ขอเสนอ”เศรษฐกิจเพียงพอดี”ให้เป็นแนวทางของธศ. (เพียงพอใช้ + ดีต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย).. ว่า ก่อนอื่นคนเรามีสองพวกคือพวกนักธุรกิจและพวกมนุษย์เงินเดือน..สำหรับพวกนักธุรกิจ ขอเสนอว่า ให้กินอยู่อย่างเพียงพอดี ที่เหลือ (ถ้ามี)แบ่งเป็น ๓ กองเท่ากัน โดยไปลงทุน๑ เก็บออม๑ บริจาค๑
นี่ว่าสำหรับกรณีมีกำไรนะ ถ้าขาดทุนก็ต้องปรับการใช้จ่ายไปตามสภาพ..สำหรับมนุษย์เงินเดือน/รับจ้างก็ให้กินอยู่อย่างเพียงพอดี ที่เหลือให้แบ่งเป็นสองกอง ฝากออม๑ และบริจาค๑..ถ้าทำแบบนี้พวกเจ้าของกิจการรายใหญ่ที่รวยมากๆ คงต้องบริจาคมากโขอยู่ พวกฝ่ายกินเงินเดือนสูงๆ เช่น ผู้จัดการบริษัท ก็คงต้องทำบุญมากเช่นกัน
ผข.เคยบวชเป็นพระป่าอยู่๓เดือน ตอนเช้ามักมีโยมหญิงแก่อายุสัก ๖๐ มาใส่บาตรทุกวัน มักจะให้ข้าว๑ทัพพีตามด้วยปลาทูทอด๑ หรือก็ไข่ดาว๑ ขณะนั้น(พศ. ๒๕๔๒) ปลาทูขนาดกลางน่าจะตัวละ ๕ บาท ข้าวอีก๑ รวมเป็น ๖ บาท ถามดูว่าทำงานอะไรก็ทราบว่าเป็นคนรับจ้างรายวันเช่นถางหญ้าได้วันละ ๖๐ บาท แสดงว่าท่านทำบุญวันละ ๑๐ ปซ.ของรายได้นะ
.
ถ้าเทียบบัญญัติใตรยางค์ออกไป ดังนั้นนายทุนใหญ่มีรายได้วันละ๖ล้านบาทก็น่าจะบริจาควันละ ๖แสนบาทนะ เลยทำให้มาคิดได้ว่าศาสนาพุทธวันนั้น (จนถึงวันนี้) ดำรงอยู่ได้เพราะทานจากพวกคนจนนี่เอง แต่บรรดาพระเกจิทั้งหลายก็มักจะให้ความเมตตาต่อฆราวาสรวยมากกว่าฆราวาสจนนะ เพื่ออะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน (เอ๊ะ หรือว่าทราบ แต่ขอกั๊กไว้ก่อน)
---คนถางธรรม..มีค. ๖๔
ไม่มีความเห็น