มองดูนาฬิกาเวลา ๐๔.๐๕ น. เมื่อตื่นขึ้นแล้วจะนอนต่อก็กระไรอยู่ ในใจมีความคิดผุดขึ้นว่า "ไปเรียนรู้เลย" จึงค่อยๆลุกขึ้นเดินออกจากห้องและปิดประตูเบาๆเพื่อไม่ให้สาวที่นอนด้วยเมื่อคืนและทุกคนต้องตื่นเพราะเรา ห้องทางทิศตะวันตกกลายเป็นห้องเชือดหัวใจสำหรับผม ในการที่จะเรียนรู้และตรวจสอบอะไรบางอย่าง ผมเดินไปหยิบผ้าปูนั่งมาวางกับพื้นและเริ่มต้นนั่งขาทับซ้ายมือทั้งสองวางซ้อนกันบนขาซ้าย เริ่มเคลื่อนความรู้สึกรับรู้ไปที่ท้องพองขึ้นขณะลงหายใจเข้าและท้องยุบลงขณะที่ลมหายใจออก ทุกอย่างดำเนินไปไม่ถือว่าช้าหรือเร็ว เช้าวันนี้ไม่พบอาการแบบวุ่นวายก่อนจะเข้าสู่ความสงบและโลกกว้างไร้เสียง หากแต่มีเหมือนเข็มแทงที่ร่างกาย ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าการนั่งเป็นนอนบนเตียงไม้ มีการวูบหลายครั้งแต่รั้งสติไว้ได้ ไม่มีความรู้สึกง่วงนอนแต่อย่างใด แต่สิ่งหนึ่งคือ มันรู้สึกหนาวเข้าไปภายในร่างกาย ทั้งที่ก่อนเดินออกจากห้องนอนมาห้องข้างหลังรับรู้แล้วก่อนแล้วว่าอากาศไม่ได้หนาวเลย อากาศประมาณอบๆนิดๆ แต่การนังภาวนาวันนี้มี ๒ อย่างให้ฉงนคือ เหมือนเข็มแทงตามร่างกาย แต่ไม่มียุง และหนาวเย็นข้างในอก จึงต้องเปลี่ยนจากการนั่งเป็นนอนบนเตียง การนอนบนเตียงรับรู้การพองขึ้นและยุบลงของร่างกายได้ดี เพราะเราใช้มือวางบนหน้าท้อง แต่สิ่งหนึ่งที่ทนไม่ได้คือ หนาวข้างใน เมื่อเห็นท่าว่าไม่ไหว จึงลุงขึ้นจากเตียงไม้ไร้ผ้าปู เดินไปที่ห้องนอนมีที่นอนอ่อนนุ่มและผ้าห่ม ดูเวลา ๐๖.๐๐ น. สาวที่นอนอยู่ในห้องตื่นพอดี "ไปไหนมา" ยังคงเหมือนเดิม คือไม่มีคำตอบ "ไปไหนมา" เป็นครั้งที่สอง จึงตอบไปว่า "ไปห้องข้างหลัง" จากนั้นจึงซุกตัวเข้าผ้าห่ม ก็ยังไม่หายหนาวจากข้างใน สักระยะหนึ่งความอุ่นอันเกิดจากไอความร้อนของร่างกายใต้ผ้าห่มค่อยๆช่วยบ่มให้รู้สึกอุ่นขึ้นมา
๒๕๖๔๐๓๑๐
๑๑.๕๙ น.
ไม่มีความเห็น