สิ่งที่จะพิมพ์ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมได้เห็นได้เรียนรู้จริง ๆ เพราะฉะนั้นผมขอใช้ภาษาและแนวการพิมพ์ของผมเอง
สิ่งที่ได้จากการไปวัดไชยศรี ได้เห็นสิมหรือโบสถ์ แต่สิมมีข้อจำกัดไม่ให้ผู้หญิงขึ้นเพราะมีการฝังเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ใต้สิม อาจจะทำให้ของเสื่อม (คล้าย ๆ กับห้ามลอดราวผ้าที่ตากผ้าถุงแม่ประมาณนั้น) ภาพวาดฝาผนังโบราณใช้สีแต้ม เห็นว่าสีนี้มีลักษณะพิเศษมีการใช้เปลือกหอยและวัสดุต่าง ๆ มารวมกัน เป็นภาพวาดเรื่องราวพุทธชาดกซึ่งก็เคยได้ยินครั้งแรก แต่ก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่ว่าท้าวสีโหนี่เป็นสัตว์หรือคน ได้รู้จักใบเสมาที่เเต่ก่อนเข้าใจว่าเป็นใบไม้ไว้เขียนจารึก แต่ที่จริงเป็นใบเสมาหินที่มีไว้บอกเขตแดนเหมือนสีมาตามโบสถ์ ได้รู้ว่าไม่ควรเหยียบคานบันไดซึ่งมีความเชื่อแต่กุศโลบายแท้จริงคือเพื่อป้องกันการสะดุดล้ม และสุดท้ายได้สังเกตเห็นหลายรอบจากการไปดูสิมจะพบขี้นกเยอะมากบริเวณรอบ ๆ
ตลาดนัดชุมชน ได้รู้ว่าวัตถุประสงค์การจัดงานคือทำให้ทุกคนได้รู้ถึงปัญหาของขยะ แต่ผมคิดว่าคงไม่ใช่เรียนรู้ปัญหาขยะน่าจะเป็นเรียนรู้ประโยชน์ขยะมากกว่า เพราะมีการทำกองฌาปนกิจขยะอะไรสักอย่าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี รูปแบบจัดงานเชิญชวนให้คนแต่งกายใส่ซิ่น เพื่อเชิญชวนดึงดูดชาวบ้านให้มาร่วมงาน (คนจัดงานคงจะคิดว่าชาวบ้านผู้สูงอายุแถวนี้น่าจะชอบใส่ผ้าซิ่นมาอวดกัน) มีการใช้ตระกร้าและใบตองแทนถุง แต่ก็ยังมีการใช้ถุงพลาสติกอยู่ เห็นได้จากตอนไปซื้อน้ำ 10 ขวด ตะกร้าใส่ไม่พอยังแอบเอาถุงพลาสติกใส่ให้เลย 555 สรุปแล้วโครงการนี้ดี แต่คิดว่าคงลดปัญหาขยะไม่ได้ถาวร ถ้าจะทำเป็นชุมชนโมเดลเป็นเรื่องดี ดูเป็นเมืองย้อนยุค เพราะมีการใช้ใบตองแทนถุงพลาสติก ใช้ตะกร้าสาน แต่ถ้าจะให้ใช้ทั้งหมดทุกวันก็แปลกเพราะร้านสะดวกซื้อทุกวันนี้ยังมีถุงพลาสติกอยู่เลย การรณรงค์ให้ใช้ใบตองให้ใช้ตะกร้าสานเหมือนเป็นการใช้แนวคิดย้อนยุค ถ้าพัฒนาให้โดยการสร้างผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแทนถุงพลาสติกได้ดีกว่านี้จะดีกว่าให้เข้าทันยุคทันสมัย ให้สมเป็นแนวคิดสมัยใหม่ ถ้าจะให้เด็กรุ่นนี้ไปถือตระกร้าสานซื้อของในเซนทรัลก็ยังไงอยู่ แต่อันนี้ผมพูดถึงภาพกว้าง แต่สรุปที่สุดแล้วกิจกรรมนี้ก็โอเค ทำดีกว่าไม่ทำ แต่ทำยังไงถึงให้ได้ผลยังยืน
นที สุมาลัย
1 มีนาคม 2564
ไม่มีความเห็น