สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) มีความประสงค์ให้สถานศึกษาเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการประเมินไว้ 19 ข้อที่เห็นบ่อยและอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงในการเตรียมการและรับการประเมิน ดังนี้
6. การเสียค่าใช้จ่ายไปกับการจัดทำป้ายชื่อผู้ประเมิน เช่น ไม้สักแกะสลัก หินอ่อนแกะสลัก ฯลฯ
7. การลงทุนกับการเช่าชุดการแสดงและการแต่งตัวหรือแต่งหน้าให้นักเรียนแสดงเพียงไม่กี่นาที
8. การปลุกให้นักเรียนตื่นแต่ไก่โห่เพื่อมาคอยต้อนรับและแสดงให้ผู้ประเมินรับชม
9. การจัดซุ้มดอกไม้ มุมดอกไม้ หรือแจกันดอกไม้ไว้ประดับตกแต่งที่เกินความจำเป็น
10. การเสียเงินและเสียเวลากับการซื้อผ้ามาผูกโบว์หรือจับกลีบเป็นริ้วแถว ไว้ประดับหน้ำห้องประชุม
11. การจัดเตรียมพรมแดงหรือจัดทำทางเท้าเป็นกรณีพิเศษให้ผู้ประเมินเดินในระหว่างการประเมิน
12. การจัดเตรียมนักเรียนไว้คอยเดินกางร่มให้ผู้ประเมินระหว่างการประเมิน
13. การจัดเตรียมนักเรียนไว้คอยเดินประกบ แนะนำ หรือคอยเดินจูงมือผู้ประเมิน
14. การจัดฐานกิจกรรมต่าง ๆ แสดงต่อหน้าผู้ประเมินที่นอกเหนือจากกิจกรรมปกติของโรงเรียน
15. การจัดสำรับอาหารที่หรูหรำและราคาแพงซึ่งสร้างภาระให้กับโรงเรียน
16. การเตรียมการแบบหามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อรับกำรประเมินเพียงไม่กี่วัน
17. การให้นักเรียนบางคนหยุดเรียนหรือครูบางคนหยุดงานในวันที่มีการประเมิน
18. การเตรียมของขวัญหรือของที่ระลึกที่มีราคาแพงไว้แสดงความขอบคุณผู้ประเมิน
19. การให้เอกสิทธิ์บางอย่างกับผู้ประเมิน และยกย่องจนคล้ายจะเป็นสมมุติเทพ
คณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกจาก สมศ. จะลงพื้นที่เพื่อการตรวจประเมินไม่เกิน 3 วันตามบริบทของสถานศึกษาโดยโรงเรียนขนาดเล็กหรือขนาดกลาง จะลงพื้นที่ไม่เกิน 2 วัน ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่หรือขนาดใหญ่พิเศษ จะลงพื้นที่ไม่เกิน 3 วัน โรงเรียนก็ควรต้องคำนึงถึงและพิจารณาว่าทั้ง 19 วัฒนธรรมการประเมินที่ สมศ.อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง โรงเรียนจะได้ดำเนินการอย่างไร แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าทุกระดับการประเมิน จเสียเวลาไปกับการแนะนำโรงเรียน ผู้เกี่ยวข้องที่มาต้อนรับและให้ข้อมูลประกอบการสัมภาษณ์ ก็หมดไปเกือบครึ่งวันแล้ว การประชุมสรุปผลการประเมินและนำเสนอรายงานการประเมินด้วยวาจาก็จะเสียเวลาไปอีกเกือบครึ่งวัน แล้วจะเหลือเวลาให้กับคณะกรรมการประเมินให้ครบถ้วนตามมาตรฐานและประเด็นพิจารณา ดังนั้นจึงเห็นว่า “การจัดการความประทับใจ” (Impression Management) จึงมีความจำเป็นตามบริบทของไทย ซึ่งบางรายการอาจมีความขัดแย้งกับ 19 วัฒนธรรมการประเมินที่ สมศ.อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นสิ่งที่โรงเรียนต้องพิจารณาและนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมบริบทของโรงเรียน จึงขอนำเสนอการจัดการความประทับใจเพื่อรับการประกันคุณภาพการศึกษา ภายนอกดังนี้
ก่อนการประเมิน เมื่อ สมศ.ประกาศรายชื่อโรงเรียนและผู้ประเมินเรียบร้อยแล้ว ก่อนการประเมิน ผู้ประเมินจะโทรประสานงานเพื่อขอกำหนดวันเข้าประเมินจากทางโรงเรียน และโรงเรียนควรดำเนินการดังนี้
อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดการประเมิน ผู้ประเมินส่วนใหญ่จะมาจากต่างจังหวัด ผู้ประสานงานของโรงเรียนอาจต้องประสานในเรื่องของที่พัก การเดินทาง และอาหารเช้า เพื่อแสดงน้ำใจของเจ้าบ้าน ซึ่ง ผู้ประเมินก็จะรู้สึกประทับใจที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี แต่โดยความเป็นจริงแล้วผู้ประเมินก็จะไม่รบกวนโรงเรียนอยู่แล้ว
2. หาภาพถ่ายของผู้ประเมินไว้สำหรับการทำป้าย “ยินดีต้อนรับ” อาจไม่ต้องทำป้ายไวนิล แต่ควร
ทำเป็น Presentation ยินดีต้อนรับพร้อมประกอบด้วยภาพของผู้ประเมิน ซึ่งปัจจุบันหาได้อย่างง่ายดาย โดยอาจค้นหาภาพโดยใช้ Google Search หรือจาก Facebook เป็นต้น
3. หาข้อมูลและประวัติของผู้ประเมินเพื่อให้ “รู้เขารู้เรา”
4. การเตรียมคนเพื่อการประเมิน ดังนี้
4.1 ครูและบุคลากรของโรงเรียนทุกคนต้องมีความรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกประเด็นพิจารณา
ทุกมาตรฐานและตามที่โรงเรียนได้เขียนไว้ในรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self – Assessment Report : SAR)
4.2 เตรียมตัวนักเรียนให้พร้อมรับการประเมินในเรื่องมารยาท การทักทาย การปฏิบัติกิจกรรม
การเตรียมผู้แทนนักเรียนเพื่อการสัมภาษณ์ และ.......ที่เกี่ยวข้อง
4.3 เชิญคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้แทนศิษย์เก่า ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น และผู้แทนชุมชน และ.........มาให้การต้อนรับและให้ข้อมูลในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการสัมภาษณ์
4.4 เตรียมลูกจ้างประจำ/ลูกจ้างชั่วคราว ผู้ประกอบการร้านค้าในโรงเรียนและชุมชนรอบ
โรงเรียนให้ทราบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีผู้ประเมินเข้ามาประเมินโรงเรียนและอาจมาสัมภาษณ์ขอข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนด้วย
5. การจัดเตรียมสถานที่
5.1 ความสะอาดของสถานที่โดยทั่วไป
5.2 สถานที่จอดรถของคณะกรรมการประเมิน
5.3 สถานที่จัดแสดงผลงานของโรงเรียน แม้ว่าโดยหลักการผู้ประเมินจะไม่ดูเอกสาร แต่ถ้าสัมภาษณ์แล้วยังมีข้อสงสัย คณะกรรมการก็จะขอดูร่องรอย เอกสาร หลักฐาน ดังนั้นเอกสารอะไรที่ต้องมี ต้องมี
เอกสารกำหนดค่าเป้าหมายและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีความสำคัญ ต้องเตรียมไว้ทั้งสองประการ
5.4 การจัดนิเทศต่าง ๆ หน้าห้องเรียนและห้องต่าง ๆ ควรเป็นปัจจุบัน
6. การจัดทำ VTR โรงเรียนควรจัดทำ VTR ใหม่ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ระหว่างการประเมิน
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ
2.จัดทำการหนดการประเมิน
3. พิธีกรและพิธีการจะใช้ครูหรือนักเรียน มีการแสดงของนักเรียนเพื่อการต้อนรับหรือไม่ ถ้ามีควร
เป็นกิจกรรมที่สามารถใช้ในการประเมินได้ด้วยตามประเด็นพิจารณาในมาตรฐานที่ 1 ด้านคุณภาพผู้เรียน
4. การกำหนดครูสำหรับการให้ข้อมูลในแต่ละมาตรฐานทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับ
ปฐมวัย
5. จัดสถานที่สำหรับการสัมภาษณ์ในแต่ละมาตรฐาน อาจใช้ห้องเดียวกันถ้าเป็นห้องที่มีพื้นที่ หรือ
แยกเป็นห้องย่อย ๆ ตามความเหมาะสม
6. การเสริฟอาหารว่าง เครื่องดื่มและอาหารกลางวัน ควรให้นักเรียนเป็นผู้เสริฟดีกว่าใช้ครู แต่
ผู้เรียนก็ควรได้รับการฝึกเป็นอย่างดีมาก่อน
7. การถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เสร็จแล้วอาจบันทึกลง C.D. หรือ Handy Drive มอบให้
คณะกรรมการในวันสุดท้ายของการประเมิน
8. ครูทุกคนต้องเตรียมแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับใช้ประกอบการสอนในวันประเมินด้วย ทั้งนี้ครู
ควรสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ตามวันนั้น ๆ
9. ในช่วงของการประเมินด้วยวาจา หากโรงเรียนเห็นว่ามีเรื่องใดที่ไม่เห็นด้วย ก็ให้ทักท้วงโดยไม่
ปล่อยให้ผ่านไป
10. ถ้าโรงเรียนจะมอบของที่ระลึกให้กับคณะกรรมการก็ควรเป็นของที่มีมูลค่าไม่มาก หรืออาจใช้
ผลผลิตที่เป็นผลงานของนักเรียนแทน ทั้งนี้ไม่ควรมอบในที่ประชุมและงดการถ่ายภาพ
หลังการประเมิน
ดังนั้นก่อนการลงนามรับรอง ให้โรงเรียนอ่านอย่างละเอียด หากพบว่ามีข้อความประการใดที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ก็ให้ประสานเพื่อขอให้ปรับแก้ไขข้อมูลให้เป็นไปข้อเท็จจริง ทั้งนี้โรงเรียนต้องแนบเอกสารหลักฐานประกอบชี้แจงไปด้วย เมื่อได้รับการปรับแก้จนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้ลงนามรับรองและส่งรายงานคืน สมศ. แล้วรอการประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก สมศ.
2. โรงเรียนประเมินผู้ประเมินภายนอกทุกคนตามแบบ QC100
การจัดการความประทับใจกับการรับการประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถสรุปเป็น “5ส” ดังนี้
ข้อเสนอแนะเหล่านี้โรงเรียนสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
ไม่มีความเห็น