เป็นข้อเขียนของ ดร. กฤษณพงศ์ กีรติกร อดีตอธิการบดี มจธ. ที่ รศ. มาลินี ธณารุณ นำมาลงไว้ ที่ http://gotoknow.org/blog/9nuqa/68705 ถึง 68833
ประโยคเด่นที่ผมติดใจคือ
"ผมพบว่ามหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่งใช้เวลามาก เตรียมตัว
เพื่อเปลี่ยนสถานภาพทางกฎหมายของมหาวิทยาลัยและบุคคล เรื่องนี้
เป็นสิ่งที่ต้องทำแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมร่างพระราชบัญญัติ
กฎระเบียบด้านบุคลากร วิชาการ การเงินและทรัพย์สิน
ผมเห็นว่ามหาวิทยาลัยใช้เวลาน้อยมากในการเตรียมเปลี่ยน
กระบวนทัศน์และวิธีทำงานของคน การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงคือ
การเปลี่ยนแปลงในตัวบุคคล ในตัวระบบ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง
สถานภาพทางกฎหมายของมหาวิทยาลัยหรือสถานภาพทางกฎหมาย
ของบุคคล ถ้าเราเปลี่ยนเฉพาะสถานภาพทางกฎหมายก็คงไม่เกิดการ
เปลี่ยนแปลงที่แท้จริง การเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐจะ
ไม่เกิดประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยและสังคม
การเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีทำงาน
เพื่อเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของคนในองค์กร มหาวิทยาลัย
คงจะต้องมีเป้าหมายที่สูงให้คนร่วมคิดและร่วมปรารถนาที่จะไปถึง
ร่วมกัน มิฉะนั้นคนจะนึกถึงผลประโยชน์ส่วนบุคคล(ซึ่งก็เป็นของ
ปกติเพราะยังเป็นปุถุชนอยู่) โดยไม่นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมหรือ
ประโยชน์ขององค์กรหรือประโยชน์ระดับที่สูงกว่า การเปลี่ยนกระบวน
ทัศน์นี้คงจะมากับการสร้างเป้าหมายว่า มหาวิทยาลัยที่พึงปรารถนา
เมื่อมีการเปลี่ยนสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับแล้วเป็นอย่างไร"
ผมตีความว่า การออกนอกระบบราชการ ก็เพื่อให้มหาวิทยาลัยทำหน้าที่ให้แก่สังคมใน ภพภูมิ (order) ใหม่
วิจารณ์ พานิช
๒๒ ธค. ๔๙
ไม่มีความเห็น