คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทย ที่ได้เรียนรู้แนวทางการจัดการชีวิตและงานจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ ความทรงจำของคนไทยที่ได้เกิดมาทันยุคสมัยของพระองค์ท่าน คือการได้พบจุดเปลี่ยนในการสร้างชีวิตและพัฒนางาน ด้วยการน้อมนำคำสอนที่ถือว่าเป็นสุดยอดมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ผมเชื่อว่า..ทุกคำสอนที่ถูกถ่ายทอดออกมา ล้วนมีพลังอันยิ่งใหญ่ จนไม่อาจมองข้ามได้เลย สิ่งที่ผมอยากจะบอกเล่า ด้วยความเชื่อว่า พระบรมราโชวาท พระราชปรารภ พระราชดำริและทัศนะของพระองค์ท่านในหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้น สามารถเปลี่ยนชีวิตคนเรา ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม
สำหรับผม ผู้ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียนเล็กๆขับเคลื่อนเข้าสู่ปีที่ ๑๖ มีประสบการณ์มากมาย หลังจากที่ได้รับ”แรงบันดาลใจ”เมื่อเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้นำ”คำสอนของพ่อ”ไปใช้เป็นประโยชน์ในชีวิตจริง ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
ผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่อยากเปลี่ยนชีวิต ผมจึงต้องเปลี่ยนความคิด เพื่อจะได้ไม่จ่อมจมอยู่กับความทุกข์ ความยากลำบากและความขาดแคลนในโรงเรียน ถึงแม้เราจะหนีไม่พ้น แต่ขอให้ทำงานได้อย่างมีความสุขก็พอ
จึงขอหยิบยกคำสอนของพ่อบางส่วน ที่คิดว่าเป็นแก่นของแรงบันดาลใจทั้งปวงของผม ขอนำมาขยายความให้ได้สาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
"การระเบิดจากข้างใน”
คือความยั่งยืน..สิ่งที่อยู่ภายในใจคนเราล้วนคือพลังที่ยิ่งใหญ่ เมื่อใจมุ่งมั่นเดินหน้าสานฝันให้เป็นจริง ไม่ท้อที่จะหยุดลงได้อย่างง่ายๆ จึงยั่งยืนเสมอ เมื่อได้แรงบันดาลใจแบบนี้ ผมจึงคิดดีทำดีต่อไป เพื่อทำโรงเรียน “SMALL IS BEAUTIFUL” ไม่ลุ่มหลงแรงกระตุ้นจากภายนอก ที่เป็นพลังชั่วคราว ที่จะทำให้หลงทางและเสียเวลา ในการพัฒนาตนพัฒนางาน
“การเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”
คือแนวทางการสร้างความเปลี่ยนแปลง เมื่อคนเรามีความเข้าใจทุกสิ่งว่า เรากำลังทำอะไรเพื่ออะไรอย่างชัดเจน คนเราจะสามารถเข้าถึงผู้คนได้ด้วยพื้นฐานเข้าใจต่อกัน และจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีกว่าเดิมได้ นี่คือ..วิสัยทัศน์ที่ผมใช้..ในการเป็นผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก
“สามห่วง สร้างสมดุลให้ชีวิต”
คือความมีเหตุผล ความพอประมาณ ความมีภูมิคุ้มกัน ชีวิตที่ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ย่อมเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ในทุกสิ่งที่ทำ ดังนั้นเมื่อสิ่งที่คนเราทำนั้น มีความสมเหตุสมผล มีความพอเหมาะพอดี และมีความรอบคอบระมัดระวังไม่ประมาท จนเกินตัว เกินกำลังก็ย่อมที่จะสร้างสมดุลชีวิตให้เป็นสุขได้เสมอ สำหรับผม..สามห่วงได้สร้างความพอดีให้ชีวิต..งดงามเสมอ
“คุณธรรม นำความรู้”
คือเงื่อนไขสู่ความสำเร็จทุกสิ่ง เมื่อความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม เป็นจุดเริ่มต้นลงที่ใจคนได้แล้ว ก็ย่อมที่จะมีความพร้อมที่จะช่วยให้ความรู้ที่มี สามารถถูกนำไปใช้ ให้เกิดผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ต่อผู้คนและสังคมอย่างบริสุทธิ์ใจ มากกว่าการมีผลประโยชน์แอบแฝงใส่ตน ผมจึงเชื่อเสมอว่า.. คุณธรรมช่วยนำชีวิตได้
“การพัฒนาที่มั่นคง”
คือพึ่งตนเอง พึ่งพาซึ่งกันและกัน เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย ชีวิตคนเรานั้นไม่มีทางลัด จึงจำเป็นต้องอาศัยการสั่งสมพัฒนาการให้เกิดความเข้มแข็ง อย่างมั่นคงไปตามลำดับและจังหวะชีวิต จากการอยู่ให้รอด พึ่งตนได้ เติบโตไปแบบพึ่งพากันได้ และอยู่ในสถานะยืนหยัดอยู่ร่วมกันได้ จึง นับเป็นพันธกิจสำคัญของผม..ในโรงเรียนขนาดเล็ก...ที่พยายามจะทำให้สำเร็จ
“การทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่”
คือไม่ใช่การทำไปตามหน้าที่เท่านั้น ชีวิตคนเรานั้น ล้วนมีบางสิ่งที่ต้องทำอย่างมีจุดยืน ชีวิตจึงมีคุณค่าและความหมาย การอยู่เพื่อหน้าที่คือการสร้างชีวิต แต่การอยู่เพื่อทำไปตามหน้าที่นั้น คือการใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันๆอย่างไร้ความหมาย สำหรับผม...จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเสมอ
“ขาดทุน คือกำไร”
ถือเป็นการให้อย่างไม่มีเงื่อนไข คือการเป็นผู้ให้และการแบ่งปันต่อผู้อื่น โดยไม่หวังรอผลตอบแทนกลับคืนมา แม้แต่คำชมเชย เมื่อคิดจะช่วยคนให้มีที่ยืนในสังคม ต้องไม่คิดเรื่องกำไรขาดทุนมานำหน้า เพราะกำไรที่แท้จริงนั้นคือการได้ทำความดี
“ ปิดทองหลังพระ”
พระพุทธรูปจะงามสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อมีคนปิดทองหลังพระ การทำทุกสิ่งเพียงแค่เอาหน้าก็เป็นได้แค่การปิดทองเฉพาะส่วนหน้าเท่านั้น ความสำเร็จที่แท้จริงนั้น ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น งานจึงสำเร็จบริบูรณ์ครบถ้วนทุกด้าน
คำสอนของพ่อ จึงเป็น"แรงบันดาลใจ" ที่สำคัญ ทำให้ผมมีแรงขับเคลื่อนงานบริหารการศึกษาในโรงเรียนเล็กๆ ทุกคำสอนเป็นขุมพลังทั้งในการจุดระเบิดแรกเริ่ม และยังคงเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงประคับประคองให้ผมทำงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ หลายเหตุการณ์ในชีวิตผู้บริหารอาจจะไม่ได้ตามที่หวัง ทำให้รู้สึกท้อถอยและอยากจะเลิกลา คำสอนของพ่อจะช่วยหนุนใจว่า ท้อได้แต่อย่าถอย หากจะถอยก็ขอให้ถอยเพื่อตั้งหลัก สู้ต่อไป....
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ (๒๐.๑๐ น.)
ท่านคือ แรงบันดาลใจสำคัญของผม ;)…