เรื่องที่2 คือ งานพัฒนาชุมชนสาธิต มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งผมได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วย
ที่ประชุมมี5คนคือ รองผอ.ศบว. หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจชุมชน ผม คุณมานะ ช่วยชู และคุณเพ็ญนภา สวนทอง
เราคุยกันต่อเนื่องจากการประชุมคราวที่แล้วที่มีรองอธิการบดีและคณบดีจากหลายสำนักร่วมกันให้ข้อคิดเห็นไว้
เรื่องเดิมคือ ชุมชนสาธิตม.วลัยลักษณ์ เป็นชุมชนที่เกิดจากการจัดตั้งมหาวิทยาลัย จึงเกิดขึ้นคู่เคียงกับมหาวิทยาลัย และท่านอธิการบดีท่านแรกคือ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน(ตอนนี้ดำรงตำแหน่งรมต.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) ก็มีแนวคิดที่จะพัฒนาให้เป็นชุมชนคู่เคียงมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังพัฒนาได้ห่างไกลจากฝันที่ตั้งไว้ด้วยเหตุผลหลายประการ
ข้อเสนอจากการประชุมคราวที่แล้วมี2ระยะคือ ระยะยาวควรจัดทำเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาหรือจัดการความรู้ชุมชนสาธิต ตามแนวทางการพัฒนาโดยใช้พื้นที่ชุมชนเป็นฐาน มีห้องประสานงานโครงการ คนทำงานและงบประมาณ อาจจะมีคณะกรรมการก็ได้ แต่ที่จำเป็นคือ ผู้จัดการโครงการ เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง ระยะสั้นคือ การพิจารณาโครงการที่มหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนปีละ500,000บาทให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ประชุมคราวนี้ไม่คืบหน้าเท่าไร
ผมสรุปทวนความจำของตัวเองว่า
เป้าหมายคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และกระบวนการเรียนรู้ของคนในชุมชน
ภารกิจคือ
1)ถอดความรู้และการพัฒนาที่เคยทำมาตั้งแต่เริ่มตั้งชุมชน
2)จัดการความรู้ โดยนำความรู้ไปใช้งานผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งการสร้าง และพัฒนาองค์ความรู้ที่ยังขาดหายอยู่
3)เชื่อมโยงกับการเรียนการสอน ให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีหลายสำนักวิชากำลังดำเนินการอยู่ แต่อาจจะยังขาดความเชื่อมโยง และความต่อเนื่อง
งบพัฒนาที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ ถูกใช้ไปเสมือนงบSML ซึ่งไม่น่าจะเกิดประโยชน์สูงสุด
ผมเห็นว่าควรใช้กิจกรรมสัจจะลดรายจ่ายวันละ1บาทของดร.ครูชบ ยอดแก้วมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนและสร้างทุนทางสังคม
รวมทั้งเป็นการจัดสวัสดิการมูลฐานให้กับคนในชุมชน
โดยการหนุนเสริมด้วยเงินกองทุนที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้
รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ
ซึ่งต้องอาศัยผู้จัดการโครงการ