โลก ( ลืม )ของเด็ก
8-4-60 14.14น.
....
ในท่ามกลางความวุ่นวายของเด็ก ๆที่เข้ายื้อแย่งขนมและของรางวัลในวันเด็กแห่งชาติ
ผมอดทนที่จะยืนดูไม่ได้...ผมเข้าไปแย่งขนมกับเด็ก ๆ เหล่านั้นด้วย...
...
หลานชายผมกำลังอยู่ในวัย ป.4 – ป.5 ในตอนนั้น ผมเป็นน้าชายคนเดียวที่ยังพอที่จะพาหลานมาร่วมงานได้ เนื่องจากพี่สาวของผมหรือแม่ของหลานผมไม่สามารถกลับจากทำงานที่กทม.ได้
แน่นอนหล่ะครับ!
ถึงแม้จะคิดถึงลูกเพียงไรก็คงต้องต้องอดทนทำงานเพื่อหาเงิน เพราะการลาหรือขาดงานลงมาคงทำให้สูญเสียรายได้ไม่น้อย ส่วนยายก็ไปท้องทุ่งนาเสียแล้ว เลยต้องเป็นหน้าที่ผมซึ่งพอที่จะสามารถมาได้
ดูเหมือนหลานชายก็รู้สึกดีใจไม่น้อยทีเดียวที่อย่างน้อยมีญาติพามาร่วมงานที่ทางหน่วยงานราชการเขาจัดให้เด็ก ๆ เป็นประจำ
งานใกล้จะเลิกเมื่อการแสดงต่าง ๆ ทั้งของเหล่าบรรดาเด็ก ๆ และการแสดงอื่น ๆ สลับกับการเล่นเกมส์ได้ของรางวัลซึ่งใกล้จะจบลงแล้ว ผมจึงได้เข้ามาเพราะมีงานด่วนเลยส่งหลานไว้ที่เวทีแสดง ก็ร่วม ๆ ครึ่งชั่วโมงจึงได้กลับมาตอนที่งานใกล้จะเลิกแล้ว
เด็ก ๆ ต่างเจี้ยวจ้าว ๆ กับของขวัญและขนมมากมาย บ้างก็ให้ผู้ปกครองช่วยถือเพราะได้มากถือไม่ได้เสียงพิธีกรก็ประกาศสลับกับการแจกของรางวัล
“เข้าคิวครับน้อง ๆ หนู ๆ ได้ทุกคน..”
“เอ้าไหน น้อง ๆ หนู ๆ คนไหนยังไม่ได้ยกมือหน่อยเร้ว! “ ตามด้วยมือยกกันขาวโพลนกันถ้วนหน้าของเด็ก ๆ บ้างก็ยกมือทั้ง ๆ ที่ของขวัญยังติดอยู่ที่มือ ผู้ปกครองก็พากันหัวเราะถึงความเอ็นดูความซื่อ ๆ และความอยากของเด็ก ๆ ที่ไม่มีแอบแฝง รวมไปถึงหลานผมด้วย นู่น!ยกมือสายตาบ้องแบ้ว มีประกายความหวัง มีความสุขอยู่ตรงกลาง ๆ มองแทบไม่เห็น
ขนมและของขวัญเยอะแยะมากมาย เจ้าหน้าที่ผู้จัดงานก็ช่วยกันลงมาแจกอีกแรง เสียงพิธีกรก็ประกาศกล่าวเป็นการส่งท้ายสำหรับงานวันเด็กปีนี้
“พบกันใหม่ปีหน้า น้อง ๆ หนู ๆให้ตั้งใจเรียนเพื่อเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อหน้าที่เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้แก่ประเทศชาติต่อไป ขอบคุณครับ...”
“ขนมยังเหลือนะครับน้อง ๆ หนูๆ ไม่ต้องแย่งกันเข้าแถวครับ เข้าแถว เดี๋ยวพี่ ๆ เข้าไปแจกให้ถึงเก้าอี้เลยครับ...”เป็นเสียงพิธีกรที่พยายามบอกเด็ก ๆ หลังจากปฏิบัติหน้าที่บนเวทีเสร็จแล้ว
เด็ก ๆ ก็พยายามเข้าแถวบ้าง ไม่บ้างตามประสาเด็ก หลานผมยังอยู่ตรงนั้น ตรงกลางแถวยังยกมือขึ้นและคอยชะเง้อถึงหัวแถว และเด็ก ๆ หลายคนผู้ปกครองเข้าไปขอจากเจ้าหน้าที่ที่กำลังแจกขนม ซึ่งเจ้าหน้าที่ใจดีก็แจกให้แทน
ใกล้ถึงถุงขนมถุงของขวัญแล้ว และผมเพิ่งสังเกตเห็น!
หลานผมยังคงอยู่กลางแถวตามคิวพร้อมเด็ก ๆ ที่เข้าแถวตามเดิมต่างก็ยกมือ และคอยชะเง้อถึงหัวแถวซึ่งเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่แจกขนมจากที่ถุงใหญ่ ๆ ก็ร่อยหรอลงจากเดิม
มีเด็ก ๆ ที่ซุกซนไม่เข้าแถววิ่งเข้าไปยื้อแย่ง ในขณะที่ผู้ปกครองหลาย ๆ คนก็เข้าไปขอจากเจ้าหน้าที่โดยไม่ต่อแถวเด็ก ๆ และไม่เกรงสายตาใคร ต่างคนต่างอยากได้ความวุ่นวายคงไม่ต้องพูดถึง ในขณะที่หลานผมและเด็ก ๆ อีกหลายคนที่ยังคงเข้าแถวยกมือ และคอยชะเง้อถึงข้างหน้าและข้างหลัง รอบ ๆ ด้วยแววตาและใบหน้าที่แม้แต่ผมก็อธิบายไม่ถูก
ผมตัดสินใจกระโดดเข้าร่วมวงยื้อแย่งขนมทันที! เจ้าหน้าที่มองหน้าผมในขณะที่ผมไม่มองใครยกเว้นถุงขนมและของขวัญเหล่านั้น
...
หลานชายได้ขนมที่ผมเพิ่งไปแย่งมาเมื้อกี้เท่านั้น แต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มที่ได้ขนมและของขวัญ ซึ่งแตกต่างกับเมื่อสักครู่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงเด็ก ๆ เจี้ยวจ้าว เสียงรถ เสียงเก็บเวที และเสียงร้องไห้จ้าของเด็ก ๆ ระคนสลับกันดูเป็นธรรมดาสำหรับหลาย ๆ คนทั่วไปเมื่องานสิ้นสุด
ผมเหลือบมามองหน้าหลานชายอีกครั้ง ก่อนเงยหน้าอันแดงก่ำที่ระคนรู้สึกอาย และงุนงง กับตัวเองมองตรงทางเพื่อพาหลานกลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตตามปกติต่อไป...
...
ใต้ร่มต้นตะโกข้างหลังเวทีนั้นเด็กน้อยเสื้อลายวัย ป.4-ป.5 อีกคนหนึ่งดูมัวหม่นในชุดกางเกงนักเรียนเก่า ๆ แม้อาจจะดูหม่น ๆ บ้าง ขาดวิ่นบ้าง ก็ยังพอรู้ว่ามาร่วมงานวันเด็กในวันนี้เหมือนกับเด็ก ๆคนอื่น ๆ เด็กน้อยหลุบหน้ามองดูขนมและของขวัญที่ใคร ๆ ต่างก็ได้กันกลับบ้านเยอะแยะ บ้างก็ให้ผู้ปกครองถือให้
เด็กน้อยก้มหน้าน้ำตาซึม มองถุงขนมที่เหลือเพียงซองเปล่าที่เด็ก ๆ คนอื่นกินหมดแล้วทิ้งเรี่ยราด
เด็กน้อยอยู่ลำพังกับยาย ที่ท้ายทุ่งและยายก็แก่มากแล้วมาไม่ได้ พ่อกับแม่ก็แยกทางตั้งแต่ยังเด็ก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างมากนัก ด้วยมียายคอยให้ความรัก ความห่วงใยและคอยพร่ำสอนให้เป็นเด็กดีอยู่เสมอ ๆ
ด้วยวัยที่โตขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยก็ให้เกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จักเพิ่มมากขึ้น
เขาจำสิ่งที่ยายสอนไว้ให้เป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่บอกกล่าว ไม่เป็นเด็กดื้อ ไม่ยื้อแย่งของของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตนเองหรือของที่เขาไม่ได้ให้ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และอีกหลาย ๆ เรื่อง
เขามั่นใจว่าเข้าใจคำสอนของยายได้ดีอยู่ แต่เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำไมถึงไม่ได้ขนมหรือของขวัญอย่างคนอื่น ๆ หรือเขาไม่มีน้าชายที่มาคอยยื้อแย่งขนมเหมือนเพื่อนของเขาที่เข้าแถวต่อจากเขาเหมือนกัน
หรือเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจว่าวันนี้แท้จริงแล้วเป็นวันของผู้ปกครองที่เห็นแก่ลูก ๆ หลาน ๆ เขาเท่านั้น
หรือเป็นเพราะอะไร !?!
…
ต้นตะโกไม่มีร่มให้เด็กน้อยแล้ว เพราะได้เปลี่ยนเป็นแสงแดดอ่อน ๆยามเย็นส่องกระทบตัวเขาแทน
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น เมื่อจู่ ๆแสงแดดอัสดงถูกเปลี่ยนไปเหมือนมีอะไรบดบัง
“ยาย!....” เขาถลาทั้งตัวพร้อม ๆ กับปล่อยโฮ หลากหลายอารมณ์ที่ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจถูกกดไว้ก็พรั่งพรูออกมา
เขาร้องไห้ราวกับเขาได้สูญเสีย สูญเสียบางสิ่งที่เขาไม่มี
สูญเสียในบางสิ่งที่เขาเองก็ไม่รู้และไม่เข้าใจด้วยซ้ำ...
“กลับบ้านเถอะลูกเย็นแล้ว ...”เสียงยายโอบกอดหลาน ที่ในมือว่างเปล่าเอาแต่กอดยายแล้วพร่ำร้องโดยที่ไม่ต้องถามถึงสาเหตุ เป็นเพราะนางก็เทียวถามคนอื่น ๆ ที่พาลูกพาหลานกลับตั้งแต่กลางวันแล้ว แต่ด้วยสุขภาพทำให้กว่าที่จะมาถึง
แสงอาทิตย์อัสดงลงเรื่อย ๆ หมู่นกกาส่งเสียงร้องเรียกฝูงกลับคืนสู่คอน สู่รัง สภาพที่เคยวุ่นวายในเมื่อตอนกลางวันเงียบหายเหลือเพียงสองยายหลานใต้ร่มตะโก เดินเคียงข้างกันออกจากสนามแห่งนั้น
ยายเริ่มจูงหลานเดินกลับบ้าน สลับกับคำปลอบขวัญหลาน
“ไม่ร้องนะลูก ไม่ร้อง!”
“เด็กดี...ไม่งอแงนะลูก!”
*************
ไม่มีความเห็น