๙๙๙. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)


ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)

ความคิดสร้างสรรค์ คือ การที่มนุษย์เรามีความสามารถทางด้านความคิด สามารถปะติดปะต่อความหมายของสิ่งต่าง ๆ ที่รับเข้ามาให้เป็นสิ่งใหม่ได้โดยธรรมชาติ ด้วยวิธีการเชื่อมโยงข้อมูลภายในสมองของเรา จากมิติมุมมองที่เรามองโลก ผ่านเรื่องราวและความเชื่อที่มีความหลากหลาย…เพราะแต่ละคนมีเรื่องราว ประสบการณ์ความเป็นมาที่แตกต่างกัน…เมื่อสมองเราได้รับข้อมูลเหล่านั้นมาก็จะเกิดกระบวนการวิเคราะห์และสังเคราะห์นํามาใช้ประโยชน์ที่มี ความแปลกใหม่และแตกต่างกว่าเดิม ซึ่งนั่นก็คือ สิ่งที่เราเรียกว่า "ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)" สมัยก่อนในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ จะหมายถึงเพียงแค่ทางด้านวิทยาศาสตร์ และศิลปะที่เกี่ยวกับการวาดภาพ…แต่ในยุคปัจจุบันความคิดสร้างสรรค์มีให้เห็นมากมาย ไม่จำเป็นเฉพาะสองสิ่งที่กล่าวมาเท่านั้น ยังมีสิ่งประดิษฐ์ สิ่งที่ทำขึ้นใหม่เกิดขึ้นอีกมากมายบนโลกนี้…การสร้างสรรค์งานทำให้เห็นถึงความแตกต่างของคนที่มีความคิดสรรค์ที่ไม่เหมือนกัน

ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) หมายถึง การใช้จินตนาการหรือความคิดดั้งเดิม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตผลงานทางศิลปะ หรือการปฏิบัติงานด้วย  "ความตั้งมั่น ความแน่วแน่ กระตือรือร้น ในการส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์" หากเปรียบความสามารถของมนุษย์นั้น มีพลัง กว้างไกล ไร้กรอบ หรือขอบเขตใด ๆ ที่จะมาขวางกั้นได้…เป็นศักยภาพอันมหัศจรรย์ที่จะช่วยให้เราได้ใช้พลังทางความคิดและจินตนาการที่แปลกใหม่จากสิ่งที่มีอยู่เดิมให้มีความแตกต่างหลากหลาย…เพื่อต่อยอดความคิดให้เกิดการพัฒนามากยิ่งขึ้น หรือสรรค์สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกใบนี้ได้…ซึ่งคนที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ในการทํางานหรือในการใช้ชีวิตนั้นก็ไม่จําเป็นว่าจะต้องเป็นอัจฉริยะ หรือต้องทํางานเฉพาะทางในด้านศิลปะ เป็นศิลปิน เป็นครีเอทีฟ เป็นหรือดีไซเนอร์ถึงจะมีความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ ออกมาได้…หากลองนึกย้อนไปในวัยเด็ก ในสมัยนั้นเราจะได้รับโอกาสและมีอิสระอย่างเต็มที่ทางด้านการคิด การพูด การลงมือทําได้สนุกกับการทดลองเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในทุก ๆ วัน ได้มีโอกาสฝึกฝนความกล้าหาญที่จะลองผิดลองถูกผ่านประสาทสัมผัสต่าง ๆ ที่มีอยู่ด้วยร่างกายของเรา ทั้งการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับรู้ถึงรสชาติ การออกเสียงพูด และการลงมือทําหยิบจับทําโน่น นี่ นั่นอยู่ตลอดเวลาซึ่งเราก็มีความกล้าที่จะเรียนรู้และลิ้มลองสิ่งใหม่ ๆ ในโลกใบนี้ด้วยการนําเอามือหยิบสิ่งต่าง ๆ เข้าปาก ดม มองดู เพื่อพิสูจน์ให้เกิดความเข้าใจได้ อย่างไม่หวั่นเกรง เพราะนั่นคือ การสอนให้มนุษย์ได้เกิดการแสดงออกของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความคิด หรือการลงมือทำด้วยตนเอง…

เรากล้าที่จะวาดรูปขยุกขยิกด้วยมือเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ของเราเองจากการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ด้วยใบหน้าที่เบิกบานมีความสุข สนุกสนาน เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับ และมีความสุขกับมันในตอนเยาว์วัย…ความคิดสร้างสรรค์ จึงนับว่าเป็นความสามารถติดตัวของมนุษย์ที่มีมาแต่กําเนิด…โดยถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่า มาสู่คนรุ่นปัจจุบัน เพื่อให้สมองของเรามีการประมวลผลสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่เดิมเป็นสิ่งใหม่…และสามารถปรับตัวให้อยู่รอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งนับแต่่อดีตจนถึงปัจจุบันนักจิตวิทยาได้ให้ความสนใจและรวบรวม แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์เอาไว้อย่างมากมาย…

หากเรามองไปรอบๆ ตัวเรา ๆ จะพบว่า เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ และสิ่งต่าง ๆ ที่เราหยิบจับขึ้นมาใช้อยู่ในแต่ละวัน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่จากผลิตผลทางความคิดสร้างสรรค์ของผู้คนบนโลกใบนี้ทั้งนั้น…เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราคงจะต้องใช้ชีวิตแบบคนสมัยก่อนด้วยการออกไปล่าสัตว์ โดยอาศัยท่อนไม้และก้อนหินตามป่า และเมื่อต้องการไฟเพื่อหุงหาอาหารพวก เราก็คงต้องเดินออกไปเก็บใบไม้กิ่งไม้แห้ง แล้วอาศัยหินเหล็กไฟ (Flint Stone) นํามากระทบกระแทก กันอยู่นานจนเจ็บมือ เพื่อให้ได้ประกายไฟในการทําอาหารในแต่ละมื้อ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ คือ การพัฒนาจากการมีความคิดสร้างสรรค์ในตัวของมนุษย์เอง

นวัตกรรมใหม่ๆ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อ การดําเนินชีวิตของผู้คนในสังคม ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง ณ ปัจจุบัน…ตราบใดที่มนุษย์ยังคงใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็จะสามารถพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ในอนาคตต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ …ลองเปิดโอกาสให้ความฝัน จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของผู้อ่านให้กลับมาโลดแล่นอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ด้วยการมีความคิดริเริ่มลงมือทํากิจกรรมใหม่ ๆ ที่จะสร้างความ รู้สึกสนุก ตื่นเต้น ประหลาดใจให้แก่ทั้งตัวคุณ ครอบครัว และเพื่อน ๆ ของคุณดูบ้างก็น่าสนใจดีนะคะ

สมัยที่ผู้เขียนเป็นเด็ก ๆ ผู้เขียนเรียนรู้ของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เช่น ลีโอนาโด ดา วินชี ไมเคิลแองเจลโล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อีกทั้งยังมีบุคคลอีกมากมายในโลกที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ที่มีพลังของความคิดสร้างสรรค์ สร้างความแตกต่างทางความคิด ที่เป็นประโยชน์ในการจุดประกายในการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ และแก้ไขปัญหาเรื่องต่าง ๆ รอบตัวเรา…สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อตัวเราเอง และคนรอบข้าง ตลอดจนสังคมโดยรอบ ซึ่งอัจฉริยบุคคลกลุ่มนี้มีวิธีสร้างสรรค์ให้ข้อคิดและความคิดปรากฏออกมาให้เห็นได้อย่างเด่นชัด…เราสามารถพบได้จากหลักฐานต่าง ๆ ที่มีการจดบันทึกเอาไว้ด้วยถ้อยคํา ภาษา ภาพ และการเชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ ด้วยเทคนิควิธีที่สร้างสรรค์และมีพลัง อันประกอบไปด้วยการเขียนทั้งลายเส้น สีสัน แผนภาพ แผนผัง กราฟ รหัส สัญลักษณ์ ฯลฯ

ประโยชน์ของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตัวของเราเอง ได้แก่

๑. ช่วยให้เรามีการพัฒนาศักยภาพของสมอง ทําให้เรามีสติปัญญา ไหวพริบ ปฏิภาณเฉียบแหลมขึ้น

๒. ช่วยให้เรามี Growth Mindset ในการเรียนรู้ที่เปิดกว้างและเป็นกลางมากยิ่งขึ้น

๓. ช่วยให้เรามีความสามารถและมีความพร้อมในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

๔. ช่วยให้เราได้พบแง่มุมและแนวทางใหม่ ๆ ในการดําเนินชีวิต

๕. ช่วยให้เรามีวิธีใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหาทั้งชีวิตและการทํางานได้อย่างเฉียบคมและสร้างสรรค์

๖. ช่วยให้เราเกิดความสนุกสนานในการคิดค้น ทดลอง ประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ

๗. ช่วยให้เรามีความมั่นใจ และมีความภาคภูมิใจในการเป็นผู้นําทางความคิดที่มีประโยชน์ของตน

๘. ช่วยให้เรามีความได้เปรียบอย่างโดดเด่น เพราะผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีจะสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นและมีความสามารถในการเอาตัวรอดในโลกธุรกิจได้เป็นอย่างดี

๙. ช่วยให้เราได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และช่วยให้เราได้ค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ทักษะและความสามารถใหม่ ๆ ในการพัฒนาชีวิตให้ทันสมัย มีความสุขและประสบความสําเร็จมากยิ่งขึ้น

สำหรับประโยชน์ที่มีต่อตัวเรา คนรอบข้าง และในที่ทํางาน ได้แก่

๑. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ใหม่ ๆ ในการนําความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาชีวิตของตนเองและคนรอบข้างให้ดียิ่งขึ้น

๒. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างในที่ทํางานได้มีโอกาสพัฒนาการทํางานเป็นทีม (Team Work Building) ด้วยการฝึกฝนการใช้กระบวนการความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน

๓. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างได้เรียนรู้ที่จะเปิดกว้าง รับฟังมุมมองความคิดที่แตกต่าง เพื่อให้มีโอกาสในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

๔. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างได้ใช้ศักยภาพร่วมกัน เพื่อตกผลึกความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ในองค์กรได้อย่างไร้ขีดจํากัด

๕. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างเกิดความสนุกสนานในการทํางาน เพราะการที่มนุษย์ได้มีโอกาสคิดและทดลองทําอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ จะช่วยให้ชีวิตเกิดความท้าทาย ไม่จําเจ

๖. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างได้พัฒนาความคิดและวิธีการใหม่ ๆ ขึ้นมาทดแทนความคิดเก่า ๆ เพื่อให้ทันโลกในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (VUCA World)

๗. ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างในที่ทํางานเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ที่แนวความคิดของตนเองและทีมงาน ได้ก่อให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่ส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ผู้คนในสังคม

สรุป : การคิดสร้างสรรค์ คือ การที่มนุษย์ได้เรียนรู้จากภูมิรู้ หรือความรู้ของแต่ละบุคคล และสามารถนำความรู้ความสามารถ ทักษะนั้น นำมาประยุกต์ใช้จากความคิด และจินตนาการของตนเอง ทำให้เกิดผลงาน ชิ้นใหม่เกิดขึ้นจากการต่อยอดและพัฒนางานนั้นให้ดี มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเรื่องความคิดสร้างสรรค์มาปรับและประยุกต์ใช้ในการทำงาน จะทำให้งานเกิดผลผลิตที่ได้รับการประยุกต์เกิดในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้ที่รับผิดชอบงานนั้น ต้องรู้จัก Create งานด้วยการคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์งานให้ใหม่ขึ้นด้วยการนำความคิด จินตนาการของตนเองออกมาใช้กับการปฏิบัติงานนั้น…ความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็น Soft Skills ทักษะหนึ่งของมนุษย์ที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน

*************************

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาในบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ แสงเงิน

๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๕

 

 

หมายเลขบันทึก: 705258เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2022 13:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2022 13:27 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท