รีวิว The Black Phone : สานหลอนซ่อนวิญญาณ (2022) เป็นหนังภายใต้สังกัด Paramount Picture โดย brum house production และได้ผู้กำกับ Scott Derrickson ที่เคยฝากผลงานไว้อย่าง Sinister, Urbun Legend, The Exorcism of Emily Rose และยังมีส่วนร่วมในการกำกับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness อีกด้วย หนังได้ Ethan Hawke มารับบท ฆาตกรโรคจิตที่ชอบจับเด็กไปทรมาน ส่วนนักแสดงนำที่เหลือเป็นเด็กรุ่นใหม่ทั้งสิ้น
ดูคลิปรีวิวที่นี่
หนังเล่าเรื่องราวในเมือง Denver ในยุคปี 1970 ที่มีเหตุการณ์เด็ก ๆ หายตัวไปอย่างปริศนา และมีข่าวลือถึงฆาตกรที่มักจับเด็กไปทรมาน
ฟินนี ที่ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อและน้องสาวที่ชื่อว่าเกว็น วันหนึ่งฟินนี่ได้ถูกฆาตกรราบยี้จับตัวไปขังไว้ที่ห้องใต้ดิน ที่มีโทรศัพท์สีดำสนาอยู่ในห้อง ในระหว่างนั้นเองเขาได้รับสายปริศนาจากโทรศัพท์สีดำเครื่องนั้น ที่พยายามช่วยให้เขาหนีจากฆาตกรโรคจิตคนนี้ ซึ่งเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปก็ต้องไปติดตามรับชมต่อในโรงภาพยนตร์ได้เลยนะครับ
สำหรับใครที่ชอบหนังสายลึกลับสยองขวัญ ผมแนะนำว่าให้ไปดูหนังเรื่องนี้โดยที่ไม่ต้องดูตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งจะได้อารมณ์ความรู้สึกและอรรถรสในการชมเนื้อเรื่องอย่างเต็มที่ครับ ส่วนในคลิปนี้ผมขอสรุปจุดเด่น จุดด้อย และข้อสังเกตุของหนังไว้ตรงนี้นะครับ
จุดเด่น ผู้กำกับคนนี้สร้างชื่อมาจากหนังสยองขวัญ การทำหนังเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างจากหนังสยองขวัญในเรื่องก่อนหน้ามาพอสมควร คือหนังไม่ได้มีความเป็นหนังสยอง 100% แต่มีการผสมหนังแนวระทึกขวัญไล่เชือดที่ค่อนข้างลงตัว
หนังไม่ได้มีอะไรหวือหวา ฉากโหดไม่มาก แต่กลับทำออกมาได้อย่างลงตัวและกลมกล่อมมาก หนังเดินเรื่องแทบจะเป็นเส้นตรงแล้วให้คนดูลุ้นกับปมต่าง ๆ อุปสรรคต่าง ๆ ที่ตัวละครจะต้องเอาตัวรอดหรือผ่านอุปสรรคนั้นไปให้ได้ แม้มันจะดูเรียบง่าย เล่าเรื่องตามขนบหนังไล่เชือดหนัง herror ในยุคก่อนก็ตาม แต่กลับสนุกมาก และยังมีการหักมุมเล็ก ๆ ในตอนท้ายเรื่องด้วย เรียกว่า หนังเรื่องนี้ดูแล้วย่อยง่ายมากๆ ไม่ต้องคิดเยอะก็ได้ก็สามารถสนุกกับหนังได้แล้ว
จุดเด่นต่อมาคือ ผู้กำกับเคยสร้างตัวละครที่น่าจดจำในภาพลักษณ์ของหนังสยอง มาจากเรื่อง Sinister ทั้ง 2 ภาค ยังคงใช้แนวเดิมในการสร้างตัวละครนักเชือดภายใต้หน้ากาก และใช้โทรศัพท์เป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่อง ตรงนี้คล้ายกับใน Sinister ทั้ง 2 ภาคที่เป็นม้วนวีดีโอเป็นสื่อกลาง แม้จะเป็นการทำซ้ำรอยทางของเขา แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวละครฆาตกรตัวนี้มีความสดใหม่ และเป็นตัวละครนักเชือดที่มีความน่าจดจำ และน่าสนใจอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว
การใช้ฉากหลังเป็นยุค 70's และมีการใช้ฉากบางฉากที่มีมุมกล้องและภาพเหมือนกับหนังยุคฟิล์ม 35 mm ในอดีต ส่วนนี้ทำให้ความเป็นหนังสยองขวัญดูย้อนยุคและได้อรรถรสอีกแบบหนึ่ง ถ้าสังเกตฉากของหนังในเรื่องจะมีการพูดถึงหนังเก่าอย่าง "ล่อมาชำแหละ" มาใช้ และมีหลายฉากที่ตั้งใจถ่ายทำเพื่อเป็นการคารวะหนังสยองขวัญในยุค 70's ซึ่งต้องบอกว่าช่วงนี้การทำหนังให้มีบรรยากาศคล้ายกับช่วงยุค 70's ค่อนข้างที่จะเป็นที่นิยมทีเดียว
ที่ชอบเป็นพิเศษ คือการใส่รายละเอียด และปมต่างๆ ที่ตัวของฟิลลี่จะต้องไขปริศนา และทำภารกิจเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะถูกขมวดไปใช้ในตอนสุดท้าย ซึ่งมันจะมีนัยยะสะท้อนถึงแนวคิดภายในเรื่องอยู่พอสมควร ที่สำคัญหนังยังคงสอดแทรก แนวคิดเกี่ยวกับการบูลลี่ ในสังคมอเมริกันด้วย โดยเฉพาะในวงการของนักเรียน
ชอบวิญญาณที่พยายามติดต่อกับฟินนี เขา create และใส่รายละเอียดดีมาก ทั้งนักเบสบอลเชื้อสายญี่ปุ่น เด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่ไม่เป็นที่จดจำ เด็กเกเร จนถึงเพื่อนสนิทของฟินนี่ที่เป็นชาวเม็กซิกัน ซึ่งเหมือนจะไม่มีอะไร ทั้งยังให้สื่อถึงความหลากหลายของบุคลิกและความคิดอันเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของเด็กในกลุ่มชายขอบในสังคมอเมริกันด้วย ที่สำคัญฉากจั้มสแกนของผีที่ใช้ในหนังผมว่าค่อนข้างได้ผลทีเดียว
มีจุดที่เป็นข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ คือท้ายเรื่องเนี่ยมันเจอหลุมศพทั้งหมด 5 หลุม แต่รู้สึกว่าผมจำได้ว่าวิญญาณที่คุยโทรศัพท์กับฟินนี่มีแค่ 4 หรือว่าผมจำผิดไม่แน่ใจนะครับ ซึ่งถ้ามันขาดไป 1 จริงตรงนี้ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้กำกับอาจจะจงใจปล่อยว่างเอาไว้
ในส่วนของจุดด้อย เช่นผมมองว่าหนังทิ้งปริศนาไว้ค่อนข้างเยอะ เช่น ทำไมฆาตกรถึงได้กระทำการดังกล่าว โทรศัพท์สีดำมาจากไหน มีที่มาที่ไปอย่างไร แม่ของฟินนีและเกว็นเหมือนจะมีปริศนาบางอย่างซ่อนอยู่ เพราะในหนังจะมีการพูดถึงประเด็นของเกว็นที่สามารถฝันและมองเห็นบางสิ่งบางอย่างได้ ซึ่งมีการพูดถึงแม่ของเธอว่าเคยทำได้เช่นกัน คิดว่าว่าผู้กำกับอาจงำประเด็นเหล่านี้ไว้เพื่อทำภาคต่อก็ได้ แต่ผมมองว่ามันอาจจะกว้างเกินไป จนทำให้หลายสิ่งหลายอย่างมันขาดความสมเหตุสมผล โดยเฉพาะพฤติกรรมของฆาตกร ที่บางอย่างเราก็งงว่าทำไมมันถึงทำแบบนั้น
นับ Black Phoneเป็นแนวระทึกขวัญสยองขวัญ ที่ทำออกมาถูกใจทั้งฝั่งนักวิจารณ์และฝั่งคนดู เรียกว่าได้คะแนนในเว็บมะเขือไปค่อนข้างสูงทีเดียว ส่วนตัวผมเองหลังจาก incident in ghost land ก็มีเรื่องนี้แหละครับที่ผมรู้สึกว่ามันสนุก และผมรู้สึกชอบมันมาก
โดยสรุปนะครับ Black Phone เป็นหนังแนวระทึกขวัญสยองขวัญที่มีการเล่าเรื่องแบบขนบหนังในยุคก่อน คือให้คนดูย่อยง่าย สนุกกับการลุ้นการเอาตัวรอดของฟินนี มีการหักมุมในตอนท้ายเล็กน้อย หนังทิ้งปริศนาไว้อยู่พอสมควร นับเป็นหนัง Horror และผมขอแนะนำเลยครับ
เรื่องนี้ผมให้ 8.5/10 ครับ
@Sampam Yingyut
ปล. อีทาน ฮอว์ค เล่นหนังเรื่องนี้เราไม่เห็นหน้าแกเลยครับ แต่ขนาดไม่เห็นหน้าแกยังเล่นได้โหดมาก
@SuperReviewChannel
#TheBlackPhone2022
#สายหลอนซ่อนวิญญาณ2022
ไม่มีความเห็น