วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2549
วันนี้ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายไม่มีงานถ่ายวีดีโอและที่สำคัญเลยครับไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ว่างให้ผมได้ตัดต่องานพบหมอศิริราชเลยครับ เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นพี่พี่ที่หน่วยเค้าได้ใช้แปลงไฟล์โดยแปลงไฟล์จากแผ่นDVD เป็น VCD ครับ ก็อย่างที่ผมได้เคยบอกไปแล้วว่าถ้าแผ่นDVD นั้นมีความยาว 2 ชั่วโมง ก็เท่ากับว่าก็ใช้เวลาแปลงไฟล์ 2 ชั่วโมงครับ ทำให้ทั้งวันนี้ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่มีการบ้านงานหนึ่งที่ผมได้รับมอบหมายจากคุณที่ใช้นามแฝงว่าคุณJack โดยคุณ Jack นั้นจะเป็นคนที่ติดตามบันทึกของผมโดยตลอดครับ โดยคุณJack นั้นมีอาชีพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ครับ โดยเมื่อหลายวันก่อนคุณJack ได้ให้ผมอธิบายถึงโปรแกรม Windows Movie Maker ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ผมเคยใช้งานแล้วแต่ยังใช้งานไม่จริงจังก็เลยยังไม่กล้าตอบครับ แต่ตอนนี้ผมได้ไปศึกษาโปรแกรม Windows Movie Maker มาโดยละเอียดเหมือนกันครับ และคิดว่าน่าจะอธิบายคุณJack ให้เข้าใจได้ไม่ยากครับ ผมขอเริ่มเลยนะครับ ผมขออภัยก่อนเลยนะครับว่าผมขออธิบายตามความเข้าใจและภาษาของผมนะครับ และถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรเชิญแนะนำได้ครับผม
โปรแกรม Windows Movie Maker นั้นเป็นโปรแกนมที่ติดมากับWindow XP เลยครับเมื่อเราลงโปรแกรมWindow XP ก็จะมีโปรแกรมนี้ติดมาด้วย โดยเข้าไปที่ Start > Accessories > Windows Movie Maker โปรแกรมจะอยู่ในนี้ครับ ค่อยๆ หาครับคอมพิวเตอร์ที่ลงโปรแกรมWindow XP มีทุกเครื่องครับ
โปรแกรม Windows Movie Maker เป็นโปรแกรมที่เหมาะแก่การตัดต่อที่ไม่ซับซ้อนเป็นการตัดต่อแบบคลิปชนคลิป(หรืออาจจะเรียกว่าHome Video ก็ได้ครับ) ไว้สำหรับดูเล่นๆ ในครอบครัว หรือไว้นำเสนองานประเภทสไลด์โชว์ครับ คำสั่งแต่ละคำสั่งในโปรแกรมนี้นั้นถ้าคนเคยตัดต่อหรือผ่านโปรแกรมAdobe Premiere มาก่อนนั้นจะสามารถเข้าใจได้ทันทีเลยครับ การตัดต่อแบบคลิปต่อคลิปนั้นจะใช้แค่ฟเฟคVideo Transitions สำเร็จรูปที่มีมากับโปรแกรม เป็นตัวเชื่อมให้ภาพระหว่างคลิปแรกเปลี่ยนไปเป็นคลิปที่2 มีความต่อเนื่องกันครับ
ผมขออธิบายคำศัพท์ที่จำเป็นก่อนนะครับ
1.Capture Video คือการนำภาพจากกล้องวีดีโอมาลงคอมพิวเตอร์ครับ
2.Import คือการนำไฟล์ที่เราต้องการที่จะตัดต่อทั้งไฟล์ภาพเคลื่อนไหวภาพนิ่ง หรือว่าไฟล์เสียงต่างๆ มาไว้ในProject หรือตัวงานที่เราจะตัดต่อครับ
3.Video Effects คือเอฟเฟคที่ทำให้ภาพมีลูกเล่นเช่น อาจจะทำให้ภาพนั้นเป็นสีขาวดำ หรืออาจจะทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพเก่า เป็นต้นครับ Video Effects วิธีใช้นั้นคือจะสามารถลากเอฟเฟคนั้นมาใส่ในภาพเลยครับ
4.Video Transitions คือเอฟเฟคที่ใช้วางระหว่างคลิปต่อคลิปเพื่อให้ภาพนั้นดูต่อเนื่อกันครับเช่นเวลาเปลี่ยนคลิปนั้นภาพแรกจะแตกออกแล้วก็กลายเป็นภาพที่2 เป็นต้นครับ
5.Finish Movie หรือ ถ้าเป็นโปรแกรมAdobe Premiere จะใช้คำว่า Export Movie คือเมื่อเราตัดต่องานจบหมดทุกอย่างแล้วเราต้องการรวบเป็นไฟล์เดียว เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เปิดกับอะไรเช่นเปิดในPocket PC แต่ว่าความละเอียดก็จะแค่ 208X160 pixels จะเป็นไฟล์นามสกุล Windows Media Video ( WMV) แต่ถ้าต้องการให้ภาพมีความชัดหน่อยก็เลือกHigh quality video (large) ความละเอียดนั้นจะเพิ่มเป็น 640X480 ก็เพียงพอครับ ถ้าคนไม่สังเกตุนั้นก็จะไม่ดูครับหลายคนมักจะกด Next อย่างเดียวโดยไม่อ่านรายละเอียดครับ
ศัพท์ที่สำคัญๆ ก็มีเท่านี้ครับ
Timeline ในโปรแกรม Windows Movie Maker นั้นจะแบ่งเป็น
1.Timeline Video (สำหรับวางไฟล์ภาพนิ่งหรือไฟล์ภาพเคลื่อนไหว เช่น AVI , JPEG เป็นต้น)
2.Timeline Audio/Music (สำหรับวางเพลงหรือไฟล์เสียงต่างๆ เช่น MP3 , WMA เป็นต้น)
3.Timeline Title Overlay ไว้สำหรับให้เราวางไตเติ้ลครับโดยไตเติ้ลนั้นจะเป็นไตเติ้ลสำเร็จรูปให้เราเลือกใช้ครับ ผมขอบอกเลยว่าสุดยอดครับ นี่เป็นจุดเด่นของโปรแกรม Windows Movie Maker เลยก็ว่าได้ครับ ใช้งานง่ายมากแค่เราพิมพ์ข้อความที่เราต้องการลงไปและเลือกรูปแบบการนำเสนอว่าต้องการไตเติ้ลแบบไหนเท่านั้นเองครับ และที่สำคัญเลยครับโปรแกรม Windows Movie Maker นั้นสามารถใช้Font หรือว่าตัวอักษรรูปแบบต่างๆ ได้ทุกรูปแบบเลยครับถือว่าSupport ดีมากเลยครับ
นี่เป็นความรู้และประสบการณ์ที่ผมได้ศึกษามาเพื่อที่จะแบ่งปันความรู้ให้กับหลายๆ คนได้รับทราบครับเกี่ยวกับโปรแกรม Windows Movie Maker และในวันพรุ่งนี้ผมจะนำจุดเด่นและจุดด้อย ของโปรแกรมนี้มาเล่าให้ฟังครับ ช่วยติดตามและช่วยComment ผมหน่อยนะครับโปรแกรม Windows Movie Maker มีอะไรที่พวกคุณหลายๆ รมทั้งผมด้วยยังไม่รู้อีกมากครับ ผมจะนำสิ่งที่ผมและคุณไม่รู้มาทำให้รู้ครับ
จิรอาจ สมิงชัย