ธมฺมนีติ ๑๑๙ ทุชฺชนกถา
ภาษิตของพ่อ
มูฬฺหสิสฺโสปเทเสน กุนารีสรเณน จ
ขลสตฺตูหิ สํโยคา ปณฺฑิโต ปยฺวสีทติ ฯ
โคลงสอง
มีลูกศิษย์โง่เหง้า สอนทุกค่ำเย็นเช้า ไป่ได้เข้าใจ
อยู่กับหญิงถ่อยถ้อย ราวปากมีสักร้อย พร่ำล้วนคำระคาย
อยู่ในหมู่อริแล้ ส่ำพวกพาลแท้ อยู่เพี้ยงใจพัง
สามสภาวะแต่ต้น บัณฑิตตกฤๅพ้น ต่ำต้อยลงพลัน
อธิบายศัพท์
โง่เหง้า : โง่เง่า ในที่นี้ต้องการคำที่มีรูปวรรณยุกต์ โท จึงใช้เป็นคำโทโทษ ความหมายคือ โง่มาก
ถ่อย : ชั่ว เลว ทราม
ระคาย : กระทบกระเทือนกายใจให้เกิดรำคาญไม่เป็นสุข
อริ : ข้าศึก คนที่ไม่ถูกกัน ศัตรู
ส่ำ : หมู่ พวก เหล่า
เพี้ยง : เท่า เสมอ เหมือน แผลงมาจากคำว่า เพียง
ถอดความ
มีศิษย์ที่โง่มาก พร่ำสอนตลอดเวลาก็ไม่อาจเข้าใจได้
อยู่กับหญิงปากร้าย เหมือนมีร้อยปากที่กล่าวถ้อยคำทำให้ไม่สบายใจ
อยู่ท่ามกลางศัตรูซึ่งเป็นพวกคนพาล อยู่ไปก็มีแต่ยุ่งยากลำบากใจ
ทั้งสามเหตุการณ์ที่กล่าวนี้ แม้บัณฑิตผู้มีปัญญาได้ประสบก็มีแต่จะตกต่ำลง
ดอกทับทิม
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ความหมายหนึ่งของบัณฑิต ที่ใช้ในพระไตรปิฎก หมายถึงพระอรหันต์. กรณีถ้าเป็นท่านเหล่านั้น สิ่งภายนอกไม่ระคายจิตใจพวกท่านเลยครับ.