นั่นหมายถึงตอนที่อายุ ๓๐ ต้นๆ ค้นพบตัวเองว่าต้องแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญและความสุข สนุกอยู่กับการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน
บ้านและที่ดิน ตลอดจนรถยนต์ก็ยังไม่มี แต่ไม่รู้ทำไม อยากเป็นอยากไป อยากก้าวหน้าในอาชีพการงาน ค้นคว้าหาอ่านตำราอย่างไม่รู้จักความเหนื่อยหน่าย
การได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งในสมัยนั้น มันหมายถึงประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างใหญ่หลวง ทำได้ในสิ่งที่ต้องการ มีโอกาสได้เลื่อนขั้นเงินเดือนและเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใหม่ เพิ่มโอกาสทำงานที่ท้าทายความสามารถ
ตำแหน่งดังกล่าว..ไม่ถึงกับใหญ่โตเป็นเจ้าคนนายคน แต่เป็นการพิสูจน์ตัวเองว่ามีศักยภาพที่มากพอ ไม่ขอย่ำอยู่กับที่ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างที่ไม่เคยสะดุดเลยแม้แต่น้อย
ทุกครั้ง..ทุกโอกาสและทุกตำแหน่งทางการศึกษาที่ผ่านมาอย่างหลากหลาย ต้องอ่านหนังสือสอบอยู่ตลอด อ่านอย่างหามรุ่งหามค่ำ สมองดื่มด่ำกับความรู้ความจำ มือ..จดบันทึกอย่างขยันขันแข็งและเป็นระเบียบเรียบร้อย
คุ้มค่า..กับเวลาที่เสียไป ข้อสอบที่ยากแค่ไหน ก็ผ่านมาได้ และถูกเรียกให้ไปรายงานตัวเป็นคนแรกของจังหวัดกาญจนบุรีอยู่เสมอ เมื่อเปลี่ยนเก้าอี้ตัวใหม่ ก็ต้องย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัย จากที่เดินทางไกลเข้าป่าดงดอน กลับกลายเป็นเดินย้อนเข้าหาตัวเมืองที่ศิวิไลซ์มากขึ้น
อันนี้แหละ ที่หลายคนมองว่าคือความก้าวหน้า แสวงหาความมั่นคงในหน้าที่การงานและชีวิต ลิขิตตัวเองให้ไปเพื่อเข้าใกล้ฝั่งฝัน คือผู้บริหารระดับสูง
๒๐ ปีผ่านไป..ในสถานศึกษากับตำแหน่งผู้บริหาร...งานพัฒนาการเรียนการสอนกับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม ต้องยอมมอบตัวมอบใจ ไปไหนไม่ได้แล้ว นิ่งสนิทและเลิกฝัน แต่ลงมือทำทุกวันกับการแก้ปัญหา เรียนรู้ศาสตร์พระราชา ประยุกต์ใช้พัฒนาโรงเรียนด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ทุกวันนี้..ลด ละ และเลิกแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ แต่ยังคงต้องการความสุขในชีวิตประจำวัน เลิกฝันถึงบ้าน รถ ยศและตำแหน่ง เพราะมีครบและขอจบกันตรงนี้จะดีกว่า
ฝันให้ไกล..ไปให้ถึง ยังคงอยู่ไม่ลบเลือนแต่เป็นคนละเรื่องกับที่ผ่านมา เขียนฝันไว้ที่ข้างฝา ว่าจะเที่ยวตามพ่อ ขอศึกษาโครงการพระราชดำริอย่างจริงจัง เดินทางไปยังสถานที่จริง เพื่อบันทึกภาพและเรื่องราวมาเก็บไว้..ให้ลูกหลานได้ศึกษาและจดจำ
ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจว่า ก่อนตายต้องทำให้ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะก่อนหรือหลังเกษียณ แต่จะไม่รอให้แก่เฒ่า จนต้องถือไม้เท้าให้เป็นภาระของคนอื่น
ความฝันที่วาดหวังเอาไว้ จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟตู้นอนชั้น ๑ ซึ่งไม่เคยนั่งมาก่อน จากกรุงเทพไปเชียงใหม่..จุดหมายปลายทางอยู่ที่ “โครงการพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้”หากไม่ได้ไป ยังไงชาตินี้ คงนอนตายตาไม่หลับแน่นอน
โครงการพระราชดำริของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ว่าโดดเด่นเน้นภูมิปัญญาให้พสกนิกร ผมไปมาเกือบหมดแล้ว หากมีอีกสักครั้ง ได้ไปไกลถึง”ห้วยฮ่องไคร้” ก็ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของผม
แผนการที่วางไว้ในใจ ลงรถไฟต่อด้วยรถรับจ้าง จากนั้น..ตลอดทั้งวันขอศึกษาฐานการเรียนรู้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จนถึงเย็น..๑๘.๐๐ น. ได้เวลาขึ้นรถไฟขบวนเดิมเดินทางกลับบ้าน..ใช้เวลาเพียง ๒ วันกับการได้สัมผัสรถไฟชั้น ๑ ซึ่งไม่เคยนั่งท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้เก็บเกี่ยวความรู้ในโครงการพระราชดำริ..ที่ยังติดค้างคาใจไม่รู้ลืม
ฝันให้ไกล..ไปให้ถึง...คิดว่าต้องมีสักวันหนึ่งของชีวิตนี้
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๘ เมษายน ๒๕๖๕
สุดยอดครับ มาถึงจนได้ ;)…
ฝันไว้ครับ…ยังไม้ได้ไปครับ