วาสนาธรรม
ครั้งแรกที่ถูกชักชวนเชิงท้าทายนิดๆ ว่า “ถ้าเก่งจริง เรียนถึงดอกเตอร์ลองไปกราบหลวงตาดู” หลายๆครั้งเข้าที่ถูกชวนบ่อยๆ ท้ายที่สุดก็ไปและไปสม่ำเสมอ ตื่นตีสามขับรถจากขอนแก่นไปใส่บาตร ไปถวายจังหัน ไปฟังธรรมะ ไปกราบขอโอวาทธรรม และกลับมาฝึกฝนเอง เป็นอยู่ห้าปี
แต่ถ้านับไปแล้ว มีโอกาสได้ไปกราบองค์พระหลวงตามหาบัวครั้งแรกสมัยเรียนพยาบาล ตอนนั้นท่านก็เทศน์อบรมเป็นนักเรียนพยาบาลให้พากันสำรวมเรียบร้อย
ทุกครั้งที่ไป
จะได้เห็นองค์หลวงพ่อสุดใจ อุปฐากรับใช้องค์พระหลวงตาด้วยจริยวัตรที่สงบ เย็นใจด้วยความนอบน้อมต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์
ท่านมีพระเมตตาสูงมาก
จำได้ว่า ครั้งหนึ่งไปนั่งภาวนาอยู่ข้างๆ บริเวณอาสนะขององค์หลวงตาที่ท่านนั่งฉันจังหัน สงบเย็นใจมากแม้จะมีผู้คนอยู่ที่ศาลาอยู่บ้างต่างนั่งภาวนาแต่ละมุม พอลืมตาขึ้น องค์หลวงพ่อสุดใจและองค์หลวงพ่ออินทร์ถวายท่านนั่งสนทนากันเบาๆ แทบไม่ได้ยินเสียงท่านเลย จึงรีบก้มลงกราบท่าน แล้วถอยออกมาเพื่อไม่เกะกะกีดขวางท่านแม้ท่านจะไม่ตำหนิใดใดเลย เป็นความซาบซึ้งใจและอยู่ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้
นับเป็นเวลาหลายปีตั้งแต่ปี 2548-2552 ที่ปฏิบัติเทียวไปมาระหว่างขอนแก่นกับอุดรธานี โดยได้รับความเมตตาจากคุณยายจันดีท่านเมตตาอบรม นับว่าเป็นวาสนาธรรมและโอกาสช่วงหนึ่งของชีวิต
หลวงพ่อพูดน้อย
ท่านเปี่ยมล้นไปด้วยเมตตา
สามวันนี้ ฉันรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมมองใจตนเองไปในทุกขณะ ...ไหวๆกระเพื่อมเบาเบาเป็นบางครั้ง
แต่อีกมุมของใจมักจะชวนให้ไหวเอนหม่นหมอง แต่ใจอีกมุมที่เปิดกว้างกว่า กลับเป็นความสงบสงบ และบอกตัวเองว่า บทธรรมสุดท้ายที่ท่านมอบแด่ศิษยานุศิษย์นี้ยิ่งใหญ่มาก
กระแทกเข้าไปในใจของทุกดวง
วันนี้แหละวัดใจตัวเองได้เลยว่า ธรรมอันทรงคุณค่าที่ท่านมอบให้นี้ จะครอบครองใจเราได้มากเพียงใด
ถ้อยความตอนหนึ่งจากลูกศิษย์ท่านหนึ่งเขียนบันทึกไว้...ว่า
“...ไฟโหมลุกและไหม้ลามรวดเร็วที่กุฏิหลวงพ่อ ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายสอง ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อปฏิบัติสมาธิในกุฏิ....ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึงเรียกหลวงพ่อและพระอีกหลายรูป กำลังพังประตู งัดแงะประตู หน้าต่างเพื่อเข้าไปช่วยหลวงพ่อจนมือพุพอง เนื้อฉีกขาดเลือดไหลอาบ...แต่ก็เข้าไปไม่ได้ เพราะกลอนประตูหน้าต่างที่ถูกล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนาและครอบด้วยเหล็กดัด...เสียงตอบจากหลวงพ่อสุดใจว่า “อื้อ” คำเดียวที่ตอบกลับพระลูกศิษย์
หลายรูปรีบปีนต้นไม้ดูหลวงพ่อด้วยความเป็นห่วง...ภาพที่ปรากฏภายในกุฎิคือ องค์หลวงพ่อสุดใจกำลังเข้าสมาธิในท่านั่งขัดสมาธิสุขุมนิ่งไม่ไหวติงในกุฎิท่ามกลางคลื่นเปลวเพลิงและควันไฟที่ขณะนั้นแทบจะกลืนกินทุกสิ่งไปแล้ว ทุกอย่างกระพือสั่นไหว มีเพียงร่างองค์หลวงพ่อนั่งสมาธินิ่งไม่ไหวติง...”
...”พระอริยะ ผู้มีญาณบารมีขั้นสูงระดับนี้ เป็นไปได้หรือที่จะไม่รู้วาระของตัวเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อรู้แล้ว จะผัดผ่อนหลีกหนี หรือ จะเผชิญหน้าอย่างองอาจที่ไม่ยอมอ่อนข้อต่อกิเลส คือ ความกลัว แลแสดงธรรมอันยิ่งใหญ่ให้เห็นถึงกฏแห่งไตรลักษณ์“อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ให้ประจักษ์เห็นว่า บุตรแห่งตถาคต ที่เริ่มต้นด้วยการปฏิบัติและจบลงด้วยการปฏิบัติธรรมจนลมหายใจสุดท้าย”
มรดกธรรม
ที่หลวงพ่อมอบให้ พิจารณาหยั่งลึกสุดใจยิ่งนักเจ้าค่ะ
กราบลาด้วยจิตอันนอบน้อม เป็นวาสนาในชีวิตที่ชาตินี้ได้มาพบ กราบ และเรียนรู้ธรรมอันประเสริฐนี้ที่ท่านปฏิบัติให้ดู ปฏิบัติให้เห็นเป็นประจักษ์
25-05-63
ไม่มีความเห็น