จากรูปผักบุ้งจีน 2 กระบะ(รูปบน)นี้ ผมตัดมาผัดผักบุ้งไฟแดงได้ 1 กะทะ(จาน)พอดี ตัดมาผัด 4 รอบแล้ว อร่อยกว่าผักบุ้งจีนต้นใหญ่ๆที่ซื้อจากตลาด เพราะยอดอ่อนกว่าและสดกว่า ปลอดสารพิษด้วย วันพรุ่งนี้ก็จะตัดเป็นรอบที่ 5 แล้ว(จะนำมาทำสุกี้ทาน) คิดว่าคงจะตัดทานได้อีกหลายรอบ
เพื่อความมั่นใจว่าจะมีผักบุ้งให้ทานโดยตลอด ผมจึงเพาะเสริมอีก 2 กระบะ วันนี้ก็เพาะได้ 5 วันพอดี(ภาพล่าง)
ใครสนใจเพาะทานเองบ้างก็ได้ ทำง่ายๆ แค่ 9-10 วันก็เริ่มเก็บรับประทานได้ครับ วิธีการเพาะมีดังนี้
1.นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำอุ่น 4-5 ชั่วโมง(ผมใช้เมล็ดผักบุ้งกระบะละ 1 ซอง)
2.นำเมล็ดที่แช่น้ำอุ่นห่อด้วยผ้าที่ชุบน้ำพอหมาดๆ วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 24 ชั่วโมง
3. เตรียมกระบะเพาะหรือถาดเพาะและดินสำหรับเพาะ ใช้ดินมูลไส้เดือนผสมกับขุยมะพร้าวก็ได้ นำดินเพาะใส่ถาดเพาะหนาประมาณ 2 - 3 ซ.ม. เกลี่ยให้เสมอกัน
4. นำเมล็ดผักบุ้งในข้อ 2 มาโรยให้เต็มกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม
5. นำกระบะหรือถาดเพาะนี้ ใส่ในถุงดำ ทำให้ถุงโปร่งๆ หลวมๆ มัดปากถุงไม่ให้อากาศเข้า แล้ววางไว้ในที่มืดหรือที่ร่มที่ไม่มีแดดส่อง คอยเปิดปากถุงดูทุกวัน ถ้าดินเริ่มแห้งก็รดน้ำ(เบาๆ) แล้วปิดปากถุงไว้เหมือนเดิม
6.วันที่ 3-4 พอเริ่มงอก ก็เปิดปากถุงเพื่อให้อากาศเข้าได้ (ยังอยู่ในถุงดำและวางไว้ในที่ร่มเหมือนเดิม)
7. วันที่ 5-6 ของการเพาะให้นำกระบะหรือถาดออกจากถุงดำ วางไว้ในที่ร่มแสงรำไร(พอได้รับแสงบ้าง)หมั่นรดน้ำเช้าเย็น(รดเบาๆระวังต้นล้ม)
8. วันที่ 7- 8 ของการเพาะ ให้นำกระบะผักบุ้งไปวางในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง(เป็นที่วางกระบะถาวรตลอดไป) หมั่นรดน้ำเช้าเย็น(รดเบาๆเหมือนเดิม)
8. วันที่ 9-10 เริ่มตัดต้นอ่อนรับประทานได้ เหลือต้นตอไว้ประมาณ 3-4 นิ้ว(เพื่อให้แตกยอดใหม่) รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน และรดปุ๋ยชีวภาพอย่างเบาบาง(ใส่เยอะต้นจะตาย) 2-3 วัน : ครั้ง เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
ประโยชน์ของการทานผักบุ้งนั้นมีมากมาย เพราะผักบุ้งอุดมไปด้วยวิตามินหลายอย่าง เช่นวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต ธาตุเหล็ก และ ฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยนะครับ
ไม่มีความเห็น