เมื่อคนนับถือศาสนาต่างกันทำสงครามกันเกินกว่า 200 ปี ทำให้ชาวโลกรู้จักศาสนาเลือดชื่อสงครามครูเสดเป็นการรบกันระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิมหรือชาวตะวันออกกลางกับชาวตะวันตก
คำว่าครูเสดคือการยกไม้กางเขนขึ้นสื่อว่าชาวคริสต์ต่อต้านคนนอกศาสนาตามแต่บิชอบ ( Bishop ) แห่งโรมจะสั่งการ ต้นเหตุสงครามคือชาวคริสต์ต้องการยึดครองกรุงเยรูซาเลมที่ชาวมุสลิมปกครองอยู่ ดินแดนนั้นปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล
จุดแตกหักเกิดจากจดหมายน้อยของจักรพรรดิแห่งไบแซนไทน์ส่งไปขอความช่วยเหลือจากพระสันตะปาปาแห่งโรมด้วยว่าพวกมุสลิมเติร์กรุกรานล้อมกรุงคอนสแตนติโนเบิลไว้และกำลังทำลายศาสนาคริสต์ในแถบนี้
ผลการประชุมที่โรมได้ประกาศเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ ( Holy War )
นักวิชาการศาสนามองว่า ศาสนายิว คริสต์และอิสลาม มาจากรากเหง้าเดียวกันเพราะลำดับศาสดาเหมือนกันต่างกันแค่รายละเอียด คริสต์คือศาสนาเปลี่ยนแปลงโลกปัจจุบัน มี 3 นิกายใหญ่ ๆ คือ
1.โรมันคาทอลิก
2.ออร์ธอดอกซ์
3.โปรเตสแตนต์
ทุกนิกายใช้ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์และคำว่า Christ เป็นภาษาโรมันมาจากกรีกที่เอามาจากเมสิอาห์ในภาษาฮิบรูแปลว่าพระผู้ช่วยให้รอดนับปีตามปีเกิดพระเยซูปัจจุบันคือ ค.ศ. 2021
ศาสนาคริสต์นับถือพระเจ้าองค์เดียวกับยิวคือพระยะโฮวาห์ และเซนต์ปอลเป็นผู้ตั้งศาสนาคริสต์มีศาสดาชื่อพระเยซู เกิดในชนชาติยิว มารดาชื่อมาเรียเธอไปอาศัยวัดยิวอยู่ด้วยพ่อแม่ตายจาก ก่อนแต่งงานกับโยเซฟนั้นเธอตั้งครรภ์แล้วและเด็กน้อยนั้นชื่อเยซู
ช่วงอยู่เมืองนาซาเรธจักรพรรดิแห่งโรมให้ทุกคนไปลงทะเบียนที่บ้านเกิด โยเซฟจึงพาภรรยากลับไปเมืองเบธเลเฮมและนางคลอดบุตรที่นั้น ได้ยินว่าฝ่ายเจ้าเมืองจะฆ่าเด็กที่เกิดใหม่โยเซฟจึงพาครอบครัวหนีไปอยู่อียิปต์และกลับมาอยู่นาซาเรธอีกครั้ง
เมื่อเยซูอายุได้ 30 ปี ขอฝากตัวเป็นศิษย์นักบุญยอห์นและได้ทำพิธีบัพติสที่แม่น้ำจอร์แดน ต่อมานักบุญยอห์นถูกจับด้วยข้อหาว่าสอนนอกศาสนายิว พระเยซูจึงหลบหนีไปอยู่เมืองคาเปอร์นัมเริ่มสอนผู้ศรัทธาเรียกว่าเทศนาบนภูเขา คุณลักษณ์พระเยซูคือรักษาโรคได้ มีพลังจิตสูง เดินสอนไปตามริมแม่น้ำจอร์แดน คนยากจนเข้าใจคำสอนได้ง่ายเป็นคำสอนแย้งกับศาสนาเดิมเช่นโมเสสสอน บัญญัติ 10 ประการ มีหยุดวันสบาโตแต่พระเยซูสอนไม่มีวันหยุด การสอนธรรมได้สาวก 12 คน ต่อมาพระยิวหาว่าพระเยซูรวมพลก่อกบฎโรม ยุให้ทหารจับไปประหารชีวิตและคำกล่าวสุดท้ายของพระเยซูคือ ขอพระบิดาได้โปรดประทานอภัยให้แก่คนที่ทำร้ายครั้งนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาได้ทำอะไรไป
ต่อมานักบุณเปโตร ( Saint Peter )รับช่วงต่อมีตำแหน่งเท่ากับพระสันตะปาปา ท่านเลือกโรมเป็นศูนย์กลางศาสนาจนถูกโรมประหารชีวิต มีนักบุญเปาโล /ชอล/ปอล ออกไปสอนศาสนาต่างประเทศ 15 ปี ได้สร้างโบสถแห่งแรกที่เมืองอันติโอโคสในกรีช เหตุการณ์ปี ค.ศ. 391 คริสต์ได้รับให้เป็นศาสนาประจำชาติโรมต่อมาได้แยกเป็นโรมตะวันตกมีศูนย์กลางอยู่วาติกันและโรมตะวันออกมีศูนย์กลางอยู่คอนสแตนติโนเบิลเรียกไบแซนไทน์ ต่อมาเกิดเป็น 3 นิกายคือ
1.นิกายโรมันคาธอลิก อยู่โรมใช้ภาษาลาติน
2.นิกายออร์ธอดอกซ์ อยู่คอนสะแตนติโนเบิลใช้ภาษากรีชบาทหลวงมีภรรยาได้
3.นิกายโปรเตสแตนต์ ตั้งโดย มาร์ติน ลูเธอร์ อยู่เยอรมันเมื่อปี ค.ศ. 1520 นิกายนี้แปลว่าคัดค้านคือยึดตามคัมภีร์ไบเบิล
ศาสนาอิสลาม เกิดปี ค.ศ. 690 คิดตามปีเกิดท่านนบีมุฮัมมัด ที่ซาอุดิอาระเบีย อิสลามแปลว่า สันติ คือผู้ให้ชีวิตแด่พระอัลลอฮ์เรียกว่า ชาวมุสลิม จุดเริ่มต้นที่เมกกะ ภายใน 100 ปีก็ขยายไปประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ตามประวัติท่านมูฮัมมัดเกิด 20 ส.ค. 570 บิดาชื่ออับดุลเลาะห์เผ่ากุเรช มารดาชื่ออามินะฮ์ ตั้งภรรค์ได้ 2 เดือนบิดาตาย เมื่อท่านอายุ 6 ปี มารดาตายจึงอาศัยอยู่กับปู่เมื่อปู่ตายมาอาศัยอยู่กับลุงฝึกค้าขายไปถึงซีเรียพออายุ 25 ปี ลุงให้ไปทำงานอยู่กับญาติเป็นหญิงหม้ายชื่อคอดิยะห์แก่กว่าท่าน 18 ปีและอายุ 30 ปีท่านได้แต่งงานกับนาง เมื่ออายุ 35 ปีได้เป็นผู้นำยกหินดำที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาท่านไปนั่งสมาธิในถ้ำภูเขาฮีรอห่างจากเมกกะ 3 ไมล์และได้รับโองการมารวมเล่มกลายเป็นคัมภีร์อัลกุรอาน เมื่อสอนศาสนาได้สาวกคนแรกคือนางคอดิยะห์ต่อมาเป็นอาลีบุตรเขย ฮาริษะบุตรบุญธรรมและอบูบักร์ในฐานะเพื่อน ท่านสอนอยู่ 3 ปีได้สาวก 13 คน
เมื่อท่านนบีมูฮัมมัดเดินทางไปเมืองเมดินาถ้าอูฐหยุดตรงไหนก็สร้างมัดยึดตรงนั้น ขณะอายุท่าน 52 ปีเริ่มนับเป็นฮิจเราะห์ศักราชที่ 1 เมื่อท่านนบีมูฮัมมัดรวมพลได้ก็เป็นผู้นำทัพสู้รบฝ่ายต่อต้านและได้เข้าโจมตีเมืองเมกกะทำลายเทวรูปที่กะบะห์จัดระเบียบเมืองใหม่และกลับไปยังเมืองเมดินาได้ล่วงลาลับไปในปี 632 อายุ 61 ปี ผู้สืบต่อคืออบูบักร์เรียกกาหลิบ อยู่ในตำแหน่ง 2 ปีเสียชีวิต ได้โอมา/อุมัร สืบแทนอยู่ 10 ปี ถูกฆ่าในปี 643 ผู้สืบแทนคือ อุสมานและถูกฆ่าในปี 656 ต่อมาคืออาลี บุตรเขยสืบแทนเกิดแตกเป็นนิกายชีอะห์ และช่วงเกิดการแตกแยกเป็นหลายก๊กนั้นในปี ค.ศ. 1308 มองโกลยึดแบกแดดปิดฉากราชวงศ์อับบาสิด ส่งผลเกิดรัฐเล็ก ๆ ก่อนพวกออตโตมันเติร์กจะรวมอิสลามได้ในเวลาต่อมา
เท้าความถึงพวกเติร์กหรือเซลจุกเติร์ก ชอบแกล้งชาวคริสต์ที่มาแสวงบุญในเยรูซาเลมจนเป็นรอยแผลสงครามครูเสด ชาวเติร์กอยู่เอเชียกลางเป็นทะเลทรายและทุ่งกว้าง ที่อาศัยอยู่นี้มีชนเผ่าเร่ร่อนมาก เผ่าซ่งหนูรุกรานจีนจนต้องสร้างกำแพงกั้นกลายเป็นกำแพงเมืองจีน พวกซ่งหนู่ไปอยู่ยุโรป โดดเด่นยิงธนูบนหลังม้าแม่นอีกเผ่าคือทูเจี๋ยคือพวกเติร์กหรือเซลจุกเติร์กปะทะกับนักรบแห่งไบแซนไทน์อันเป็นจุดระเบิดสงครามครูเสด
จากดินแดนเคยอยู่ใต้อำนาจศาสนาคริสต์ต้องมาอยู่ใต้อำนาจศาสนาอิสลาม การช่วงชิงดินแดนจึงระเบิดขึ้นโดยเมืองหลวงศาสนาโลกเป็นจุดแย่งชิงคือเยรูซาเลม โดยคริสต์ประกาศว่า ทุกคนที่ไปช่วยยึดดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืนจะได้รับการไถ่บาป สงครามครูเสดครั้งที่ 1-9 ปี ค.ศ. 1095-1272 สุดท้ายแห่งสงครามฝ่ายมุสลิมมีชัย
บทสรุปมองว่า คนนำศาสนามาเป็นข้ออ้างทำสงครามและเข่นฆ่ากันคือสงครามครูเสดนั้นเอง.
...............................................
บรรณานุกรม ขอขอบคุณผู้จัดทำหนังสือเล่มนี้ที่ได้อ่านโปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ดอกเตอร์โนว์. (2557).ครูเสด : ในนามแห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์ สงครามศาสนาเลือดที่ไม่มีวันจบ. กรุงเทพ ฯ : ยิบซี.