ก้าวกระโดดใหญ่ ของระบบวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา
ระบบการศึกษาไทยเดินผิดทางในเรื่องวิทยฐานะและตำแหน่งครูมานาน นานแค่ไหนผมไม่มีความรู้ แต่เชื่อว่ายาวนานพอที่จะสร้างความเสียหายให้แก่คุณภาพการศึกษาไทยอย่างรุนแรง โดยมีหลักฐานที่ผลการทดสอบ PISA
ความผิดพลาดที่ร้ายแรงยิ่งของระบบที่ใช้ในปัจจุบันคือ ระบบผลประโยชน์ของครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่เชื่อมโยงกับคุณภาพของผลงานจริงๆ คือผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ให้วิทยฐานะจากผลงานหลอกๆ เป็นบาปต่อศักดิ์ศรีความเป็นครู ทำให้ผู้คนไม่เชื่อถือครู
สิ่งที่ผมอยากเห็น คือการวิจัยระบบการศึกษา เรื่องนโยบายและมาตรการด้านตำแหน่งและวิทยฐานะครูในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา ว่ามันก่อผลอย่างไร มันให้ความรู้อะไรแก่เรา
สิ่งที่สร้างความสุขแก่ผมคือ ประกาศ กคศ. “ประกาศหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษา ๔ สายงาน” (๑) ซึ่งจะใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
กลักเกณฑ์ ตำแหน่งครู (๒)
หลักเกณฑ์ ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา (๓)
หลักเกณฑ์ ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ (๔)
หลักเกณฑ์ ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา (๕)
ประกาศนี้เป็นการเปลี่ยนยุคระบบวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา จากยุคมิจฉาทิฏฐิ สู่ยุคสัมมาทิฏฐิ
ท่านเลขาธิการ กคศ. ชี้แจงเรื่องนี้ที่
ผมอ่านรายละเอียดจริงๆ เฉพาะตำแหน่งครู ตำแหน่งอื่นอ่านผ่านๆ อ่านแล้วเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อหลักการในประกาศ แต่เดาว่าตอนดำเนินการน่าจะมีข้อท้าทายมากมาย จึงขอเสนอว่า กคศ. น่าจะจัดทีมติดตามประเมินผลการดำเนินการตามประกาศ ใช้หลักการ DE (Developmental Evaluation) (๖) เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำมาเป็น feedback สู่ Double-loop learning ในเรื่องการพัฒนาระบบวิทยฐานะครูและบุคลากรการศึกษาที่จะทำให้ระบบวิทยฐานะส่งผลยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างแท้จริง
แต่เมื่ออ่านประกาศนี้แล้ว ผมเกิดความเห็นอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบการบริหารการศึกษาของไทยในภาพรวมเป็ระบบที่ล้าหลัง คือรวมศูนย์เกินไป หากไม่แก้ไข ไม่มีทางยกระดับคุณภาพการศึกษาได้อย่างแท้จริง
ที่จริง จะวิพากษ์เฉพาะระบบการศึกษาก็ไม่ถูก ระบบการปกครองบ้านเมืองของเราในภาพรวมก็ล้าหลังยิ่ง มีการรวมศูนย์เกินไป ทำให้พัฒนายาก และมีปัจจัยเสื่อมเสียอีกหลายอย่างตามมา ที่ไม่เป็นระบบที่ซื่อสัตย์สุจริตทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองอย่างแท้จริง อำนาจรวมศูนย์นี้รุนแรงขึ้นหลังทหารเข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมืองตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ เป็นต้นมา
วิจารณ์ พานิช
๒๒ พ.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น