ในสังคมไทยปัญหาของคนกลุ่มเปราะบางนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์อาจเพราะข้อจำกัดในหลายๆเรื่องทำให้คนในกลุ่มนี้ถูกมองข้ามไป ซึ่งจะเป็นการดีถ้าเรานำตัวช่วยสำคัญอย่างสิ่งที่เรียกว่า " MoHo " มาใช้แก้ไขปัญหาบุคคลในกลุ่มเหล่านี้โดยกลุ่มเปราะบางที่เราจะเข้าไปช่วยเหลือ แก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนา เช่น ผู้สูงอายุ, คนพิการ, บุคคลที่มีความบกพร่องทางด้านจิตใจ(เป็นผู้ป่วยซึมเศร้า), บุคคลยากจน , คนไร้บ้าน เป็นต้น หากคนกลุ่มเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่ง MoHo จะเป็นเครื่องมือที่เข้ามาสร้างรอยยิ้มให้แก่พวกเขาแน่นอน
การที่เรามองสิ่งที่อยู่รอบๆปัญหานั้นทำให้เราคิดแก้ปัญหาออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นดีกว่าการมองไปที่จุดที่เกิดปัญหานั้นเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นปัญหาที่เรากำลังจะเข้าไปช่วยเหลือพัฒนาคือ “คนกลุ่มเปราะบาง ” เราก็จะไม่ได้มองเพียงแค่ตัวของบุคคลเหล่านี้ แต่เรามองไปที่สภาพแวดล้อมหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ด้วยนั่นเอง
2. ช่วยให้การจัดวางระบบระเบียบเป็นไปอย่างมีขั้นตอนทำให้เราได้รู้ที่มาที่ไปของปัญหา รู้เหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น เพราะอะไรคนๆนี้ถึงเศร้าหรือมีความเครียด เขาเศร้าเพราะเขาตกงานหางานทำไม่ได้จนเกิดความเครียด เป็นต้น
3. MoHo เปรียบเสมือนเครื่องมือที่นักกิจกรรมบำบัดนำมาใช้กับผู้รับบริการเสมือน Stethoscope ของแพทย์ ซึ่งเราจะนำMoHo ไปช่วยเหลือคนไข้ที่เราต้องการจะรักษา
4. สิ่งสำคัญที่สุดคือ MoHo ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้รักษาคนผู้รับบริการแค่เพียงภายนอก แต่ MoHo รักษาทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน
" MoHo แคร์ความรู้สึกของผู้รับบริการ
MoHo จะฟื้นฟูคุณจากภายใน ♥️ "
ยกตัวอย่างคนในกลุ่มเปราะบางที่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว
ไม่สามารถเดินหรือทรงตัวได้ต้องนั่ง วีลแชร์ เป็นประจำ
" ในฐานะนักกิจกรรมบำบัดเราจะนำ MoHo มาช่วยเหลือคนๆนี้ได้อย่างไรบ้างนะ ? "
[ ซึ่งเมื่อเรารู้ว่าผู้รับบริการของเราต้องการสิ่งนี้ เราในฐานะนักกิจกรรมบำบัดก็จะมีหน้าที่ทำให้ความต้องการของผู้รับบริการบรรลุผลสำเร็จตามที่ใจเขาต้องการ ]
2. กิจกรรมนี้ช่วยให้ผู้บริการแสดงศักยภาพออกมามากน้อยแค่ไหน การปลูกต้นไม้เป็นกิจกรรมผ่อนคลาย ไม่ได้ใช้ทักษะหรืออะไรที่ยากมากเท่าไหร่นักนั่งวีลแชร์ก็สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ ฉะนั้นผู้รับบริการสามารถแสดงศักยภาพกับ occupation นี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไม่มีปัญหาอะไร รวมทั้งกิจกรรมยังทำให้เกิดการผ่อนคลาย ทำแล้วเกิดผลดีต่อผู้รับบริการ
3. ในส่วนนี้เราจะดูการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของผู้รับบริการ อย่างเช่น ADL อาจมีความลำบากไม่สามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอาจต้องมีคนคอยช่วยเหลือ ซึ่งถ้าหากผู้รับบริการอาศัยอยู่คนเดียวก็ควรจำเป็นต้องปรับสภาพแวดล้อมให้อำนวยต่อการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เช่น การทำราวจับในห้องน้ำ การนอนก็ควรย้ายสถานที่มานอนบริเวณชั้นล่างของบ้านเพราะผู้รับบริการไม่สามารถขึ้นลงบันไดได้ ซึ่งในส่วนนี้นักกิจกรรมบำบัดต้องเข้าไปแก้ไขและปรับปรุงเป็นจุดๆไปเท่าที่เราจะสามารถช่วยเหลือได้มากที่สุด ในเรื่องของ Work เราก็ต้องดูว่าผู้รับบริการมีปัญหาหรือไม่? เพราะกรณีที่ไม่สามารถเดินได้อย่างกะทันหัน อาจส่งผลต่องานที่ทำอยู่เป็นประจำ อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนงานใหม่เพื่อให้สามารถหารายได้โดยไม่ต้องว่างงาน หางานที่ผู้รับบริการสามารถทำได้ไปด้วย อาจจะเป็นถักโครเชต์ขาย การสานกระเป๋าหรือแม้แต่การปลูกต้นไม้ที่ผู้รับบริการอยากทำ ก็สามารถสร้างให้เกิดอาชีพได้เช่นกัน ในส่วนนี้นักกิจกรรมบำบัดอาจจะพูดคุยแนะนำกับผู้รับบริการเพิ่มเติมต่อไป
4. ในส่วนนี้นักกิจกรรมบำบัดก็จะถาม performance ที่ผู้รับบริการสามารถทำได้และทำไม่ได้เพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ไข โดยส่วนใหญ่ผู้รับบริการสามารถทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้ขาทั้ง 2 ข้างได้ตามปกติ เช่น การรับประทานอาหาร การอ่านหนังสือ แต่การเคลื่อนย้ายตัวจากรถเข็นไปที่เก้าอี้หรือเตียงอาจมีความลำบาก ต้องมีที่พยุงหรือมีคนคอยช่วยเหลือ แต่ในส่วนของกิจกรรมที่ผู้รับบริการอยากทำนั้นไม่มีปัญหา การปลูกต้นไม้เล็กๆไม่จำเป็นต้องลุกเดินก็สามารถทำได้ ถ้าไม่อยากก้มตัวก็อาจแนะนำให้วางกระถางอยู่ในระดับเดียวกับสายตาตอนที่กำลังนั่งอยู่บนวีลแชร์
5. ทักษะอะไรบ้างที่ผู้รับบริการมีการฝึกฝนหรือควรฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถทำ occupation ที่ต้องการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6. เป็นการถามเพื่อให้ครอบคลุมทั้ง 3 ข้อโดยถามต่อเนื่องกัน
6.1) ผู้รับบริการมีเจตจำนงค์ในการทำ occupation นี้อย่างไร มีความตั้งใจจริงๆอย่างไร ?
6.2) มีประพฤตินิสัยในกิจกรรมนั้นๆอย่างไร ?
6.3) กิจกรรมนี้ทำให้ผู้รับบริการแสดงเต็มความสามารถหรือไม่ อย่างไร?
7. เป็นสิ่งที่เรามองถึง environment รอบๆตัวของผู้รับบริการว่ามีอะไรที่ส่งผลหรือไม่จะช่วยปรับหรือแก้ไขอย่างไร
" จิตใจของผู้รับบริการนั้นสำคัญที่สุด เพราะถ้าหาก คุณเกิดความรู้สึก well-being
แม้ร่างกายจะพิการคุณก็จะมีความสุขได้ MoHo ให้ความสำคัญในจุดนี้
เป็นเหมือนการรักษาจากภายในจนเกิดความรู้สึกออกมาสู่ภายนอก
เกิดเป็นรอยยิ้มที่ปรากฎขึ้น คุณจะรู้สึกว่าชีวิตของคุณมีคุณค่า
แม้คุณจะเป็นกลุ่มคนในกลุ่มเปราะบางก็ตาม "
ไม่มีความเห็น