ความว่างเปล่า ที่ว่างจริง ๆ


สุญญตา คือ ว่างเปล่า

      แลกเปลี่ยนกันว่าตกลงที่ว่าความว่างเปล่า ที่ว่างจริง ๆ คืออะไร หาก...

ที่ว่า ว่างเปล่า ไม่ใช่ไม่มีอยู่
ที่ว่า ว่างเปล่าจากอัตตา
ก็คือ ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน
อัตตาจึงไม่น่าจะหมายถึง ตัว หรือ กาย
แต่น่าจะหมายถึง ความรู้สึกเป็นตัวเป็นตน

ที่ว่า รู้สึกเป็นตัวเป็นตน คือ รู้สึกว่า มีเราอยู่จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มี
รู้สึกว่า เราเป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็น
รู้สึกว่า เราบังคับบัญชาอะไร ๆ ได้พอสมควรเลย ซึ่งไม่จริง
เหล่านี้ คือ ความเป็นตัวเป็นตน

พระท่านเทศนาไว้ว่า

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

นำสู่

อนิมิตนิพพาน
อัปณิหิตนิพพาน
และ
สุญญตนิพพาน

ซึ่ง
สุญญตา คือ ว่างเปล่า

 

หมายเลขบันทึก: 69144เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2006 20:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 20:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

"ว่าง" น่าจะเป็น ภวะ ที่เรียนรู้ได้ดีที่สุด...

ผมพยายามจะเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ได้แบบนั้นครับ...

จะพยายาม...

ตามธรรมดาก็เจริญพรเสมอเมื่อเสนอความคิดเห็น ถ้าเจ้าของเรื่องเป็นฆราวาสหรือชาวบ้าน แต่คุณspace ไม่ได้ระบุสถานะโดยอ้างความว่างเปล่า ฉะนั้น จึงไม่ขอเจริญพร

ตามความเห็นข้างบนบอกให้รู้ว่า ผู้เขียนยังมีตัวตน ยังมิได้ว่างเปล่า ยังยึดถืออยู่ในสมมติ นั่นคือ การสมมติว่า ถ้าพระพูดกะโยมก็ใช้ "เจริญพร" ..ดังนี้เป็นต้น

อัตตา ซึ่งเราแปลกันว่า ตัวตน ความหมายตามพื้นฐานเดิมเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อนเป็นอย่างไร ไม่มีใครเกิดทัน ผู้ที่อ้างตัวว่า "ผู้รู้" ก็เป็นเพียงการคาดหมาย เก็งความจริง หรือเดาเอาเท่านั้น ...เพราะไม่มีใครเกิดทัน

แต่ คำว่า "อัตตา" นี้ มีความหมายอย่างหนึ่งตามแนวคิด ความเห็น มุมมอง หรือ...ของพระพุทธศาสนาแบบไทยๆ ซึ่งคนไทยทั่วๆ ไปก็จะมีกรอบความคิดในเรื่องนี้ที่เป็นไปตามทำนองเดียวกัน..

อันที่จริง คำว่า space นั้น ใช่ว่าจะว่างเปล่าจริงๆ คำนี้ ถ้าหมายถึงเนื้อที่ก็จะประกอบด้วย ๓ มิติ คือ กว้างสูงและยาว นั่นประการหนึ่งที่บ่งบอกว่า ไม่ว่าง

space ถ้าหมายถึง อวกาศ ก็น่าจะมิใช่ว่าจะว่างจริงๆ เนื่องจากเคยอ่านความเห็นทางวิทยาศาสตร์มาบ้าง เค้าโม้ว่า ใน space ที่แปลว่า อวกาศ นี้ จะมี วัตถุระดับเล็กสุดๆ ที่เรียกว่า อะตอม ล่องลอยกระจายอยู่ทั่วไป ประมาณ 5 อะตอมต่อเท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว อะตอมนี้มีลักษณะเป็น อิออน คือ อนุภาคขนาดเล็กที่เรียกว่า อิเล็กตรอน กระโดดจากอะตอมหนึ่งไปสู่อะตอมหนึ่งตลอดเวลา..ประมาณนั้น นั่นประการต่อมาที่บ่งบอกว่า ไม่ว่าง

เอาอีกสักประการก็แล้วกัน คำว่า space ซึ่งใช้เป็นชื่อเฉพาะนี้ ก็ ไม่ว่าง เช่นเดียวกัน เพราะสิ่งที่เจ้าของชื่อแสดงออกมา เช่น ความคิดเห็น เป็นต้น จะมาจากสิ่งต่างๆ หลากหลายที่ก่อตัวเกิดขึ้นเป็นเจ้าของชื่อว่า space ....

เหนื่อยแหละ 5 5 5

 

 

ว่าง....เปล่า....ตกลงว่างหรือปล่าวนะ....

 คนมีภาระ(บางทีก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง...แต่ไม่อยากร่วมสังฆกรรมด้วย)ก็จะบอกว่าไม่ว่าง...

คนที่บอกว่าไม่ว่าง...บางทีกลับว่าง...

คนที่บอกว่าว่าง...จริง ๆ แล้วไม่ว่าง...

หากพิจารณาอย่างละเอียด...จนถึงละเอียดอย่างยิ่ง...สู่ละเอียดหมดจด...ไม่ว่าคำใดก็เป็นเส้นทางสู่นิพพานได้ทั้งสิ้น...

ไม่เห็นแก่ตัว(Keyword...ของท่านพุทธทาส)ก็เป็นอีกคำหนึ่ง

สิ้นสงสัย...ก็เป็นอีกคำหนึ่ง

แท้จริงแล้วคำเหล่านี้เป็นเพียงสื่อเส้นทางสู่เป้าหมายหลัก...คือนิพพาน

จะว่างจนถึงที่สุด...

ไม่เห็นแก่ตัวจนถึงที่สุด...

สิ้นสงสัยจนถึงที่สุด...

คำเหล่านี้ล้วนอยู่ในความเชื่อและจินตนาการ...

ไม่ปฏิบัติ...ไม่มีทางรู้แจ้ง

เมื่อรู้แจ้ง...ก็รู้ได้เฉพาะตน...

อมิตตพุทธ....

คุณจตุพรแล้ว ภวะ นี่คล้าย ๆ กับ ภาวะ ไหม ดีใจที่มีคนมาติดกับความว่างเปล่าด้วย

สาธุ พระคุณเจ้า พระมหาชัยวุธ น่าคิดตามมาก space มีตั้ง 5 ตัวอักษร แต่ละตัวอักษรก็มีนัยยะของตัวมันเอง มารวมกันก็มีความหมายใหม่ ความหมายแต่ละนัยยะที่ว่าล้วนสมมติขึ้นใช่ไหมครับ

ท่านนายขำ นี่ไหมที่พระพุทธองค์ทรงบอกว่า ที่เหมือนพระองค์ท่านนั้นมีมาก่อน คือเมื่อรู้แจ้งก็นิพพานไปไม่ได้สอนสั่งใครอย่างที่พระองค์ทรงปฏิบัติ

ที่พระองค์สั่งสอนก็ไม่ได้บังคับให้ใครบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร(ให้ต้องมาสังคายนากันตามยุคสมัย)...

เพียงพระองค์ท่านโชคดีที่มีพระอานนท์เป็นพหูสูต... ทำให้เราได้เชื่อว่ามีท่าน เกิดขึ้น คงอยู่ แล้วก็ดับไป...

ไม่เช่นนั้นก็....ว่างเปล่า....555

 

ผมระลึกถึงเรื่องที่เคยปุจฉาวิสัชชนากับพระธุดงค์ท่านนึง(อายุเพียง 27 ปี บวชได้แค่ 7 พรรษา...ส่วนผมเกิดปีเดียวกับพระอาจารย์ชัยวุธ...อิอิ)...ท่านวิสัชชนากับคำปรารภของผมว่า...พุทธศาสนาจักเสื่อมหรือสิ้นไปตามพุทธทำนายหรือไม่....

 

ท่านว่า....พุทธศาสนาจะไม่มีวันเสื่อมสิ้นไปได้หรอก...ตราบที่มนุษย์ยังเสพกิเลสตัณหา...และมีทุกข์เป็นญาติสนิทชั่วกาลนาน....

พออนุมานได้ว่า....คู่แท้...

มีหยิน...ก็ต้องมีหยาง...

มีทุกข์...ก็ต้องมีไม่ทุกข์....

มี่ความไม่ว่าง...ก็ต้องมีความว่าง...

ฉะนี้แล...

นายขำ ข้าน้อยคือนามความว่าง ที่ไม่รู้ว่าว่างเป็นยังไงงง! ดูเหมือนเงื่อนไขของความไม่เสื่อมสิ้นของพระพุทธศาสนา เป็นเพราะมนุษย์ยังเสพกิเลสตัณหา และมีทุกข์เป็นญาติสนิท อืมมมม งง ไม่งงดีก่านะ มีความว่างก็ต้องไม่มี ความไม่ว่างสิ ทีนี้ละงงไหม

มาให้งงเล่นไม่คิดมากกันนะ

555...555...เข้าใจเล่น...

 

ที่จริงก็เกรงใจอยู่ว่าจะเป็นการแสดงความเข้าใจแก่โสดาบัน...สอนจรเข้ว่ายน้ำปานฉะนั้น...

 

แต่เมื่อเห็นว่าเป็นการแลกเปลี่ยนแบบสนทนาธรรม(เพื่อให้เกิดหมู่สงฆ์(มิได้หมายถึงพระ)...) ก็ควรอยู่ที่จะใชวิธีแบบวิภาษวิธีหรือDialog แลกเปลี่ยนความเห็นกัน...

 

ท่านว่างครับ... ก่อนที่ท่านจะรู้ว่าว่างนั้น...ท่านรู้(เขื่อ)ว่ามีตัวตน(คน สัตว์ สิ่งของ...ที่เราเรียนมาตั้งแต่สมัยอนุบาล)อยู่จริง...พิสูจน์จับต้องได้(ตามความเห็นของปุถุชนบนโลกใบนี้...อิอิ)

ฉะนั้น...ถ้าท่านจะรู้จักความว่างได้ท่านต้องรู้จักไม่ว่างก่อน(ชวนให้หาข้อแย้งน่ะท่าน)... หลังจากที่ท่านรู้(แจ้ง)แล้วว่าไม่ว่างนั้นเป็นของชวนให้ทุกข์...ท่านก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกาะเกี่ยวยึดเหนี่ยวเอาไว้ล้วนเป็นภาระ(กิจ) ไม่ได้ช่วยให้ท่านคลายทุกข์ได้... เมื่อเหนื่อยหน่ายกับทุกข์... เพราะท่านเห็นทุกข์นั้นแล้ว... ท่านก็อยากปลดทุกข์(มิใช่เข้าส้วมเช่นทางโลกนะท่าน...555) ... เมื่อท่านลองปลดเปลื้องลงได้จริง...ท่านก็เริ่มเห็นว่า...ความว่างจากภาระ(กิจ)ที่เหนี่ยวรั้งท่านไว้เริ่มส่งผลถึงความรู้สึกว่าทุขก์น้อยลง...

 ท่านจึงอยู่ในภาวะ...อยากว่าง(ประมาณว่าเป็นภาวะที่อยู่ในระดับสูงกว่าผมซัก 3 ขั้น...อิอิ)

 

ส่วนภาวะว่างจริง ๆ นั้น...ต้องให้คนที่อยู่ในสภาวะธรรมขั้นสูงกว่าผมหรือท่าน...มาร่วมแลกเปลี่ยนกับเรา...

 

ผมยกตัวอย่างเช่นพระอาจารย์ชัยวุธ(กล่าวอ้างถึงเพื่อเป็นการดึงท่านลงมาสนทนากับเรา...อิอิ)

ท่านว่างประมาณว่า...แม้แต่คำว่าพระ...ก็ไม่อาจเป็นกำแพงสกัดกั้นการเข้าไปดูDurty jokeของผมได้...555.....เพราะท่านได้เลือกสรรแล้วว่า...เห็นทุกข์เป็นธรรมดาของทุกข์...เห็นกิเลสตัณหาราคะ...เป็นธรรมดาของกิเลสตัณหาราคะ... (ผัสสะทางตาไม่อาจส่งผลสะเทือนถึงอุปปทาน...เรียกว่าฆ่าตัดตอนได้...555)

ความว่างกับความไม่ว่างอาจเปรียบเทียบได้ตามแผนภูมินี้ครับ(อันนี้ผมแสดงเอง...มิได้อ้างจากไหน...และเชิญร่วมวิจารณ์ด้วย...อิอิ)

สำหรับปุถุชนกราฟจะออกมารูปนี้..... 

แรกเกิด   5

1 ขวบ     55

5 ขวบ     55555

10 ปี       555555555

20 ปี       55555555555555

30 ปี       5555555555555555555

40 ปี       55555555555555555555555 

50 ปี       55555555555555555555555555

60 ปี       555555555555555555555555555

ส่วนท่านความว่าง...น่าจะเป็นแบบนี้...

แรกเกิด   5

1 ขวบ     55

5 ขวบ     55555 

10 ปี       555555555

20 ปี       5555555555555

30 ปี       5555555555555

40 ปี       555555555

50 ปี       55555

60 ปี       55

70 ปี       5 

เหตุที่แตกต่างเช่นนี้...เพราะท่านเห็นทุกข์ในช่วงอายุ 20 ปี น่ะท่าน...อิอิ

 

เจริญพร ผู้ที่ว่างและผู้ที่ไม่ว่าง

อันที่จริง คิดว่าไม่อยากจะข้องแวะแล้ว แต่คุณโยมขำพาดพิงหลายครั้งแล้ว จึงขอใช้สิทธิข้องแวะอีกครั้งในฐานะที่ถูกพาดพิง 5 5 5

เรื่อง สุญญตา ที่เราแปลกันว่า ความว่าง นี้ ภายหลังได้พัฒนามาเป็นพุทธปรัชญาสำนักหนึ่ง เรียกกันว่า สำนักสุญญตาวาท บ้าง สำนักมาธยามิกวาท มั้ง เจ้าลัทธินี้คือ ท่านนาคารชุน อีกท่านซึ่งต่อมาก็มีชื่อเสียงปรากฎคือ ท่านอารยเทพ ครับ

ท่านนาคารชุน นี้ เค้ายกย่องกันว่า พระพุทธเจ้ารูปที่สอง ประมาณนั้น ว่ากันว่า ยกเว้นพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกในสมัยพุทธกาลแล้ว ผู้ที่ฉลาดที่สุดก็น่าจะเป็นท่านนาครชุนผู้ลือชารูปนี้แหละครับ

ตอนบวชใหม่ๆ อ่านหนังสือของท่านพุทธทาส ฝรั่งยกย่องว่า ท่านพุทธทาสเป็นนาครชุนแห่งเถรวาท หรือนาครชุนแห่งประเทศไทย ..ประมาณนี้ ก็เลยกำหนดจำชื่อนี้ตั้งแต่นั้นมา...(เค้าว่า บวชนานนิทานมาก 5 5 5)

ประเด็นที่ท่านนาครชุนเด่นสุดก็คือ การอธิบายว่า นิพพานเป็นสุญญตา ซึ่งมี ๔ ประการด้วยกัน คือ

๑. นิพพานเป็นสิ่งมีอยู่เป็นอยู่จริง ? มิใช่

๒. นิพพานมิใช่เป็นสิ่งมีอยู่เป็นอยู่จริง ? มิใช่

๓. นิพพานเป็นสิ่งมีอยู่จริงก็ได้ มิใช่เป็นสิ่งมีอยู่เป็นอยู่จริงก็ได้ ? มิใช่

๔. นิพพานเป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่จริงก็มิใช่ มิใช่สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่จริงก็มิใช่ ? มิใช่

สรุปว่า นิพพานเป็นสุญญตา คือ ว่าง 5 5 5

พอก่อนนะครับ 5 5 5

เจริญพร

 

อิอิ...ชัดเจนแจ่มแจ้งดีแล้ว...พระคุณเจ้า...

แต่ที่เราคุยกันนี้...ถือเป็นเบื้องต้น...(ผมเทียบเคียงเป็นปริยัติ)

 หาใช่ท่ามกลาง....(ผมเทียบเคียงว่าเป็นปฏิบัติ)

จึงยังห่างไกลบั้นปลาย....(ผมเทียบเคียงว่าเป็นปฏิเวธ)อีกมากนัก

 

(ยกเว้นพระอาจารย์ชัยวุธท่านน่าจะอยู่ระดับบั้นปลายแล้วละ...เพราะท่านเลยขั้นปฏิบัติมากว่า 20 พรรษาแล้วอ่ะครับ... ยังไงก็ขอให้ช่วยแก้ภาษาบาลีทุกคำที่ผมเขียนผิดด้วยนะครับ...อิอิ)

ขอบคุณนายขำที่มาทำให้ความว่างกระจ่างใจ
ขอบคุณพระมหาชัยวุธ ที่ช่วยล้อมก่อนหลุดลอยหาย
ชอบกราฟของท่านนายขำมาก
อยากสรุปแต่ใช่จะถูกผิดเพราะว่างๆ ว่างชอบกลางๆ "ว่าง"ด้วยเพราะเห็นทุกอย่างเป็นไปโดยธรรม เมื่อจะวกกลับมากใหม่ก็มาโดยธรรม

55555......

ท่านว่าง....เคยได้ยินอย่างนี้มั้ยครับ

 

ว่างในว่าง....

ว่างจนกระทั่งไม่มีที่ว่าง....

ว่างจนหมดจด...ไม่หลงเหลือความว่างใด ๆ อีก

 

พอดีผมว่างเป็นช่วง ๆ ... และช่วงนี้แหละครับที่ว่าง... 555

เข้าใจความมีที่ไม่สมบูรณ์ ความมีทีสมบูรณ์

เข้าใจความไม่มีที่ไม่สมบูรณ์ ความไม่ที่สมบูรณ์

เข้าใจความว่างปล่าวที่ไม่สมบูรณ์ เข้าใจความว่างปล่าวที่สมบูรณ์

เลิกคิดสะ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มันอยู่ตรงหน้านี่หละไม่ต้องไปค้นหาที่ไหน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท