นอกเหนือจาก 4 ทุน นั่นคือ "ทุนทางสติ" จริงๆ ครับ เพราะ "สติ" เป็นตัวกำหนดการเดินทุกอย่างครับ ได้มาแบบไม่รู้...ว่ามี
ขอบคุณครับ
วิชิต
ดูกาย ได้แก่ รู้เท่าทัน ลมหายใจ อิริยายท ต่างๆ (เป็นที่นิยมดู เพราะ เป็นตัวฟ้องว่า จิตเกิดอาการ)
ดูเวทนา จะดูยากหน่อย เช่น สบาย ไม่สบาย เฉยๆ เจ็บ ปวด ฯลฯ ( ไม่ค่อย จะนิยม ดูกันมากนัก)
ดูจิต เช่น จิตอกุศล กุศล หรือ ไม่ทั้งสองอย่าง จิตมีอาการอย่างไร กังวล โลภ โกรธ หลง ฯลฯ ( เป็นการดู ระดับ final เพราะ อาการของจิต เป็นตัวตัดสิน ภาพ ชาติ และ การเวียนว่ายตายเกิด)
ดูธรรม เข่น โพธิปักยธรรม 37 แต่ ที่ดูง่ายๆ คือ ดูขันธ์ห้า โดยเฉพาะ การตามดูความคิดที่เข้าไปปรุงแต่งจิต และ ความคิดที่เกิดจากจิตโดยตรง
หวังว่า คงจะพอช่วย เป็นดัชนี วัด ทุนทางสติ (Sati capital) ได้นะครับ