เบาหวานเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ จากความล้มเหลวในการดูแลในรพ.หรือทุติยภูมิ ทำให้งานปฐมภูมิก็ถูกคาดหวังว่าจะเป็นทางออก
แต่ปัญหาคือจากที่ผ่านมา เราก็พบว่าไม่ว่าจะเข็นอย่างไร ความสำเร็จในการควบคุมน้ำตาลให้ A1C < 7 ก็ยังไปไม่ถึงซะที แม้ว่าจะมีการตั้งตัวชี้วัด และให้ incentive ในหลายรูปแบบก็ยังล้มเหลวอยู่ดี
เราลองมาค่อยๆ วิเคราะห์ปัญหาในเรื่อง incentive กันก่อนดีกว่า
ข้อเท็จจริงข้อแรกที่ต้องย้ำกันคือ เบาหวานเป็น multifactorial disaease การที่ผู้ป่วยจะควบคุมได้หรือไม่ได้ ขึ้นกับทั้งตัวโรคเอง ประสิทธิภาพและความเหมาะสมของยา ความตั้งใจ ศักยภาพของผู้ป่วยและครอบครัว ระบบสุขภาพที่เขาใช้บริการ ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่คนไข้ตั้งใจ หมอเก่ง หรือมียาดี อย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ แต่คนไข้อาจจะต้องมีทุกอย่างที่ดีพร้อมๆ กัน (ซึ่งมันก็ไม่ง่าย)
ข้อเท็จจริงข้อสองคือ คนไข้คือคนสำคัญ พอๆ กับหมอ โรคนี้เป็นโรคที่ต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขัน เรียนรู้ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ไม่ใช่โยนให้ใครคนใดคนหนึ่ง ที่พบบ่อยคือ ทีมรักษามักมีคำแนะนำชุดนึง เช่นไม่กินหวาน ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก เมื่อบอกกล่าวแล้วก็โยนให้เป็นภาระคนไข้ที่ต้องไปจัดการเอาเอง ขณะเดียวกันเมื่อคนไข้มีข้อจำกัดที่จะขอคำปรึกษา หมอก็มักไม่มีทางออกให้ แล้วก็วนกลับมาที่เดิม หรือในทางกลับกัน หมอพร้อมจะช่วยอย่างเต็มที่ สนใจใส่ใจให้คำแนะนำ แต่คนไข้ไม่อยากจะทำ รู้สึกว่าพอแล้ว ทำยาก ไม่อยากทำ ตัดใจไม่ได้ อะไรก็แล้วแต่ หมอก็วิ่งวุ่น เหนื่อยดูแล เหนื่อยรักษาแต่ไม่ได้อะไรเลย
ดังนั้นเราจึงมักพบว่า คนไข้ที่ควบคุมน้ำตาลได้ดี จึงมักเป็น
กลุ่มที่เป็นไม่มากอยู่แล้ว ควบคุมนิดหน่อย ได้ยาธรรมดาก็ควบคุมได้แล้ว
กลุ่มที่มีฐานะดี การศึกษาดี มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ และดูแลตัวเองมากๆ
การใช้ตัวชี้วัดก็ต้องระวัง ตัวชี้วัดมีไว้เพื่อสะท้อนการทำงาน เรียนรู้และปรับปรุง ต้องระวังไม่ให้ตัวชี้เองกลายเป็นเป้าหมาย มิเช่นนั้นคนจะไม่ทำกระบวนการที่ถูกต้อง แต่จะมาเล่นกับตัวเลขเพื่อให้ได้ตัวชี้วัดสวยๆ โดยไม่ได้ผลลัพธ์จริงๆ
ไม่มีความเห็น