มุมมองกว้าง ๆ ที่คุ้ยเคยตามจิตวิทยาพัฒนาการ 7 ปี แรกแห่งชีวิต เจตจำนง หรือ เจตนารมณ์ ประกอบด้วย ตั้งใจมุ่งหมาย - กิจกรรมรอบตัวมีความหมายให้สำรวจ สังเกต สื่อสาร สร้างสรรค์ และเรียนรู้การไหลลื่นด้านอารมณ์สังคมจากต้นแบบผู้ที่อายุมากกว่าทุกคน เรียก Social Emotional Learning Flow ย่อว่า SELF จากนั้นเริ่มลงลึกถึงการควบคุมอารมณ์บวกลบจากกระบวนการทำงานสมองอารมณ์/ลิมบิกที่ควบคุมผ่านไฮโปทาลามัสแบบ “หนีหรือสู้” ในช่วง 14 ปีแรกต่อด้วย 21 ปีแรกเริ่มกำหนดอารมณ์ผ่านกระบวนการเรียนรู้ผ่านการรู้คิดลงมือทำแบบ “ยอมรับหรือไม่ยอมรับ” ความผิดพลาดในการแก้ปัญหารอบ ๆ ด้วยจิตอิสระแบบเติบโตด้วยพลังใจในตัวเองหรือยึดติดด้วยแรงบังคับจากผู้ใหญ่
ในมุมมองลึก ๆ การควบคุมอารมณ์ของเด็กจะเริ่มจากการปรับพฤติกรรมตามที่คุณพ่อคุณแม่บอกให้ทำในช่วงวัย 1-1.5 ปี จนถึง 2 ปีที่เด็กจะควบคุมอารมณ์ด้วยตนเองแบบไม่มีคุณพ่อคุณแม่กำกับ และเด็กจะอ่านใจทำตาม “ความต้องการ” ของคุณพ่อคุณแม่ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาในการกำกับอารมณ์กลัว เศร้า โกรธได้ ตอน 3 ปี ประกอบด้วย
หากมีความตึงเครียดทางอารมณ์จนเกิดปัญหาทางพฤติกรรม นักกิจกรรมบำบัดจะออกแบบโปรแกรมฝึกทักษะการกำกับอารมณ์ในหลากหลายกรอบการทำงาน เช่น การใช้เรื่องเล่าเป็นภาพมีคติสอนใจ การแสดงบทบาทสมมติ การสื่อสารซ้อมสนทนา การปรับสื่อชี้นำการรับรู้สึกนึกคิด การเล่นผ่าน Motor-Oral-Respiration-Eye (M.O.R.E.) เป็นต้น
เมื่อวานมีสื่อมวลชนสอบถามว่า
1.กิจกรรมให้เด็ก 2 ขวบเล่นสเก็ตซ์บอร์ด การที่พ่อ-แม่สนับสนุนให้ลูกเล่นกีฬาเอกสตรีมตั้งแต่วัย 2 ขวบ ถือเป็นหนึ่งในวิธีเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่
ตอบ ถ้าต่ำกว่า 5 ระบบประสาททรงตัวป้องกันล้มบาดเจ็บไม่ดีนัก แต่ก็มี 3-5 ปีหลายคนฝึกยอมบาดเจ็บ ในคลิป 2 ขวบ ก็ต้องระวังอย่างยิ่ง จึงไม่ใช่วิธีเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เพราะเด็ก 2 ขวบต้องการเล่นด้วยอารมณ์สนุกสนาน ถ้าอารมณ์วิ่งเล่นเกมส์กีฬากับพ่อแม่จะเริ่ม 3-5 ปี ถ้าอารมณ์ฝึกฝนให้เป็นนักกีฬา คือ 12 ปีขึ้นไป
2. อย่างคลิปสเก็ตบอร์ดของเด็ก 2 ขวบครึ่ง อาจารย์มองว่าความเหมาะสมในการเล่นควรอยู่ในระดับไหน
ตอบ การเล่นทรงตัวบนสเก็ตแล้วรู้จักป้องกันล้มบาดเจ็บได้ดี คือ 5 ปีขึ้นไป โดย 5-10 ปี มีผู้ปกครองดูแล ใส่หมวกใส่ที่รองศอกเข่า ต่ำกว่า 5 ปีมีโอกาสบาดเจ็บที่สมอง 25% อีก 75% ข้อมือข้อเท้าแพลงหัก
3. คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองที่กำลังฝึกลูกวัย 2-3 ขวบ เล่นกีฬาเอกสตรีมทุกชนิด
ตอบ แนะนำผู้ปกครองสังเกตการเล่นสมวัยเพื่อสนุกสนานได้สังคม อารมณ์ดี การบังคับกีฬาเอกสตรีมก่อนวัยอันควรทำให้อารมณ์ใจร้อนใจเร็ว ควรมีผู้ใหญ่ดูแลความปลอดภัย สวมหมวกได้มาตราฐาน ฝึกเรียนรู้การล้มให้เกิน 1 สัปดาห์ แนะนำ 5-10 ปี บอร์ดกว้าง 7.5 นิ้ว ระวังอุบัติเหตุรถชน 25% อันที่จริงด้วยความเป็นห่วง เด็กวัย 1-3 ปี ต้องการเรียนรู้ผ่านการเล่นแบบจินตนาการจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เด็กวัย 3-5 ปี ต้องการเรียนรู้ความมีน้ำใจและการจัดการอารมณ์ดีด้วยการเล่นเกมส์กับพ่อแม่ผู้ใหญ่ใจดี ซึ่งบางส่วนของการกีฬามีหลายองค์ประกอบที่มีกติกาน่าสนใจทำเป็นเกมส์บางขั้นตอนได้ เด็กวัย 5-12 ปีต้องการเล่นเป็นเกมส์กีฬากับเพื่อนวัยเดียวกันด้วยความมีน้ำใจนักกีฬา และเด็กวัย 12 ปี เป็นต้นไป ก็จะฝึกเป็นนักกีฬาได้ทุกประเภทรวมทั้งเอกสตรีม ยกเว้น กีฬาที่ค่อย ๆ เตรียมพัฒนาการทางกล้ามเนื้อการทรงตัว ความยืดหยุ่น ความคล่องแคล่ว และความแข็งแรง จะเริ่มได้ในวัย 5 ปีขึ้นไป เช่น ยิมนาสติก ว่ายน้ำ เล่นสเก็ตส์บอร์ด เป็นต้น
4. อยากชวนอาจารย์พูดคุยเรื่องการฝึกสมาธิ การฝึกประสาทด้วยกิจกรรมทำสองอย่างควบคู่ (ยกกรณีคลิปคนร้องเพลงไปด้วยทำอาหารไปด้วยเป็นกรณีศึกษา)
ตอบ งานวิจัยทางการแพทย์ พบ 58% รสชาดอาหารดีขึ้น แต่ควรเป็นเพลงที่เกิดสมาธิ ฟังแบบนิ่ง ขยับทำอาหารใช้ตาและมือที่ไม่มีของมีคม ไม่มีของไหม้ร้อนเกินไป จะอันตรายได้
5. มีกิจกรรมการทำสองสิ่งควบคู่กันกิจกรรมไหนที่อาจารย์อยากแนะนำให้คนทั่วไปลองทำกันหรือไม่
ตอบ อายุ 7-10 ปี เริ่มทำสองสิ่งพร้อมกัน Dual Task แบบ กิจกรรมใช้ตาหรือหูนิ่ง ๆ กับกิจกรรมใช้มือขยับเล็กน้อย จะอันตรายในวัย 70 ปี วัยเกิน 10 ปีที่มีอาการจิตเวช สมองเสื่อม และโรคเรื้อรัง
6. อาจารย์มีคำแนะนำการบริหารหรือการทำกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในยุคโควิด-19 หรือไม่ อาจารย์มองว่ากิจกรรมใดที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพของระบบร่างกายและระบบประสาทในผู้สูงวัยได้บ้างครับ
ตอบ กิจกรรมสำหรับผู้สูงวัย 65 ปีขึ้นไปจะเน้นการผ่อนคลายอารมณ์ให้เพลิดเพลิน มีสมาธิจดจ่อเพียง 1 งาน ไม่ทำสองงาน ทำสิ่งที่เคยชอบอีกครั้งเป็นงานอดิเรก หรืออาจจะหารายได้บ้าง เช่น ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ขายของออนไลน์ ปลูกดอกไม้ พิมพ์เขียนจดหมายแต่งกลอน ฟังดนตรีแล้วร้องเพลงที่สร้างพลังใจ ชวนลูกหลานมาทำอาหารด้วยความรักความเข้าใจในครอบครัว
พอมาถึงวัยวุฒิภาวะทางสมองที่ 25 ปี ก็ต้องการดึงศักยภาพนั้นไปปรับใช้แก้ปัญหาให้ได้เชื่อมั่นในสมรรถนะแห่งตน 4/7 ขึ้นไป เพื่อสะสมคุณค่าภายในตนเองเกิดเป็นการตอบสนองความภาคภูมิใจในช่วง 25-35 ปี หากไม่ได้ทำสิ่งใดท้าทายและสร้างสรรค์ตามบทบาทพลเมืองดีมีน้ำใจในช่วง 35-45 ปี ก็จะก้าวย่างสู่การรู้จักตนเองด้วยความรักความเข้าใจแท้จริงไม่เกิน 50 ปี แต่ถ้าบางท่านสะสมความคิดลบตลอดช่วง 20-50 ปี ก็มีแนวโน้มให้สมองเสื่อมก่อนวัยหรือทำงานหนักเกินไปด้วยความวิตกกังวลตั้งแต่ 40 ปีเป็นต้นมา แล้วเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมต่อมาในช่วง 70 ปีเป็นต้นไป ลองมาศึกษาเตรียมรับมือกับปัญหาพฤติกรรมจิตใจจากอาการสมองเสื่อม หรือ BPSD, Behavioral Psychological Symptoms Dementia ดังตัวอย่าง
และมีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสมองเสื่อมหลายแห่งสนใจสอบถามนักกิจกรรมบำบัดถึงการเข้าหาให้อารมณ์ดี ผมเลยสรุปดังภาพข้างล่าง
สำหรับวัย 12-25 ปี นักกิจกรรมบำบัดจะประเมินด้วยการอธิบายเหตุผลของ “ความกังวลที่พอดี” ดังรูปข้างล่าง
จากนั้นนักกิจกรรมบำบัดเริ่มใช้ Color-Energy Healing คือ การผสมผสานหลักการ Energy Conservation เพื่อเพิ่มสมรรถนะทางใจ (Mental Fitness) รวมเป็นส่วนหนึ่งของกรอบอ้างอิง Cognitive Therapy ดังรูปข้างล่าง
ขอบพระคุณอาสาสมัครนักศึกษากิจกรรมบำบัดสองท่าน ขออนุญาตสรุปกระบวนการทางกิจกรรมบำบัดคลายกังวล ดังนี้
โดนสรุปคือ กระบวนการคลายกังวลด้วยการใช้สติแห่งตน (Therapeutic Use of Self-Conscious) เพื่อเพิ่ม Self-regulation ขณะแก้ปัญหาด้วยความเป็นจริงและอารมณ์เป็นอยู่ดี (Emotional Well-being) อย่างน้อยไม่เกิน 30 นาทีต่อเคส ดังรูป
หากกัลยาณมิตรคิดบวกทุกท่านต้องการรับฟังรับชมคลิปบรรยายและสาธิตแบบย่อ คลิกที่
ไม่มีความเห็น