เค้าดาวน์ เคล้าน้ำตา : สังคมไทย ในยุคหมดความไร้เดียงสา


เมื่อก่อนนี้คนไทยไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็สนุกเฮฮากันได้ตลอดเวลา อย่างที่เรียกว่า สุขก็เมา ทุกข์ก็เมา เพราะคนไทยสั่งความสุขกันได้เหมือนบะหมี่สำเร็จรูป ที่เติมน้ำร้อนเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวได้กิน เราเป็นสังคมแห่งความอลุ้มอล่วย หนักนิดเบาหน่อยก็ช่วยกันลืม อย่างน้อยที่สุดเพราะเห็นแก่ครอบครัว เห็นแก่พวกพ้องพรรคพวกเพื่อนฝูง เมื่อสังคมที่บรรทัดฐานในการเอื้อผลประโยชน์ให้กับพรรคพวกของตนดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง มันมักจะต้องมีอันเป็นไป เพราะขาดความยั่งยืนและชอบธรรม และไม่ได้ตั้งอยู่บนความเสมอภาค  เป็นสังคมที่ใครจะตีความถูกผิดดีงามในลักษณะของอัตตวิสัย (Subjective) ไม่ได้เป็น ภาววิสัย (Objective) ลองดูอย่างฟิลิปปินส์นั่นปะไร การเล่นพวกพ้องไม่ใช่หรือที่ทำให้ประเทศชาติง่อนแง่น สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ยับเยิน ง่อนแง่น เหมือนนักกายกรรมไต่ลวดก็ไม่ปาน

 

ประเทศไทยเองก็ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาแล้ว!!! การที่ระเบิดลงที่กรุงเทพฯ 6 จุดด้วยกันทั่วกรุงในวันสิ้นปี มันเป็นสัญญานว่าต่อไปนี้เราจะเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่เราทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบกับชะตากรรมของชาติ ทุกจังหวัด ทุกภาคไม่มีข้อยกเว้น  คนภาคเหนือจะไปโทษภาคใต้ไม่ได้ พอๆกับที่คนภาคกลางจะโทษภาคอิสานไม่ได้เหมือนกัน เราจะโทษใครไม่ได้  ถ้าวันนี้เรายังบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ธุระไม่ใช่!!! และหันไปตะโกนบอกสาวเสริฟที่เดินอยู่ว่า น้องเบียร์หมด!!”

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนโกรธแค้น เมื่อมีความแค้น ก็ต้องมีการแก้แค้น และทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นวังวน เหมือนกับหนังจีนที่สามารถเอาโครงเรื่องการแก้แค้นมาสร้างใหม่กันได้ไม่รู้จบ บางคนก็เกิดสัญชาติญานของการเอาตัวรอด โดยบอกกับตัวเองว่า ต่อไปนี้จะอยู่กับบ้าน ไม่จำเป็นไม่ออกไปไหน ไม่กินข้าวนอกบ้าน ไม่ไปดูหนัง ไม่ไปในที่สาธารณะ การอยู่กับความกลัวไม่ใช่เรื่องสนุก และไม่เป็นผลดีกับสุขภาพจิต เพราะเป็นการยอมจำนนให้กับสถานการณ์  นอกจากนั้นยังบ่มเพาะความเห็นแก่ตัว สร้างบรรทัดฐานของการเอาตัวรอดให้กับสังคม ลองคิดภาพง่ายๆว่า กรุงเทพฯคงสกปรกน่าดู ถ้าไม่มีใครอยากทิ้งขยะลงในถังที่จัดไว้ เพราะกลัวโดนระเบิด

 

ส่วนบางคนก็อาจจะเข้าสู่สภาวะของควมท้อแท้สิ้นหวัง เพราะมองไม่เห็นว่าอนาคตจะดีขึ้นได้อย่างไร อย่าลืมว่าคนเราอยู่ด้วยความหวัง ใครไม่มีความหวังก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว คิดว่าเวลานี้การมีสติ กับการมีสัมมาทิฐิเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ให้มองว่าบทเรียนในครั้งนี้จะส่งผลดีอย่างไร มันจะไปตั้งคำถาม ไปจี้จุดหรือประเด็นปัญหาพื้นฐานที่หมักหมมกันมานานในสังคมของเราหรือไม่ อย่างเช่นเรื่องของการรวมศูนย์อำนาจ และการใช้ระบบราชการเข้าหักล้างทำลายความเข้มแข้งและความภูมิใจของท้องถิ่น ย่ำยีศักดิ์ศรีของคนที่เราเรียกขานเขาว่าคนไทย แต่สามารถอุ้มฆ่าพี่น้องของเขาได้โดยไม่กระพริบตา จนเกิดเป็นเรื่องราวลุกลามใหญ่โตน่าเศร้าในปัจจุบัน จะอย่างไรก็ตามขอไว้อาลัยกับชีวิตของคนบริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียไปในครั้งนี้ด้วย

หมายเลขบันทึก: 70391เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2006 23:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท