วันแรกของการเปิดเทอมในประเทศไทยครั้งนี้คงแตกต่างกว่าที่เคยเป็นมา เพราะว่านักเรียนอย่างน้อย 23 โรงทั่วประเทศจะไปโรงเรียนแบบไม่มีชุดนักเรียน ท้าทายกับประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงมากที่สุดคือ เครื่องแบบนักเรียนยังสำคัญอีกหรือไม่?
การประกาศเชิญชวนที่ไม่ให้แต่งเครื่องแบบไปเกิดมาจากกลุ่มนักเรียนเลว และนักเรียน KKC Pakee, กลุ่มนักกิจกรรมทางสังคม ที่เรียกร้องให้นักเรียนเลือกสวมใส่ตามจุดมุ่งหมายของตนเองไปโรงเรียนในวันที่ 1 เดือนธันวาคม พวกเขาประกาศว่าจะทำการเรียกร้องอิสรภาพของปัจเจกบุคคลเหนือร่างกายของพวกเขาเอง
กลุ่มนักเรียนเลวรายงานว่ามีนักเรียนอย่างน้อย 23 โรงในกรุงเทพฯ ชลบุรี จันทบุรี ปทุมธานี อุดรธานี และขอนแก่นจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้
ในขอนแก่น มีนักเรียนจาก 4 โรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม พวกเขาสวม T-shirt สีส้มมาที่โรงเรียน และคนอื่นๆอีกหลายคนได้แบ่งปันแนวคิดแบบนี้
ตามที่ Isaan Record มีข้อมูลว่า Kwankhao บอกกับครูฝ่ายกิจการนักเรียนว่า การไม่สวมใส่เครื่องแบบแสดงให้เห็นถึงอิสรภาพในการเลือกใส่ชุด นักเรียนยังได้ทำการชูสามนิ้วเพื่อการสรรเสริญการต่อต้านการเผด็จการในขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย ครูยังได้นำนักเรียนที่ไม่แต่งเครื่องแบบไปที่ห้องประชุม โดยแยกขาดจากนักเรียนที่แต่งเครื่องแบบในตอนเคารพธงชาติ
ตอนเวลา 11.46 Kwankhao กล่าวว่าโรงเรียนที่ไม่ยอมให้นักเรียนที่แต่งชุดที่ไม่ใช่เครื่องแบบได้เข้าชั้นเรียนได้อย่างปกติ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า Sakdadach Tasai ผ.อ. ของ Kaen Nakhon Wittayalai พูดว่าจะไม่มีการหักคะแนนกับคนไม่แต่งเครื่องแบบมา และการแต่งตามทางเลือกของแต่ละคนเป็นเพียงการแสดงออกทางตัวตนเท่านั้น
Kwankhao พูดว่า กิจกรรมที่ทำทุกวันนี้เป็นเพียงกาตทดลอง และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากนักเรียนไม่สวมเครื่องแบบมาโรงเรียน KKC จะนำเสนอคำขอร้องไปให้คณะกรรมการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อนำเสนอการทดลอง 1 ภาคเรียน สำหรับนักเรียนว่าจะแต่งชุดเครื่องแบบ หรือชุดอื่นๆที่โรงเรียน
ตามโรงเรียนอื่นๆในขอนแก่น ตัวแทน KKC กล่าวว่า โรงเรียน Kanlayanaest ได้รวบรวมชื่อเพื่อทำจุดประสงค์ทางสถิติ ในขณะที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น และโรงเรียนพระมหาไถ่จังหวัดขอนแก่น ไม่ได้นำนักเรียนที่ไม่แต่งเครื่องแบบมาที่กิจการนักเรียน
KKC ประกาศว่าพวกเขาจะทดลองไม่แต่งเครื่องแบบในวันที่ 2 ธันวาคม
ในกรุงเทพฯ มติชนได้สัมภาษณ์ Boonyaphong Phothiwatthanat ผ.อ. โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ที่กล่าวว่านักเรียนที่ไม่แต่งเครื่องแบบมาสามารถเข้าชั้นเรียนได้ตามปกติ และจะไม่ถูกหักคะแนน
นักเรียนคนหนึ่งที่สามเสนวิทยาลัยพูดกับมติชนว่าการสวมใส่ชุดอะไรก็ได้เป็นสิทธิที่พวกเขาสมควรได้รับ
สถานีไทยพีบีเอส รายงานว่ามีนักเรียนประมาณ 20 คนที่ไม่แต่งเครื่องแบบมาที่โรงเรียนบดินทร์เดชา จะถูกห้ามไม่ให้เคารพธงชาติ พวกเขาถูกกักตัวในโรงยิมเพื่อคุยกับผ.อ. และตัวแทนผู้ปกครอง
โรงเรียนได้ประกาศเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ว่า นักเรียนต้องแต่งเครื่องแบบมาที่โรงเรียนตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบปี 2008 และกฎระเบียบของโรงเรียน
พวกนักเรียนกล่าวว่าพวกตนก็รู้ว่ากระทำผิดกฎระเบียบ และการแต่งชุดไปรเวทเป็นการแสดงออกเพื่ออารยะขัดขืน พวกเขาถามถึงความจำเป็นและภาระทางการเงินของเครื่องแบบ
การถกเถียงเรื่องความจำเป็น
เครื่องแบบเป็นสิ่งที่อยู่คู่สกับนักเรียนไทยมาตั้งแต่ปี 1885 (พ.ศ. 2428) ตั้งแต่รัชสมัยของรัชกาลที่ 5 เครื่องแบบที่ใช้ทุกวันนี้เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
นักเรียนจะมีชุดเครื่องแบบอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ ชุดนักเรียน ชุดพละที่แต่งหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ และชุดลูกเสือและชุดเนตรนารีหรือชุดยุวกาชาดซึ่งใส่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ โรงเรียนสามารถออกแบบชุดอื่นๆได้อีกตามแต่จะเป็นโรงเรียนต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ
การถกเถียงขุดให้เห็นรากลึกในสังคมไทย นอกเหนือจากกฎของโรงเรียนในเรื่องเครื่องแบบแล้ว ยังมีทรงผม, สีของกระเป๋าเป้, และอื่นๆอีก หลายผู้คนเห็นว่านี่เป็นการสอนนักเรียนถึงเรื่องการเคารพกฎระเบียบ, การลดทอนความเหลื่อมล้ำที่สามารถสังเกตได้จากโรงเรียน และการให้ค่าแก่ความเป็นนักเรียนนอกเหนือจากโรงเรียน
แต่หลายๆคนเชื่อว่าเครื่องแบบจะทำให้ครอบครัวที่มีรายได้น้อยรู้สึกคิดหนักเพราะมีราคาแพง, ไม่เกี่ยวกับสัมฤทธิผลทางการศึกษา, และนำเสนอความเป็นเผด็จการภายใต้กฎระเบียบที่คอยบีบบังคับให้นักเรียนเอาแต่เชื่อฟัง และบิดกั้นเสรีภาพ
ในฐานข้อมูลของ OBEC ปี 2019 พบว่ามีนักเรียนประมาณ 3,481,632 จาก 6,600, 745 หรือ 52.75% ไม่มีเครื่องแบบ และ OBEC ต้องรับผิดชอบต่อโรงเรียนทั้งหมดในประเทศ
การลงโทษที่น้อยลงแล้ว
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) ได้จัดพิมพ์ข้อสังเกตทางกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องพระราชบัญญัติเครื่องแบบปี 2008 และระเบียบของรัฐมนตรีศึกษาตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบปี 2008 ที่บังคับเรื่องเครื่องแบบเอาไว้
ศูนย์ทนายฯได้ตั้งข้อสังเกตว่า การลงโทษตามกฎหมายของนักเรียนที่ไม่แต่งเครื่องแบบมาคือการตัดเตือน, การทำทัณฑ์บน, การตัดคะแนน, และการจัดกิจกรรมปรับพฤติกรรม การลงโทษแบบอื่นๆ เช่น การยึดของ, การลงโทษทางร่างกาย, หรือการไม่ให้นักเรียนเข้าชั้น จะไม่สามารถทำตามกฎหมายได้
บทบัญญัติที่ 14 ของกฎกระทรวงระบุว่า โรงเรียนสามารถนำเสนอต่อระเบียบของโรงเรียนให้แต่งชุดที่แตกต่างจากกฎระเบียบเดิมได้ บทบัญญัติที่ 16 ของกฎกระทรวงกล่าวว่า อนุญาตให้โรงเรียนไม่ต้องให้นักเรียนใส่เครื่องแบบเมื่อมีความจำเป็น
แปลและเรียบเรียงจาก
Prachatai. Students stir up controversy by going to school out of uniform.
ไม่มีความเห็น