"Self Talk" หลังจากดูคลิปวิดีโอ เรียนรู้ร่วมคิด e.p.2-Be present & Check in (self talk)


เกริ่นนำ

บันทึกนี้ เป็นบันทึกที่ผมเขียนเป็น Reflection ในแบบ "Self Talk" หลังจากดูคลิปวิดีโอ เรียนรู้ร่วมคิด e.p.2-Be present & Check in (self talk) ที่อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ได้สนทนากับคุณอุ๊ กรรณจริยา สุขรุ่ง ใครสนใจดูคลิปนี้ได้ทาง Youtube นะครับ ที่ 

https://www.youtube.com/watch?v=8VvHReJfpfY

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Self Talk หลังดูคลิป Reunion Leaders by Heart  e.p.2

12.29 น.

หิวเหมือนกัน แต่รอได้เพราะอยากเขียนการบ้านให้จบก่อน

ความจริงดูคลิปจบตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว แต่คิดว่าดูสักสองรอบดีกว่า รอบแรกดูแล้วยังไม่นิ่งพอ เพราะดูแล้วต้องรีบประชุมออนไลน์กับ สสส. เพื่อเอาเนื้อหาจากการเรียนรู้ในคลิปไปแลกเปลี่ยนกับทีมสื่อ สสส.กลาง ตอนนั้นรีบดูแบบสกัดร้อน ผ่านไปสองวัน  เห็นคลิป e.p.3 ปล่อยออกมา  ไม่ได้ละ เราต้องรีบสรุป e.p.2 เดี๋ยวตามไม่ทัน

วันนี้ ตื่นมาแต่เช้าเลยตั้งใจจะดูคลิป e.p.2 อีกรอบ คราวนี้ ดูแบบ slow down จัดจิตจัดใจจัดร่างกายสภาวะทุกอย่าง ฟ้าฝนก็เป็นใจดี อากาศกำลังสบายไม่ร้อนเกินไป  ถึงจะมีไลน์ มีเฟสบุ๊ค มีงานบ้านกระจุกกระจิกมาขัดจังหวะบ้าง แต่ก็กำหนดใจและเวลาว่าเช้านี้แหละเหมาะที่จะเขียนออกมา

เราดูคลิป e.p.2 ซ้ำรอบนี้ ดูอย่างมีจังหวะกว่ารอบแรกนะ คือคั่นเป็นสามช่วงตามจังหวะหัวข้อที่อุ๊ดำเนินรายการ ช่วงแรกนี่ดูไปห้านาทีครึ่ง แล้วหยุด ให้ทบทวน ใคร่ครวญ ทำใจว่างๆ ไปกวาดบ้านกวาดช่องสักพัก แล้วก็มาฟังต่ออีก 10 นาที แล้วก็พัก  เพื่ออ่านสิ่งที่จดไว้ ผ่อนคลายสมอง ร่างกาย เข้าห้องน้ำห้องท่าสักแป๊บ ดูคลิปไอคิโดของอาจารย์ Yoshi Shibata ซึ่งเป็นไอคิโดสไตล์ที่เราชื่นชอบ แล้วก็แชร์ลิงค์มาเซฟไว้ ใจพ้นไปจากการคิดเรื่องคลิป Leaders by Heart สักแป๊บ แล้วก็กลับมาดูอีกสิบนาทีที่เหลือ

การดูสองรอบ ถ้ารอบแรกเป็นแบบสกัดร้อน รอบนี้น่าจะเรียกว่าเป็นแบบสกัดเย็น  ซึ่งมีสรรพคุณและรสชาดตัวยาต่างไปจากรอบแรก อยากได้ทั้งร้อนและเย็น ก็ต้องดูสองรอบขึ้นไป อืม...อันนี้ดี ไม่เคยคิดว่าควรดูซ้ำ แต่เผอิญมันมีจังหวะให้ดูและคิดได้  ต่อไป e.p.3 นี่คงต้องดูสองรอบ และถ้าดูครบทุก e.p (จะมีกี่ e.p.ก็ไม่รู้ แต่เราเซฟเก็บหมด) ก็ต้องประมวล สกัด ออกมาเป็นแบบเข้มข้น อันนี้ ต้องออกแบบแผนที่การดูตัวเองก่อน เขียนไว้ เดี๋ยวลืม

ฟังอาจารย์ e.p. นี้ จริงๆรวมอุ๊ด้วย เพราะอุ๊ก็มีส่วนสำคัญในการเดินเรื่องมาก เราเขียนยึกยือออกมาได้สี่หน้า  บรรยากาศการสนทนารอบนี้ Flow ขึ้นกว่า e.p.1 นะ เพราะเสด็จน้อง (อุ๊) เครื่องติดแล้ว เราเห็นลีลาบางช่วงที่อาจารย์พูด เหมือนไม่ได้พูดกับอุ๊นะ แต่เหมือนเป็น Self Talk ของอาจารย์ที่พูดให้ตัวเองฟัง โดยเฉพาะในช่วงที่อาจารย์พูดถึงจิตวิญญาณบรรพชน  รายชื่อเสรีไทยคนต่างๆ อันนี้อาจารย์เชื่อมถึง เพราะมีประสบการณ์ตรง เห็นใบหน้าอย่างที่อาจารย์บอกไว้ว่าเป็น “The System Thinking with Human Faces” ลีลา สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงแววตาของอาจารย์ในตอนที่พูดเรื่องนี้นั้น เปล่งประกายชัดมาก ในขณะที่อุ๊ก็ยิ้มผงกหัว คือ อาจจะรู้ แต่ไม่รู้สึก (Learning but not knowing) เป็นเราก็ทำเหมือนอุ๊น่ะ J

เรื่อง Self Talk นี่สำคัญ และถือได้ว่าเป็นการเปิดฉาก e.p.2 ที่โดนใจ เพราะเป็น “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ซึ่งเราว่าดีเพราะขวดใหม่มันดูน่าดื่มกว่า และเมื่ออาจารย์อธิบายให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องของสภาวะ Be Present การอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งมีผลดีมากมายในการก่อนที่เราจะประชุมหรือทำกิจกรรมใดๆ เรา ต้องเตรียมตัวแบบนี้เสมอจนติดเนื้อติดตัว  อันนี้เรา get กันมาพอสมควรเหมือนเป็นหลักคิดทฤษฎีนะ แต่พอเวลา BAR ให้พูดถึงตัวเอง เอาเข้าจริง พูดเรื่องความรู้สึกนึกคิดตัวเอง แต่ใจกลับไปอยู่ที่คนอื่นคือกังวลว่าคนรอบข้างเขาจะคิดยังไงกับสิ่งที่เราพูด เอ้อ อันนี้  มันก็เหมือน Be present แบบงงๆ มันขัดกันอยู่ภายใน พอมาดูคลิปนี้อาจารย์กับอุ๊ชวนกันคุย ชวนกันไขข้อข้องใจเรื่อง Self Talk เพิ่ม  ทำให้เราชัดเจนขึ้น  ว่า Be Present ไม่ใช่การอยู่นิ่งๆ แต่จริงๆมันคือสภาวะที่เราอยู่กับกาย วาจา ใจ ของตัวเอง เมื่อเราพูด จึงเป็นสิ่งที่เราพูดออกจากสภาวะตนเอง เป็นการกลับมาโอบอุ้ม ดูแล ตนเอง อันนี้คือลักษณะของ Self Talk  

Self Talk มันเป็นเหมือน อุบาย (ชอบคำนี้ ) ที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง และเชื่อมพลังกับสิ่งต่างๆ เพราะเมื่อเราได้พูดจากสภาวะข้างในของตัวเอง สลัดความกังวล (อาจจะรวมถึงความก้าวร้าว ความโกรธ ความเกลียดชังด้วย) ในตัวตนของเราออกไปแล้ว ก็จะเกิดความผ่อนคลาย ความนอบน้อม เข้าใจตนเองแล้วเราจะสามารถเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง สามารถซึมซับเอาพลังจากจักรวาล และจิตวิญญาณ ภูมิปัญญาต่างๆจากบรรพชน ตลอดจน The Sources และ Implicate Order ต่างๆได้

รอบนี้อุ๊ สะท้อนตัวเองรวมถึงประสบการณ์จากเวที Reunion ในเรื่อง Self Talk ได้ดี เข้าใจว่า เธอ connect และรับพลังจากประสบการณ์ตรงนั้นมารันการพูดคุยในช่วงนี้  มันเลยดูมี inspire ดี

เราเข้าใจว่าในขณะที่ตัวเองกำลังฝึกฝนอยู่นี้ การจะขยายไอเดียให้กับโครงการ หน่วยงานต่างๆมันไม่ง่าย แล้วมันจำเป็นแค่ไหน ที่ต้องชวนคนอื่นมาร่วมวงกับเรา ?

ตรงนี้ ใน e.p.2 ช่วงท้าย อาจารย์ได้ไขข้อข้องใจตรงนี้ไว้ แถมบังเอิญไปตรงกับข้อเขียนของท่านอาจารย์ ติช นัท ฮันท์ ที่เรากำลังอ่านอยู่อย่างน่าประหลาด (นี่อาจจะเป็น Implicate Order ในชีวิตประจำวันอีกแบบ) ก็คือ ที่อาจารย์เล่าว่าการจะเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งกาลเวลา พลังของบรรพชน ของจักรวาล The Source นั้น  เราสามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งแบบที่ทำด้วยตนเอง และแบบที่ต้องอาศัยการรวมกลุ่ม   หากแต่ถ้าเราใช้รูปแบบปัจเจกที่เราสร้างเองทำเองอย่างเดียวมันไม่พอ จำต้องอาศัยรูปแบบที่สองด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงต้องสร้างกลุ่ม เป็นชุมชนการเรียนรู้ ชุมชนปฏิบัติที่มีแนวทางเดียวกันกับเรา ตรงนี้ ตรงกับที่ อาจารย์ ติช นัท ฮันท์ ใช้คำว่า “สังฆะ”

อ้อ เข้าใจละ แต่จากประสบการณ์การทำงานตรงในพื้นที่ มันก็ไม่ง่าย แน่นอนสุดต้องเริ่มจากตัวเองก่อน แล้วจึงไปสอนคนอื่น ในส่วนการ BAR ก็ดี AAR แบบ Self Talk ก็ดี เหล่านี้ จู่ๆคนไม่เคยมาทำเลยนี่ก็อาจจะยาก ตัวเราต้องทำเป็นตัวอย่างมากขึ้น 

วันเสาร์ที่ผ่านมานี่ ในที่ประชุมแกนนำโครงการสุขภาวะสตรีชาติพันธุ์ที่ปางมะผ้าเราก็ทำ BAR เช็คอินถึงชีวิตสี่ด้านอยู่ น้องๆในทีมเองก็เริ่มพูดได้ดีขึ้น จากบางคนที่ไม่กล้าก็เริ่มกล้า แต่ฟังรู้ลยว่าพูด BAR แบบเกรงใจคนอื่น บางอย่างก็เป็นคำพูดที่ติดมาตั้งแต่สมันนักเรียนและเป็นคำที่ใช้ประจำ เช่น “จะเอาความรู้ครั้งนี้กลับไปพัฒนาตัวเองและชุมชน” เอ้อ เหมือนนางงามกันเลยเนาะ ไม่เป็นไร เราก็ค่อยๆให้กำลังใจพวกเธอพูดไป เราคิดว่าถ้าจะเปลี่ยนโหมดจากพูดให้คนอื่นฟัง มาเป็นพูดให้ตัวเองฟังนี่ มันต้องมีบริบท หรือมีอะไรหนุนเสริมพวกเธอบ้างไหม เช่น สร้างบรรยากาศความไว้วางใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำชื่นชม การแสดงสีหน้าท่าทาง การให้กำลังใจกันและกัน หรือตั้งรางวัลอะไรเล็กๆน้อยๆ หรือบางทีอาจจะขอให้เธอพูดเป็นภาษาชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นภาษาแม่ของพวกเธอ แล้วมีคนแปลให้เราฟัง น่าจะดี เหล่านี้มีผลต่อการปลดล็อคความกลัว การออกจาก Comfort Zone ของพวกเธอมาก

ดูเวลานี่ 13.45 แล้ว เอ้อ เขียนแบบนอนสต้อปแป๊บเดียวใช้เวลาไปเกือบขั่วโมงครึ่ง  รอบนี้ No Alchohol เพราะพระอาทิตย์ยังไม่อนุญาต รอดูพระจันทร์ถ้างามพอวันนี้จะขอจิบยาดองบูชาความงามของนางสักสองสามกรึ๊บ

อยากบอกอาจารย์ว่าใจเย็นๆ ถ้าเซ็งกับพื้นที่ในไลน์ที่หลายคนเขาไม่สามารถ ไม่ได้ทุ่มเทอะไรก็อย่าไปซีเรียสครับ เหมือนเรามีลูก ดูแลสั่งสอนได้ระดับหนึ่ง สุดท้ายก็วางใจต้องปล่อยให้เต๋าทำงาน

อาจารย์อยู่ในเราเสมอ เหมือนที่พวกเราก็อยู่ในตัวอาจารย์มาไม่รู้กี่กัปป์กี่กาล 

เป็นพลังงานแห่งความรักความเมตตาอันไร้เงื่อนไข

ทั้งหมดคือธรรมชาติที่เราต่างไหลเวียนส่งถึงกัน

 ไม่ต่างอะไรกับสายลมและแสงดาว

หมายเลขบันทึก: 677491เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2020 22:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2020 22:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท