๑๑๐ ยายกับตู้เอทีเอ็มและเงิน ๔๐๐ บาท


พอตั้งหลักได้และหายใจทั่วท้อง ผมก็มองหน้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด เป็นยายวัย ๗๐ ปี เห็นริ้วรอยบนใบหน้าและแมสเก่าๆของยาย แขนข้างขวาของยายคดงออย่างชัดเจน ยายไม่พูดอะไรเลย ส่งบัตรเอทีเอ็มให้ผมพร้อมบอกเลขหกตัว ตามด้วยจำนวนเงิน ๔๐๐ บาท ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

         บรรยากาศดูมืดมัวมาทั้งวัน ลมที่พัดอย่างอ้อยอิ่ง จึงทำให้อากาศร้อนอบอ้าว เหมือนจะเร่งให้ท้องฟ้ามืดดำเป็นกลุ่มก้อน ค่อยๆกระจัดกระจายเป็นเมฆฝนปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า แต่ว่า..ไม่มีเม็ดฝนตกลงมา เป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว

          ผมจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจ เป้าหมายของผมคือตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารที่มีคนใช้บริการมากที่สุด แต่มีเพียงตู้เดียว เมื่อแดดร่มจึงมีคนมายืนรอคิวเพื่อกดเงินอย่างต่อเนื่อง

          เมื่อต้องรักษาระยะห่าง ผมจึงไม่ลงจากรถ นั่งฟังเสียงรถสิบล้อและรถพ่วง คำรามลั่นสนั่นท้องถนน จนรถของผมสั่นไหว รถวิ่งผ่านตลาดสดไปด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียว เป็นเรื่องที่ชินหูชินตาของคนในอำเภอนี้

          ผมยังคงไม่เปิดประตูรถ สายตาจับจ้องไปที่ผู้คนที่รอกดเงิน ทุกคนใส่แมส รวมทั้งยายกับตาที่ไม่ได้ยืนอยู่ในแถว ตามีไม้เท้าอยู่ในมือยืนพิงเสาหน้าร้านกาแฟที่ปิดตัวชั่วคราว  ยายจับแขนตาเอาไว้ สายตาของยายสอดส่ายเหมือนมองหาคนที่ยายรู้จัก

          ยายจูงมือตาเดินขึ้นไปนั่งเก้าอี้ในร้าน จากนั้นยายก็เดินเข้าไปที่ตู้เอทีเอ็ม ที่มีเด็กสาววัยรุ่นกำลังกดเงินอยู่ ผมเห็นยายยื่นบัตรให้ ยายพูดอะไรผมไม่รู้ เห็นแต่มือของเด็กสาวยกขึ้นโบกไปมา

          ยายกลับมานั่งคู่กับตา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หน้าตู้กดเงินไม่มีคนรอเข้าคิวแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้เงินเสียที แต่ก็ต้องตั้งสติ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากมองที่กระจกข้างรถ ก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไป รถที่ยังวิ่งขวักไขว่ ทำให้ผมต้องระมัดระวัง จะรีบร้อนลนไม่ได้เลย

          พอข้ามถนนไปได้ก็รู้สึกโล่งอก ตกลงว่าผมกลัวทั้งรถบนถนนและกลัวผู้คนในช่วงสถานการณ์โควิด เหมือนชีวิตนี้ไม่มีอิสระ แต่ก็ยังรู้สึกดี ว่ายังมีความหวังอยู่บ้างเมื่อยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มหน้าสถานีตำรวจ...

          ผมกดรหัสถูกต้องเรียบร้อย เสียงตู้ดังแกรกๆ หลังจากผมกดจำนวนเงิน และรอเงินออกมาด้วยใจจดจ่อ ผมสะดุ้งสุดตัว หางตาสัมผัสกับคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ผมถอยไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะผมยังไม่ได้หยิบเงิน ที่กำลังเคลื่อนตัวออกมาจากตู้

          พอตั้งหลักได้และหายใจทั่วท้อง ผมก็มองหน้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด เป็นยายวัย ๗๐ ปี เห็นริ้วรอยบนใบหน้าและแมสเก่าๆของยาย แขนข้างขวาของยายคดงออย่างชัดเจน ยายไม่พูดอะไรเลย ส่งบัตรเอทีเอ็มให้ผมพร้อมบอกเลขหกตัว ตามด้วยจำนวนเงิน ๔๐๐ บาท ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

          ผมรีบกดเงินให้ยาย แต่ความรู้สึกเหมือนตู้เอทีเอ็มทำงานช้าเหลือเกิน ช้ากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ที่สุดแล้ว เงินก็ไม่ออก นอกจากข้อความที่บอกว่า..มีแต่แบ๊งค์พันเท่านั้น...

          ยายรับบัตรที่ผมยื่นคืนให้ ผมรีบบอกยายว่าตู้นี้ไม่มีแบ๊งค์ร้อยนะครับ แล้วผมก็เดินผละออกมาจากยาย ไม่สนใจและไม่ทันได้ถามความต้องการของยายแต่อย่างใด หมดเรื่องของผมแล้ว

          หน้าที่ของผมตอนนี้คือเดินข้ามถนน ไปขึ้นรถของผมที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมยืนนิ่งและมองซ้ายมองขวา ถนนยังไม่ว่างพอที่จะให้ผมเดินข้ามไป แต่ใจผมว่างพอที่จะคิดถึงยาย...

          “ยายกับตาจะไปยังไงต่อ เมื่อไม่ได้เงิน ๔๐๐ บาท ยายจะไปกดเงินที่ไหน ถ้าต้องซื้อกับข้าวและหยูกยายายจะมีเงินไหม แล้วลูกหลานต้องรออาหารมื้อเย็นจากยายหรือเปล่า...”

          ผมก้าวถอยหลัง ไม่คิดอะไรแล้ว หันไปทางยายกับตาที่กำลังเดินห่างออกไปทุกที...

          “ยาย ..รอผมด้วย” ผมวิ่งไปหายายกับตา ผมส่งเงินให้ยาย ๒๐๐ บาท ยายรับเงินไว้ด้วยสีหน้างุนงง “ยายเอาเงินนี่ไปใช้ก่อนนะครับ” ผมไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้และไม่อยากได้ยินว่ายายต้องพูดอะไรเหมือนกัน ต่างคนต่างรู้สถานการณ์....

          ผมเดินย้อนกลับมาเพื่อข้ามถนน ตาใช้ไม้เท้าก้าวยันกายเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า สายตามองหาร้านอาหารริมทาง ยายมองมาที่ฝั่งตรงข้ามเมื่อรถผมวิ่งผ่านไป ผมเห็นรอยยิ้มของยายที่เยือกเย็นเด่นชัด ขอบคุณครับยายที่ทำให้ผมได้คิด...ว่าชีวิตนี้ต้องแบ่งปันซึ่งกันและกัน.. ขอให้ยายมีความสุขก้าวพ้นทุกข์ภัยด้วยเถิด…..

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๕  สิงหาคม  ๒๕๖๔

หมายเลขบันทึก: 691975เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2021 21:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม 2021 21:59 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท