ความรู้ในป่า


ผมปลูกกล้วยก็ได้กินกล้วย ปลูกมะม่วงก็ได้กินมะม่วง มันไม่เหมือนตู้ที่จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติ กดให้มันออกมาเป็น แป๊ปซี่ก็ได้โค๊กก็ได้ ถ้าปลูกกล้วยและออกผลมาเป็นมาม่าโลกนี้คงยุ่งพิลึก

ความรู้ในป่า

   ความเป็นไปในสรรพสิ่งของธรรมชาติ เป็นโครงข่ายความรู้ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ธรรมมะ ธรรมชาตินิ่งตรงไปตรงมา น่าอัศจรรย์และมหัศจรรย์อย่างหาคำอธิบายได้ยาก ถ้าเราย้อนไปสมัยที่โลกก่อเกิดขึ้นมาเมื่อหลายล้านๆปี ก่อเกิดชีวิตต่างๆขึ้นตามลำดับนับไม่ถ้วนสปีซี่ย์

   สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีระบบพัฒนาความรู้เรื่อยมา นกสร้างรังได้เอง แมลงมุมผลิตเส้นใยมาขึงเป็นกับดักหาอาหาร ชุดความรู้ของใครของมัน แต่ละโครงข่ายเป็นวงจรมีไม่รู้กี่ล้านศาสตร์สาขา ลึกซึ้งจนยากที่จะหยั่งถึง มนุษย์ได้พยายามเรียนรู้ แต่ก็ถอดรหัสได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับใบไม้กำมือเดียวกับใบไม้ที่มีอยู่ทั้งโลก แต่ละยุคสมัยมนุษย์ออกแบบการเรียนรู้จากธรรมชาติแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์

  ผมเองก็จนด้วยเกล้าที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างได้ ขออนุญาตตั้งโจทย์ปลายเปิดไว้ ให้ท่านที่เรียนมาทางด้านนี้ช่วยไขความถูกต้องดีไหมครับ ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่มนุษย์เข้าใจ และตั้งเป้าหมายที่จะเกี่ยวข้องกับธรรมชาติในด้านไหนอย่างไร  การที่มนุษย์เข้าไม่ถึงความรู้ในธรรมชาติ ทำให้การกำหนดขอบเขตที่ก้าวล่วงก้ำเกินจุดที่จะอยู่กับธรรมชาติแบบไม่มีความรู้ ท่านลองคิดดูสิครับ ถ้าความรู้มนุษย์สอดคล้องกับความรู้ในธรรมชาติ โลกมนุษย์กับโลกธรรมชาติจะสวยสดงดงามสักเพียงใด 

  สมาชิกในวงจรธรรมชาติเกิดการเรียนรู้จนตกผลึก สัตว์มีสัญชาตญาณถึงระดับที่ว่า บางครั้งสัมผัสอันตรายได้ก่อนจะมีสัญญาณเตือน ที่มองเห็นได้ด้วยตาด้วยซ้ำ การรู้อ่านรหัสของธรรมชาติน่าทึ่งไม่น้อยกว่าระบบเรดาร์ของมบุษย์ สัตว์ป่ามีสัญชาตญาณที่เฉียบคมเหลือเชื่อ ขนาดบอกได้ล่วงหน้าว่าจะมีพายุหรือแผ่นดินไหว  

  ความไม่รู้ของมนุษย์กำลังเผชิญกับเคราะห์กรรมที่ทำไว้กับธรรมชาติ ภัยพิบัติกำลังก่อหวอดขึ้นอย่างน่ากลัว  กระแสเรื่องโลกร้อน ก้อนน้ำแข็งแตกตัวออกมาลอยเท้งเต้งมากขึ้น มีผู้สันทัดกรณีพยากรณ์ว่าในช่วงชีวิตเรานี้แหละ น้ำทะเลจะสูงขึ้นท่วมชายทะเลเร็วขึ้นมากขึ้น นี่แค่เรื่องเดียวนะครับ ยังวิกฤติยิ่งกว่าวิกฤติ ปัญหาต่างๆเข้าแถวมาทวงถามความรับผิดชอบที่มนุษย์สร้างขึ้น 

  ความไม่รู้ของมนุษย์เป็นบาดแผลที่ยากจะเหยี่ยวยา เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะทำยังไงดีละครับ ถ้าครูชี้ชวนให้เด็กเรียนเรื่องเหล่านี้  จะเป็นการปูพื้นฐานให้มนุษย์รุ่นใหม่เข้าใจโลกเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น  จะได้ตระหนักว่าวิทยาการต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมาไม่ได้สะอาดหมดจด  ทุกเรื่องมีผลกระทบข้างเคียงตามมามากมาย ยกตัวอย่างเช่นการใช้พลังงานน้ำมัน เกิดไอเสีย สารตะกั่ว มลพิษแยกแยะออกมาเป็นร้อยๆอย่าง สรุปว่าความรู้ของมนุษย์ยังไม่ปลอดภัยเหมือนความรู้ของธรรมชาติ 

  ผมปลูกกล้วยก็ได้กินกล้วย ปลูกมะม่วงก็ได้กินมะม่วง มันไม่เหมือนตู้ที่จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติ กดให้มันออกมาเป็น แป๊ปซี่ก็ได้โค๊กก็ได้ ถ้าปลูกกล้วยและออกผลมาเป็นมาม่าโลกนี้คงยุ่งพิลึก โจทย์อย่างนี้ละครับเราจะทำยังไง ชาวบล็อกจะลงขันมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเด็นนี้ไหม? ใครสนใจยกมือขึ้น!!  อย่านึกว่าเรื่องนี้จิบจ๊อยนะครับ ความรู้ที่ผมกล่าวถึงนี้ ถ้ามนุษย์เรียนรู้ได้จริงจะเป็นศาสตร์ที่กู้ชะตากรรมของโลกได้ทีเลยเดียว ที่พูดเช่นนี้เพราะผมไม่เชื่อว่าความรู้ที่มนุษย์มีอยู่เดี๋ยวนี้จะกอบกู้ชะตากรรมของมนุษยชาติได้  

  ไอสไตส์ บอกว่ามนุษย์จำเป็นต้องมีชุดความรู้ใหม่  มนุษยชาติจึงจะอยู่รอดได้ ท่านจะเชื่อใครดี ขนาดคนที่เก่งและฉลาดเป็นกรดก็ยังมองทะลุ ไม่เชื่อในวิทยาการของมนุษย์แบบหัวปักหัวปำ ที่ทำขึ้นเพื่อสนองกิเลศแห่งตน ชุดความรู้ในสายตะวันออก  มองว่าต้องกำกับและควบคุมกิเลศ มนุษยชาติถึงจะอยู่เย็นเป็นสุข อธิบายถึงความสงบสุขเป็นสุดยอดของความสุขทั้งมวล เอาศีล สมาธิ ปัญญา เป็นยุทธศาสตร์ พวกชื่นชอบแสงสีกริ๊ดกร๊าดจะว่ายังไง แค่เขาให้ลดเวลาปิดคลับปิดบาร์ก็ตีโพยตีพายขอยืดความหายนะออกไปอีก   

  รัฐบาลทำท่าว่าจะเข้าใจในประเด็นเหล่านี้  ประกาศเอาคุณธรรมนำวิชาการ เรื่องของสังคมเห็นด้วยว่าควรมีหลักการ แต่กระบวนการน่าจะเป็นไปตามจริตของคน  ใครจะเอาอะไรนำหน้าก่อนหลังก็แล้วแต่ เพียงแต่ให้มันอยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น ผมชอบใจผู้นำจีน  ที่เขาอธิบายเรื่องทิศทางวัฒนธรรมและสังคมของชาติได้อย่างสง่าผ่าเผย

  นายหลี่ เผิง นายกจีน ตอบคำถามนักข่าวตะวันตกว่า ประเทศจีนเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่ได้ เพราะประชาชนจีนเป็นแบบเฉพาะตน ไม่มีวัฒนธรรมเฉกเช่นตะวันตกมารองรับ

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความรู้ในธรรมชาติตรงไหน ขออนุญาตไม่ตอบเพราะตอบไปก็รู้ว่าเป็นคำตอบที่S ท่านใดจะมาช่วยกาเครื่องหมายR ขอเรียนเชิญครับ.   

หมายเลขบันทึก: 70523เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2007 02:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านครูบา.....

  • ครูอ้อยมีความคิดเห็นเหมือนท่านเลยค่ะ  ในเรื่องการสอนเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมชาติ  ทั้งที่ครูอ้อยเป็นครูใน กทม.แต่ก็พยายามชี้ให้นักเรียนเห็นถึงประโยชน์ของการเก็บรักษาและเยียวยาธรรมชาติ  กับการชี้ให้เห็นถึงโทษของการทำลายธรรมชาติ
  • การที่จะทำได้ดีที่สุดของครูอ้อยตอนนี้ที่จะรักษาจิตใจของนักเรียนน้อยๆของครูอ้อย  ก็คือ  อย่าให้พวกเราตกเป็นทาสของ IT
  • เพราะ IT ต้องเป็นทาสเรา  ไม่ใช่นายเรา

อันข้อคิด  ติดใจดี  มีที่นี่

ที่ที่นี่  มีดี  ที่ควรติด

อันข้อคิด  ดีดี  ที่เป็นมิตร

สมควรติด  คิดอ่าน  ได้ทุกวัน

ขอบคุณค่ะ

  สวัสดีครับครูอ้อย

อ.แสวง ตั้งประเด็นเรื่องครูดี

ผมไม่สามารถให้ข้อจำกัดของครูดีได้

เพียงแต่คิดว่า ครูในบล็อกเป็นครูดีทุกคน ต่างคนต่างทำหน้าที่ครู และพัฒนาสังคมผ่านบล็อก ครูที่คิดถึงเพื่อน คิดถึงเด็ก คิดถึงสังคม แบบครูอ้อย ถ้าต้องการเยอะๆจะขอโคลนิ่งครูอ้อยได้ไหมล่ะ

ความไม่รู้ของมนุษย์เป็นบาดแผลที่ยากจะเยียวยา โดยเฉพาะความไม้รู้ว่าอะไรสำคัญหรือจำเป็น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการ  ละเลย

ท่านเม็กดำ   ปัญหาอยู่ที่

  1. ไม่ยอมรับว่าไม่รู้ พวกไม่รู้ไม่ชี้
  2. รู้แล้วชี้โบ้ชี้เบ้
  3. รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
  4. รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
  5. รู้ครึ่งๆกลางๆ
  6. รู้แล้วรู้อีก
  7. รู้จัก รู้จริง รู้แจ้ง

  โลกเลยเสียหายมากขึ้นๆ ทำลายที่ทุ่งกุลาแล้ว ก็วิ่งไปทำลายที่อื่นอีก ตัวปัญหา ก็จะนำปัญหาติดตัวไปขยายปัญหาไปเรื่อยๆ มันเหมือนตัวไวรัสในคอมพิวเตอร์

พวกโง่โดยธรรมาชาติ จะไม่ตระหนักรู้

  • ยิ่งเรียนสูงยิ่งโง่นี่พวกหนึ่ง
  • ยิ่งเรียนสูงยิ่งรอบคอบนี่พวกหนึ่ง

   เราจึงเห็นพวกหน้าโง่อยู่ในตำแหน่งสูงๆ แสดงว่าพวกโง่มันก็อุ้มชูพวกโง่ด้วยกันให้มาช่วยสร้างอาณาจักรโง่ในองค์กรต่างๆ  จัดประกวดโน่นนี่อย่างที่รู้ เรื่องจำเป็น เรื่องสมควร ทำไม่เป็น การประกวดควรจะจัดให้เด็กมากกว่า  

   พวกนี้แม้แต่อยู่เฉยๆก็เป็นพิษ เพราะมันถ่วงเวลา เสียงบประมาณ เสียโอกาส ถ่วงงานสร้างสรรค์ มันไม่ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ก็เลยไม่รู้ธรรมชาติของความรู้ พวกนี้คล้ายขันทีในราชสำนักจีน เก่งในเรื่องป้อยอจัดฉากอี๋อ๋อ ต้องจับไปขังในป่าหน้าโรงเรียน

  มนุษย์ทำลายธรรมชาติบ้าง ทำลายกันเองบ้าง ภาษากำลังภายในแบ่งเป็น

  • ฝ่ายธรรมมะ
  • ฝ่ายอธรรม

  มันคู่คี่ไปอย่างนี้ โลกนับวันจะปั่นป่วนเพราะอิทธิพลความรู้ของแต่ละฝ่าย มนุษย์ยังหาวิธีควบคุมความรู้ของแต่ละฝ่ายไม่ได้ ทุกศาสนาพยายามทำตรงจุดนี้ แต่ก็เห็นว่ามนุษย์พยายามละเลยศิลธรรมมากขึ้น มันอาจจะเพิ่มฝ่ายที่สามขึ้นมาอีกก็ได้

  • ฝ่ายมนุษย์นกสองหัว

ไม่มีจุดยืนเป็นของตนเอง วิ่งไปธรรมมะบ้าง ไปอธรรมบ้าง แล้วแต่ผลประโยชน์ที่จะได้ ทำให้ความเป็นไปในสังคมปั่นป่วน วินัยทางสังคมไม่มี สิ่งดีๆในโลกนี้ เช่น ธรรมชาติเสียหาย ธรรมมะเสียหาย คุณธรรมบกพร่อง ประเพณีวัฒนธรรมบกพร่อง ในขณะที่เขาให้เรามาทำเรื่อง พอประมาณ พอเพียง ภูมิคุ้มกัน 

อะไรละเป็นเครื่องมือนำไปสู่สิ่งเหล่านั้น โจทย์ที่เม็กดำคิดได้ และทำกับสกว.มันก็มาจากธรรมชาติของปัญหาที่เราเห็น ความเป็นไปของสังคมท้องถิ่นมันกำลังจะเสื่อมโทรม ท่านเม้กดำอาจจะเห็นและชัดตรงนี้ จึงรู้สึกว่ามันท้าทาย แต่เพื่อนๆเรา 10 โรงยังไม่รู้สึกท้าทาย แต่ก็ทำเพราะคำชวน ผลสัมฤทธิ์จึงต่างกัน ถ้าเขาเข้าไจเราก็จะพาไปหาคำตอบในขั้นต่อๆไป แต่ถ้าไม่ผ่านด่านที่ 1 มันก็อยากจะไปด่านอรหันต์ทองคำที่2-3

โจทย์ข้อนี้ต่างหากที่ทีมจะต้องตอบ นี่เป็นโจทย์ระดับชุมชนนะ โจทย์ระดับสังคมโดยรวมก็ต่างหาก

ตอบไม่ได้ ตายอย่างเขียด คอยดูเถอะ ไม่นานหรอก เร็วๆนี้แหละ นอกจากวางระเบิดแล้ว มันจะวางอะไรอีก 

  • อยากทราบว่า

        กำหนดการวันที่ 5 มีอะไรบ้าง

        จัดเรื่องไหนอย่างไร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท