กล้องถ่ายรูปมันพัง


ถ้าผมมีกล้องไว้แบก แต่ไม่ได้มีกล้องไว้ถ่ายรูป ผมจะถ่ายรูปสวยได้อย่างไร .......
            กล้องถ่ายรูปสุดรักของผม สักวันต้องมีวันที่มันต้องจากผมไป ถึงผมจะรักมันแค่ไหน แต่มันก็ต้องมีวันที่จะพัง มีวันที่จะเสียหาย  รึไม่ผมก็ต้องตายจากมันไปเสียก่อน
ผมมาคิดดู ยังไงๆ มันก็ไม่มีทางที่จะอยู่กับผมไปตลอด แล้วคิดดูซิ ท่ามันเกิดมาเป็นอะไรเอาตอนนี้ ผมคงเสียใจแย่ ...........
          
          
         ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดวันนั้มาถึงแล้วจริงๆ ผมจะทำอย่างไร  อ่ะ อย่างนี้การที่เรารักของรักของเรานีก็เป็นทุกข์ดีจริงๆ ทุกข์จากความยึดมั่นถือมันนี่มันเป็นทุกข์ ถ้ากล้องตัวนั้นไม่ใช่ของเราเราก็ไม่ทุกข์เหรอ จริงไหมครับ 
            แต่ทำไงได้ล่ะครับในเมื่อ ผมยังมีชีวิตอย่ในโลกแบบนี้ ก็ต้องหาธีปฏิบัติกันไปแหละครับ .......  
จริงๆแล้ว กล้องถ่ายรูปนี้มันก็ไม่ได้เป็นของผมนะ แต่ เพราะผม ก็ต้องตาย กล้องมันก็ต้องสลาย เพราะฉะนั้นเราเจอกันชั่วคราว    ......
กล้องตัวนี้ ไม่ได้มีอยู่จริง สักวันมันก็ต้องเปลี่ยนรูปไป..........
            ความจริงแล้ว ถ้าผมมองเห็นโลก อย่างที่ควรจะเป็น กล้องตัวนี้ไม่ได้มีอยู่จริง และกล้องตัวนี้ได้พังไปนานแล้ว 
  ปรับใจให้เห็นในความเป็นจริงครับ ยังไงมันก็ต้องจากเราไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง ......   จะเรียกว่าผมปรับใจให้เห็นมันในทางที่ถูก ว่ามันพังไปแล้ว (พังในใจผมนะครับ)
ถ้าวันไหนมันพังไปจริงๆ ผมจะได้เสียใจมาก  
  เหมือนครูบาอาจารย์ผมเคยพูดไว้ว่า แก้วมันแตกไปแล้ว  แตกในใจนะ ถ้าวันไหนมันแตกขึ้นมาจริงๆจะได้ไม่เสียใจ จะได้ไม่โกรษคนที่ทำแตก........
ผมก็มาคิดได้ว่า เอ๋ แล้วอย่างนี้ ผมควรจะปฏิบัติกับกล้องของผมอย่างไรดีล่ะครับ   
     กล้องมันมีหน้าที่อะไรครับ   มีไว้ถ่ายรูปไง   ไม่ได้มียึดว่าเราเป็นเจ้าของมัน...........  
ถ้ารู้ว่ามันมีไว้ถ่ายรูป ก็ใช้มันให้ถูกซิ ถ่ายออกมาให้สวย รักษามันให้มันมีอายุในการถ่ายให้นานๆ  แต่ถ้าวันไหนมันพังไป ก็ไม่เสียใจ เพราะ ไม่ได้ยึดถือไว้  
     อ๋อ คนเรามันทุกกันอยู่ทุกวันนี้ เพราะ มันไม่ได้มีข้วของไว้ใช้กันนี่ มันมีไว้แบกกันจริงๆ
ถ้าผมมีกล้องไว้แบก แต่ไม่ได้มีกล้องไว้ถ่ายรูป ผมจะถ่ายรูปสวยได้อย่างไร  .......
เพราะ เอาจิตไปยึด  แต่ไม่รู้วิธีเอาจิตไปใช้  การใช้สิ่งของในทางโลกๆ จึงให้ผมได้ไม่เต็มร้อย  เพราะรู้จักใช้ 40 แบกไว้อีก 60 
ถ้าวันนี้เปลี่ยนใหม่ รู้จักใช้สัก90 แบกไว้ แค่ 10 พอ  หรือวันหน้าก็ไม่ต้องแบกเลย  มันจะดีไหม
      มันก็เหมือนทำงานด้วยจิตว่าง นั่นเหละ  ทำงานด้วยความว่าง คือ ทำงานโดยมีแต่งาน 100 เปอร์เซ็น ไม่เอาตัวตนเข้ามาเกี่ยว
เมือ่ไม่มีตัวตน ก็ตั้งใจทำงาน งานก็ออกมาดี  แต่เมื่อไหร่มีตัวตน ก็ คิดถึงแต่ตัวเอง มีแต่อารมณ์ งานที่ไหนจะดี
     ความจริง กล้องผมมันพังไปนานแล้วครับ อ่ะหรือว่ากล้องของผมมันไม่มีเลยก็ว่าได้  .....  
ทำอะไรด้วยจิตที่เห็นถุก  งานก็ดี ก็สวย ไม่ทุกข์อีกต่างหาก   ...... 
คำสำคัญ (Tags): #ศึกษาศาสตร์
หมายเลขบันทึก: 69130เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2006 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท