นวนิยายเรื่องสั้น "ขนำ" ตอนที่ ๒/๑ ขนำหลังใหม่


เอกได้เคยถามแอมว่า ถ้าสามารถมีอายุจนถึง ๖๐ อยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นั้นที่ไหนระหว่าง (๑) บนที่ดินที่อาให้มาในหาดใหญ่ (๒) บนที่ดินของแม่ที่ยายให้มาในบ้านบางเหรียง อำเภอควนเนียง คำตอบที่ได้รับคือ บนที่ดินของแม่ที่ยายให้มา เหตุผลเพราะรู้สึกคุ้นเคยและมีความรู้สึกดีจากชีวิตในวัยเด็กบนพื้นที่ดังกล่าว  เขาจึงปรารภที่จะสร้างขนำสักหลังหนึ่งในสวนที่ได้เคลียร์ต้นยางออกและคาดหวังจะปลูกต้นไม้อื่นเช่น มะนาว ฝรั่งกิมจู ทุเรียน เป็นต้น เป็นการปลูกแบบผสมผสาน เมื่อเขาทั้งสองเดินทางไปที่ใด สิ่งหนึ่งที่จะติดไม้ติดมือมาด้วยคือต้นไม้ แต่จำนวนหนึ่งก็เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า แต่สิ่งที่ได้คือประสบการณ์จากการสังเกตและลงมือทำ อย่างน้อยๆ จำนวนหนึ่งก็ผลิผลให้ได้ลิ้มลองอย่างไม้ต้องสงสัยว่าจะมีสารเคมีหรือไม่

วันเสาร์นี้ เอกยังคงเดินทางไปทำงานก่อสร้างเหมือนเดิม วันนี้เช่นเดียวกับวันก่อนๆที่ผ่านมาคือ ก่อนจะไปทำงานก่อสร้างก็จะต้องเดินขึ้นไปบนบ้านของน้าเพื่อเยี่ยมคุณยายกิมเหี้ยงที่เป็นคนไข้ติดเตียงในเวลานี้ แต่เช้านี้มีเรื่องให้สมองต้องทำงานหนักอีกครั้งหนึ่ง

เขาเดินขึ้นไปเยี่ยมคุณยายไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ยายผู้มีพระคุณต่อลูกหลายทุกคนกับที่ดินผืนนี้ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของคุณยายและคุณตา ไหว้น้าแก้วที่กำลังป้อนข้าวให้กับแม่ของตนเอง และน้ากบที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เขาทักทายคุณยายตามปกติ "เป็นไงบ้างวันนี้ กินข้าวได้ไหม" คุณยายก็ตอบมาตามประสาคุณยายที่พูดไม่ชัด เพราะก่อนนั้นเคยเป็นอัมพฤกษ์ (ไม่มั่นใจว่า อัมพฤกษ์ เขียนแบบนี้หรือไม่?...ถ้าเขียนแบบนี้ อัม+พฤกษ์/พฤกษา จะแปลว่าอะไร) ลิ้นแข็งต้องเทียวไปเทียวมาทั้งหมอบ้านและหมอโรงพยาบาล 

คำทักทายของหลานเขยกลายเป็นแรงจูงใจให้ยายต้องหันมามองและยกมือข้างเดียวรับไหว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นไม่สามารถยกขึ้นได้ ภาพของหญิงชราบนเตียงคนไข้ที่มองไม้เห็นอนาคตของความฝันบนโลกใบน้อยนี้อีกแล้ว ยังแต่จะรอคอยชีวิตที่จะสิ้นอายุและกรรมของความเป็นร่างกายมนุษย์ไปสู่ร่างกายอื่น ทำให้เกิดความตระหนักรู้ว่า สุดท้ายชีวิตก็เท่านี้แหละ แม้จะไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น แต่การเป็นของใครหลายคนอาจจะไม่เหมือนกับใครๆอีกหลายคน คุณยายมีลูกคอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเพราะลูกและหลานๆเหล่านี้ผ่านการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่มากับมือที่หยาบกร้านของคุณยาย ลูกๆเคารพแม่เป็นอย่างยิ่ง เข้าใจว่า ที่ลูกเคารพแม่อย่างนี้ส่วนหนึ่งเพราะแม่ไม่เคยทิ้งลูกโดยเฉพาะในยามที่ลูกลำบากแม้จะโตแล้วก็ตาม 

เมื่อน้าแก้วที่กำลังป้อนข้าวให้แม่เห็นเอกเดินเข้ามาก็ทำตาโต "มั่นหลาว ทำตาโตพันหนี่ คงมีเรื่องหลาวให้ฟังแหนๆ" เอกคิดในใจและก็เป็นไปตามที่ตนคิด น้าแก้วเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานขณะที่กำลังจะกินขนมจีนในช่วงใกล้ค่ำ ในวงมีการปรารภคือลูกตอ (สะตอเบา) ที่หลังบ้านน้ากบซึ่งติดกับบ้านหลังที่ยายนอนอยู่นี้ แท้จริงบ้านหลังนั้นคือบ้านหลังแรกที่ยายอาศัยอยู่และสร้างมากับมือ แต่เมื่อน้าไก่สร้างบ้านใหม่ก็อยากให้ยายอยู่แบบสบายๆบ้าง จึงได้ย้ายขึ้นมาอยู่บ้านหลังใหม่ น้าเป็ดอาสาที่จะไปเก็บ จึงเดินอ้อมไปทางหลังบ้าน แต่เมื่อไปถึงที่หมาย ทำท่าจะก้าวขาขวาออกไปชายคาบ้านน้ากบ ตาเหลือบไปเห็นงูตัวหนึ่ง ซึ่งไม่เล็กผิวสีออกเหลืองๆ ด้วยความตกใจจึงร้องเสียงลั่นและกระโดดเหยงๆกลับมาหน้าบ้านหลังที่กำลังจะกินขนมจีนกันอยู่ เสียงร้องลั่น "แก้วช่วยกูทีๆ" ไม่ขาดสาย ขณะที่น้ำตาอาบแก้ม "มึงก็ขึ้นมาตะเป็ด จะยืนอยู่ทำไม" เป็นคำที่น้าแก้วเรียกให้น้องสาวขึ้นมาบนบ้าน  "กูก้าวขาไม่ออก" สุดท้ายน้าแก้วต้องลงไปพยุงขึ้นมาบนบ้าน มือปากเท้าของน้าเป็ดสั่นเทา บ่งชี้ถึงความกลัวขึ้นสมอง ทุกคนเริ่มปรารภว่า ทำไมช่วงนี้เห็นงูบ่อยจัง เห็นยังไม่พอ ยังเก็บกันไปฝันอีก เริ่มจากน้องญาที่เป็นหลานสะใภ้ของยาย ฝันว่ามีงูตัวใหญ่สองตัว ตัวหนึ่งดำอีกตัวหนึ่งขาว อยู่ที่จอมปลวกหลังบ้านน้ากบ ไม่นานหมิวที่เป็นหลานชายของยายเช่นกันก็พบงูตัวสีขาวเลื้อยอยู่หน้าบ้านยาย น้าแก้ว ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตนไม่ได้กลัวงู และหากงูที่ว่านี้คืองูที่มีวิญญาณของตายายใด ขอให้ได้พบด้วย จากนั้นจึงได้เดินลงไปที่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านน้าแก้ว หากแต่ต้องผ่านหญ้าที่ขึ้นรกเลยตาตุ่ม สิ่งที่พบคือ งูตัวหนึ่งมาปรากฏให้เห็น แต่ก็เลื้อยหายไป ระหว่างที่น้าแก้วกำลังเล่าให้ฟังนั้น น้ากบเดินออกมาจากครัว ทำตาโตเช่นกันพร้อมเล่าเรื่องที่น้าเป็ดพบ ขณะเดียวกัน ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนฝันเห็นงู อยู่ในโพรง น้าดูอยู่ที่หน้าโรง เห็นงูตัวใหญ่ด้วย ยังเล่าไม่ทันจบ น้าเป็ดขับรถเข้ามาเยี่ยมแม่ตามปกติ เมื่อเห็นหลานเขยก็เล่าเรื่องที่ตัวเองประสบและเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อคืนฝันเห็นงู เรื่องเล่าเกี่ยวกับงูและความเชื่อเรื่องงูคือร่างอาศัยของวิญญาณใดวิญญาณหนึ่งถูกถ่ายทอดลงในวง โดยเอกมีหน้าที่รับฟัง ช่วงหนึ่งน้ากบปรารภว่า เนี่ย น้าอยากอยู่ว่า ทำไมเห็นงูและฝันเห็นกันเยอะ อยากรู้ว่างูนี้คืองูแบบไหน ถ้าเป็นตายายจะได้ถามว่าต้องการอะไร ทำอะไรผิดไปหรือไม่ แต่นั่นแหละ น้ากลัวงู น้าไม่อยากเห็น เอกเลยพูดขึ้นว่า "ถ้าไม่อยากเห็นก็ให้เข้าฝันสิครับ" น้ากบโต้ขึ้นว่า "น้ากลัวจำไม่ได้ เนี่ยอยากให้เป็ด (น้าเป็ด) สื่อให้สักหน่อย" ขณะที่น้าเป็ดเดินเข้าไปในครัว และน้าแก้วยังยืนป้อนขนมซาลาเปาให้ยาย ไม่นานเสียงน้าแก้วก็ดังขึ้น เสียงแข็งกร้าว "เนี่ยแหละ กูเอง กูนี่แหละที่มาทำให้เห็น มึงอะพูดมาก รับปากแล้วว่าจะทำ รับปากไปเรื่อย ไม่ยอมทำ ฯลฯ" เอกรู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้น่าจะไม่ปกติ ขณะที่ยายก็ยังคงนอนมองนิ่งอยู่ ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร แต่น้ากบต่างหากที่มีความกลัวอยู่ลึกๆ แต่ก็ปากกล้า "นี่ใครนิ บอกหน่อยนี่ใครนิ อย่าอารมณ์เสียแหละ พูดจากันดีๆ อย่าส่งเสียงดัง" "มึงแหละ พูดมาก รับปากว่าจะทำแล้วไม่ทำ ฯลฯ" เอกสังเกตเห็นสองคนกำลังโต้แย้งอะไรกันสักอย่าง สุดท้ายรับรู้ว่า วิญญาณที่เข้ามาแอบที่ร่างน้าแก้วคือวิญญาณ...  เอกเดินยืนอยู่ข้างหลังน้าแก้ว เพราะคิดว่า เดี๋ยวถ้าวิญญาณออกไป น้าแก้วต้องหล่นทั้งยืนแน่ๆ ระหว่างนั้น น้ากบเรียกน้าเป็ดให้มาฟังด้วย น้าเป็ดเดินประนมมือตัวสั่นมานั่งข้างๆน้ากบ และไม่กล้ามองหน้าน้าแก้วที่บัดนี้ไม่ใช่น้าแก้ว เอกถามตัวเองในใจว่า รู้สึกอะไร คำตอบคือ รู้สึกเครียด นี่คืออะไร เรื่องจริงคืออะไร หลายคำถามพรั่งพรูในสมอง และหักห้ามความกลัวบางอย่างไม่ได้ แต่ก็มีความรู้จำนวนหนึ่งหลั่งไหลมาเพื่อจะบอกว่าไม่ต้องกลัว เรื่องหนึ่งเคยอ่านจากเฟสบุ๊คซึ่ง ศ.ดร.สมภาร เคยเล่าให้ฟังกับการต้องสนทนากับคนที่โดนวิญญาณเข้าแทรกซ้อน สนทนากับเขาดีๆ เหมือนกับเราคุยกับคนทั่วไป ไม่นานเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็จะออกจากร่างไป ทำให้เอกยังคงยืนอย่างรู้สึกตัวข้างหลังน้าแก้ว อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่ยายเล่าให้ฟังว่า มานั่งพับผ้าอยู่ริมเตียง ซึ่งน้าแก้วและน้ากบมองไม่เห็น แท้จริงแล้วสัมพันธ์กับวิญญาณที่กำลังแอบแทรกซ้อนกับร่างน้าแก้วในเวลานี้ น้ากับรับปากทุกอย่างที่ร่างน้าแก้วส่งเสียงออกมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอโชคลาภ ระหว่างที่กำลังสนทนากันระหว่างร่างน้าแก้วแต่มีวิญญาณแทรกซ้อน และน้ากบ ปรากฏว่า วิญญาณนั้นหลุดไปยังไม่ทันตั้งตัว เอกก็รับร่างน้าแก้วไม่ทัน ร่างน้าแก้วจึงร่วงผลอยลงข้างเตียงที่ยายนอน "โอย ปวดไหล่" น้าแก้วครวญเสียงโอยๆ หน้าตาบ่งบอกว่าเจ็บเมื่อตนรู้สึกตัวเป็นตัวของตัวเองแล้ว เรื่องร่าวตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องงูทั้งที่ฝัน เห็นจริง และแทรกร่างน้าแก้ว ผ่านไปอย่างยาวนานทางความรู้สึกแต่ไม่นานนักของเวลา  เอกเห็นว่า ควรแยกย้ายจึงทำท่าจะเดินออกจากประตูบ้านไปขนำที่กำลังสร้างอยู่ น้าเป็ดซึ่งเดินไปก่อน หันกลับมา "ใครเรียก" เอกมองหน้าน้ากบและพูดขึ้นว่า "ไม่ได้ยินใครเรียกเลย" "น้าเป็ดได้ยินคนเรียกเป็ดๆ" น้าเป็ดบอกให้ฟัง

เอกขับรถผ่านขนำไม้หลังน้อยที่ต้อมและพ่อของต้อมสร้างไว้ บัดนี้กลายเป็นที่เก็บไม้ เลยผ่านเข้าไปที่ขนำหลังใหม่ "จ๊ะเอ๋ๆๆๆๆ" มองไปที่ริมปูนหน้าขนำ ความเครียดเกิดในสมองทันที "เห้อ อะไรเนี่ยๆๆๆๆ" เขาจอดรถนิ่งและสังเกตสิ่งที่พบเป็นงูตัวสีดำ พาดยาวริมขอบปูน ตั้งแต่มาเริ่มสร้างขนำไม่เคยเห็นงูตัวนี้มาก่อน แม้แต่ตัวอื่นก็ตาม สัปดาห์ก่อนเห็นคราบงูบนหัวนอนบนขนำ แต่ก็งงว่า งูไปลอกคราบได้อย่างไร ทั้งที่เสาขนำเป็นเหล็ก มารอบนี้เห็นงูตัวสีดำ เมื่อได้สติ จึงยกโทรศัพท์กดไปที่น้าแก้ว "น้าแก้วเหออออออ มาแล้วเน สีดำยาววา อ้วนท้วนดีนิ" เสียงน้าแก้วบอกไปที่น้ากบผ่านมาทางโทรศัพท์ "ไปที่หนำแล้วกบเหอ" แต่ก็กลับมาคุยกับเอก.... ไม่นานงูตัวดังกล่าวก็กลับหัวและเลื้อยเข้าพงหญ้าหันไปทางขนำไม้หลังน้อยที่ผ่านมา "ไปแล้ว เลื้อยกลับไปแล้ว" เอกบอกให้น้าแก้วรู้

เขากลับรถหันหัวไปทางที่มาเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติก่อนนั้น หยิบของที่จำเป็นไปวางบนโต๊ะใต้ขนำ เริ่มลงมือปฏิบัติการสร้างขนำทีละน้อย ลงมือปฏิบัติการได้พักใหญ่ เสียงน้าแก้วร้องเรียกลั่นมาแต่ไกล "น้องเอก ๆ ๆ ๆ มานี่เร็วๆๆ" หน้าตาบ่งบอกถึงความเครียด กระหืดกระหอบ มือหนึ่งจับชายผ้าถุง อีกมือชี้ไปชี้มา "ไปที่บ้านเร็ว ๆ ๆ"...

หมายเลขบันทึก: 684227เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2020 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2021 14:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กำลังสนุกเชียวค่ะ ติดตามตอนต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท