คำขึ้นต้น สรรพนาม คำลงท้าย ในหนังสือราชการ
พระภิกษุสงฆ์ทั่วไปคำขึ้นต้น สรรพนาม คำลงท้ายนมัสการ ท่าน ผม กระผม ดิฉัน ขอนมัสการด้วยความเคารพ
บุคคลธรรมดา
บุคคลทั่วไปใช้คำขึ้นต้นและคำลงท้ายว่า “เรียน – ขอแสดงความนับถือ”
ส่วนบุคคลที่ต้องใช้คำว่า “กราบเรียน - ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง” มี 14 ตำแหน่งได้แก่1. ประธานองคมนตรี2. นายกรัฐมนตรี3. ประธานรัฐสภา4. ประธานสภาผู้แทนราษฎร5. ประธานวุฒิสภา6. ประธานศาลฎีกา7. รัฐบุรุษ8. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ9. ประธานศาลปกครองสูงสุด10. ประธานกรรมการเลือกตั้ง11. ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ12. ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ13. ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน14. ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาสำหรับคำสรรพนามใช้ “ท่าน ผม กระผม ดิฉัน” เช่นเดียวกับที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์ อนึ่ง คำว่า “ฯพณฯ” ไม่มีระเบียบกำหนดให้ใช้ในหนังสือราชการ
ตัวอย่างคำลงท้าย การเขียนส่วนลงท้ายควรเป็นประโยคสั้นๆ ไม่ควรมีเนื้อหาสำคัญอยู่ในส่วนนี้อีก เนื้อหาทั้งหมดควรอยู่ในส่วนเนื้อหา ส่วนลงท้ายควรเป็นการสรุป เน้นย้ำ หรือขอบคุณแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ จะต้องตรงกับ “เรื่อง” ดังตัวอย่างเรื่อง คำลงท้าย1) ขออนุญาต หรือขออนุมัติ ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาข. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติด้วย
จะเป็นพระคุณ
2) รายงานผลการปฏิบัติงาน ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบข. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย จะเป็นพระคุณ
3) ชี้แจงข้อเท็จจริง ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบข. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และดำเนินการ ต่อไปด้วย จะเป็นพระคุณ
4) ส่งข้อมูล ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
5) เชิญเป็นวิทยากร ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณารับเชิญด้วย
จะเป็นพระคุณข. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาเป็นวิทยากรการประชุมดังกล่าวด้วย จะเป็นพระคุณ
6) ขอความร่วมมือ หรือ ขอความอนุเคราะห์ ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดให้ความร่วมมือ
(อนุเคราะห์) ด้วย จะเป็นพระคุณ
7) ซักซ้อมความเข้าใจ ยืนยัน หรือ ให้ดำเนินการ ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและ ถือปฏิบัติต่อไปข. จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการต่อไปด้วย จะเป็นพระคุณ
8) ตอบปฏิเสธ ก. จึงเรียนมาเพื่อ (โปรด) ทราบข. จึงเรียนมาเพื่อ (โปรด) ทราบ และ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
การใช้คำนำหน้านามในหนังสือราชการ
การใช้คำนำหน้านามหรือนำหน้าชื่อในหนังสือราชการเอกสารราชการหรือเอกสารอื่นใดที่เป็นทางการมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและปฏิบัติต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแต่มีผู้ที่ไม่รู้และปฏิบัติเรื่องนี้ไม่ถูกต้องเป็นจำนวนมากผู้เขียนจึงขออธิบายให้ความกระจ่างแก่ทุกท่านจะได้ไม่เป็นที่ถกเถียงกันต่อไปการใช้คำนำหน้านามหรือนำหน้าชื่อในหนังสือราชการจะต้องถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณพุทธศักราช 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดพอจะสรุปได้ดังต่อไปนี้1. หากผู้ใช้เป็นบุคคลธรรมดาให้ใช้คำนำหน้านามว่านายนางนางสาวตามปกติ2. หากผู้ใช้มีฐานันดรศักดิ์ (เชื้อสายราชสกุล) ให้ใช้คำนำหน้าตามสิทธิ์เป็นต้นว่าหม่อมหลวงหม่อมราชวงศ์หม่อมเจ้า3. หากผู้ใช้เป็นผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทำให้มีคำนำหน้านามว่าคุณคุณหญิงและท่านผู้หญิงให้ใช้เป็นคำนำหน้านามตามที่ได้รับพระราชทาน4. หากผู้ใช้เป็นผู้มีตำแหน่งทางวิชาการได้แก่ผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์และศาสตราจารย์รวมถึงคำต่อท้ายตำแหน่งดังกล่าวคือพิเศษกิตติคุณหรือเกียรติคุณให้ใช้เป็นคำนำหน้านามได้ตลอดไปทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นคำนำหน้านามพุทธศักราช 25365. หากผู้ใช้เป็นผู้มียศทหารหรือตำรวจให้ใช้คำนำหน้านามตามชั้นยศของตนเช่นพลเอกพลตำรวจโทพันเอก (พิเศษ) นาวาตรีร้อยเอกเรืออากาศโทนายดาบตำรวจจ่าสิบเอกพันจ่าตรี ฯลฯ อย่างไรก็ตามมีข้อห้ามหรือข้อพึงระวังในการใช้คำนำหน้านามหรือนำหน้าชื่อในหนังสือราชการเอกสารราชการหรือเอกสารอื่นใดที่เป็นทางการ ดังนี้1. งดใช้คำย่ออักษรย่อหรือตัวย่อเช่นผู้ว่า - ผวจ. แพทย์-น.พ. รศ. ม.ร.ว. ให้ใช้คำเต็มเท่านั้น2. งดใช้คำฯพณฯ (พะ-นะ-ท่าน) เพราะมีข้อกำหนดให้เลิกใช้ไปแล้วยกเว้นใช้ในการพูดเพื่อให้เกียรติสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในตำแหน่งตามที่กำหนดให้มีสิทธิ์ใช้รวมถึงเอกอัครราชทูตหรือใช้ในกิจการต่างประเทศ3. งดใช้คำนำหน้านามที่เป็นคำแสดงถึงวิชาชีพหรืออาชีพเช่นนายแพทย์เภสัชกรทันตแพทย์สัตวแพทย์ครูทนายโหรฯลฯ4. งดใช้คำดร. (ด๊อกเตอร์) นำหน้าเพราะเป็นคำที่แสดงคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกเท่านั้นไม่ใช่คำนำหน้านามหรือนำหน้าชื่อที่ใช้ในราชการอนึ่งการใช้คำดร. สามารถใช้ได้ในการเรียกขานเพื่อให้เกียรติหรือใช้ในเอกสารอื่นที่ไม่เป็นทางการได้โดยมากพบในแวดวงทางวิชาการเช่นศาสตราจารย์ดร.สุจริตเพียรชอบหากจะใช้ในหนังสือราชการเช่นการลงนามท้ายหนังสือจะใช้ว่าศาสตราจารย์สุจริตเพียรชอบเท่านั้นทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เคยมีหนังสือแจ้งเวียนเพื่อซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวแล้วทั้งยังกำชับให้ใช้คำดร. เฉพาะผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกโดยตรงโดยให้งดใช้กับผู้ที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์5. กรณีที่ผู้ใช้มีคำนำหน้านามหลายอย่างให้เรียงลำดับโดยเริ่มจากตำแหน่งทางวิชาการยศและฐานันดรศักดิ์ตามลำดับอาทิ ศาสตราจารย์พลตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช ศาสตราจารย์ร้อยตำรวจเอกปุระชัยเปี่ยมสมบูรณ์เป็นต้นประเภทของหนังสือราชการ มี 6 ชนิด คือ 1. หนังสือภายนอก 2. หนังสือภายใน 3. หนังสือประทับตรา 4. หนังสือสั่งการ (คำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ) 5. หนังสือประชาสัมพันธ์ (ประกาศ แถลงการณ์ และข่าว) 6. หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ (หนังสือรับรอง รายงานการประชุม บันทึก และ หนังสืออื่น) ชั้นความเร็ว 3 ประเภท - ด่วน
- ด่วนมาก จะประทับ “ตราสีแดง” ไว้ที่มุมซ้ายบนของหน้าแรก และหน้าซองหนังสือ - ด่วนที่สุด ชั้นความลับ 3 ชั้น - ลับ - ลับมาก จะประทับ “ตราสีแดง” ไว้กึ่งกลางหน้ากระดาษทั้งด้านบนและด้านล่างทุกหน้าของเอกสาร
- ลับที่สุด และหน้าซองเอกสาร
โครงสร้างหนังสือติดต่อราชการ มี 4 ส่วน 1. ส่วนหัวหนังสือ 2. ส่วนเหตุที่มีหนังสือไป 3. ส่วนจุดประสงค์ที่มีหนังสือไป 4. ส่วนท้ายหนังสือ
บทกล่าวนำ
เร้าใจ
ไม่มีความเห็น