เราๆ ท่านๆ คงจะมองโลกในแง่ดีกันบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้มีข่าวดีสำหรับท่านผู้อ่านที่มองโลกในแง่ดีครับ...
อาจารย์ดอกเตอร์บีเวอร์ลี เอช. บรัมเมทท์ แห่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยดุค เมืองดันแฮม รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ ทำการศึกษาพบว่า
กลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดีมากที่สุดมีความเสี่ยงตายลดลงถึง 42% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ร้ายมากที่สุด
อาจารย์บรัมเมทท์ทำการศึกษานิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนาที่เรียนในช่วงกลางทศวรรษ 1960 (ประมาณปี 2508) 6,958 คน โดยให้ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ และติดตามไปนานถึง 40 ปี
ผลการศึกษาพบว่า
อาจารย์บรัมเมทท์พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มองโลกในแง่ดีมีอะไรดีๆ หลายอย่างเหนือกว่ากลุ่มที่มองโลกในแง่ร้าย...
ไม่ว่าจะเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าน้อยกว่า วิถีชีวิตดีกับสุขภาพมากกว่า เช่น ออกกำลังมากกว่า กินอาหารที่ดีกับสุขภาพมากกว่า ฯลฯ
กลุ่มตัวอย่างที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะมองวิกฤตการณ์ หรือปัญหาชีวิตต่างๆ ว่า เรื่องร้ายๆ เป็นเรื่องชั่วคราว (temporary) หรืออนิจจัง(ไม่เที่ยง)
คนที่คิดแบบนี้มักจะมองว่า เหตุการณ์ร้ายๆ ย่อมจะทุเลาเบาบางไปพร้อมกับกาลเวลา
ปรากฏการณ์แบบนี้คล้ายกับคำกล่าวของท่านเติ้ง เสี่ยว ผิงที่ว่า “หลังพายุ... ท้องฟ้าจะแจ่มใส”
กลุ่มตัวอย่างที่มองโลกในแง่ร้ายมีแนวโน้มจะมองวิกฤตการณ์ หรือปัญหาชีวิตต่างๆ ว่า เรื่องร้ายๆ เป็นเรื่องถาวร หรือมองไม่เห็นอนิจจลักษณะ(สภาวะแห่งความไม่เที่ยง)
นอกจากนั้นคนที่มองโลกในแง่ร้ายมีแนวโน้มจะยึดติด ฝังใจ และคิดเรื่องร้ายๆ ซ้ำซาก (take to heart) คล้ายกับการพายเรือวนในอ่าง ไม่คิดหาทางออก
เมื่อคิดแต่เรื่องร้ายๆ ก็จะพลอยติเตียนตัวเอง และมองว่า เหตุการณ์ร้ายๆ ย่อมจะยั่งยืน เที่ยงแท้ ถาวร นิรันดร หรืออะไรทำนองนั้น
ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับคำกล่าวของอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง(ขอสงวนนาม) ท่านเล่าว่า คนไข้มะเร็งเต้านมมักจะพบร่วมกับปัญหาสามีมีภรรยาน้อย
“หลังพายุลูกหนึ่ง... จะมีพายุตามมาอีกหลายลูก” ท่านเปรียบไว้อย่างนั้น คำเปรียบของท่านช่างต่างจากมุมมองของท่านเติ้ง เสี่ยว ผิงราวกับ “คนละเรื่องเดียวกัน”
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า คนสูงอายุที่มองโลกในแง่ดีมีอัตราตายต่ำกว่าคนสูงอายุที่มองโลกในแง่ร้ายไปนานถึง 10 ปี
คนที่ก้าวร้าว และไม่เป็นมิตรกับคนรอบข้าง (hostile) มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันมากกว่าคนที่มีเมตตา และเป็นมิตรกับคนรอบข้าง
อาจารย์บรัมเมทท์แนะนำว่า การฝึกสมาธิ (meditation) มีส่วนช่วยหยุดการคิดร้ายแบบเป็นวังวน... คล้ายการพายเรือวนในอ่างได้
ผู้เขียนขอเรียนเสนอให้ฝึกแสดงความชื่นชมคนรอบข้างให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เมื่อครบ 3 สัปดาห์... ให้เพิ่มเป็นอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง การฝึกชมแบบนี้มีส่วนช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้นได้
การชมคนอื่นควรจะชมออกมาเป็นคำพูด หรือออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อแสดงความหนักแน่น หรือความมั่นคงในการมองโลกแง่ดี
ชมคนอื่นแล้วอย่าลืมชมตัวเองเงียบๆ...
วิธีง่ายๆ คือ ทำอะไรดีๆ ไม่ว่าจะเป็นดีเล็ก หรือดีใหญ่ทุกวัน เช่น ปลูกต้นไม้ต้านโลกร้อน ปิดสวิทช์ไฟที่คนอื่นลืมเปิดทิ้งไว้ ทำงานอาสาสมัคร บริจาคเลือด ฯลฯ
บันทึกความดีของเราไว้เงียบๆ และทบทวนก่อนนอนทุกวัน
เมื่อทำบ่อยๆ จะพบว่า คนเรามักจะทำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิดเสมอ
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
แหล่งที่มา:
คงยังไม่มีอะไรมา share ค่ะอาจารย์ ตอนนี้กำลังฝึกเรื่อง สมาธิ อยู่ค่ะ :)
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอ JJ และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
ขอขอบพระคุณอาจารย์ Handy และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
ขอขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่ง และขออนุญาตส่งความปรารถนาดี... เนื่องในโอกาสปีใหม่
ขอขอบพระคุณอาจารย์จันทวรรณ และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
ขออนุญาตส่งความปรารถนาดี... เนื่องในโอกาสปีใหม่