สมรรถนะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตอนที่ 2-1 องค์ความรู้จากการศึกษาทฤษฎีความสามารถ
(Competency-Based Approach to Human Resource Development)
ดร.ชัชรินทร์ ชวนวัน ข้าราชการบำนาญ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา, 2562
…………………………………
ตอนที่ 2-1 สรุปองค์ความรู้ที่ควรได้จากการศึกษาทฤษฎีความสามารถ
จากการนำเสนอ เรื่อง Competency และการนำไปใช้ประโยชน์ ตอนที่ 1 ควรได้รับองค์ความรู้จากการศึกษาทฤษฎีความสามารถ ได้แก่
ประวัติความสามารถ (History of Competencies)
-1953 David McClelland เสนอลักษณะของมนุษย์ที่เขาเรียกว่า ความสามารถ- competence
-1959 Robert White และปีต่อมา McLagan, Richard Boyatzis, Signe Spencer และ David Ulrich ได้พัฒนาแนวคิดของ "ความสามารถ- competencies " ขึ้นเพื่อการอยู่รอดขององค์กรและความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
-1973 David McClelland พบว่าตัวทำนายที่ดีที่สุดของการปฏิบัติงานที่โดดเด่นและเป็นรากฐานที่ยืนยงของลักษณะส่วนบุคคล เรียกว่า competencies
-1982 Richard Boyatzis กำหนด competency เป็นลักษณะพื้นฐานของบุคคลซึ่งส่งผลในประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในงาน
-1993 Spencer and Spencer ให้นิยาม competency เป็นลักษณะพื้นฐานของบุคคลกับสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์อ้างอิงที่มีประสิทธิภาพและความเป็นเลิศที่เหนือกว่าในงานหรือสถานการณ์
-1997 Strebler et al เป็นต้นมา คำว่า competence and competency มีวิวัฒนาการในการใช้งานโดยให้ความหมายว่า หมายถึงสถานะหรือคุณภาพของความสามารถและความเหมาะสม
นิยามและความหมายของความสามารถ
Competency มีต้นกำเนิดมาจากคำว่า 'competentia' ในภาษาละตินซึ่งหมายความว่า "ได้รับอนุญาตให้ตัดสิน"
โดยทั่วไปคำว่า " competency/competencies " ถูกใช้เพื่ออ้างถึงความหมายที่แสดงออกเป็นพฤติกรรมที่บุคคลต้องการแสดงออก ในขณะที่คำว่า " competence " ได้ถูกใช้เพื่ออ้างถึงความหมายที่แสดงเป็นมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Hoffmann, 1999) .
คำจำกัดความที่แพร่หลายที่สุดของความสามารถที่ใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เป็นของ Campion (2011) และ Shippmann (2000) ตามที่นักวิจัยเหล่านี้กำหนด คือ ความสามารถเป็นลักษณะของแต่ละบุคคลรวมถึงความรู้ ทักษะ ความสามารถ ภาพตนเอง ลักษณะ นิสัย ความรู้สึก และวิธีคิด ซึ่งเมื่อใช้กับบทบาทที่เหมาะสมจะบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ ความสามารถมีส่วนช่วยในการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่สร้างผลกระทบที่สมเหตุสมผลต่อผลลัพธ์ขององค์กร(Campion และคณะ, 2011; Shippmann และคณะ, 2000)
-Competency มีคำแปลโดยพจนานุกรมทั่วไปว่า “ความสามารถ” สำนักงาน ก.พ.ประเทศไทย เรียกชื่อเป็น สมรรถนะ
ความสามารถ (Competency) ยังมีผู้ให้นิยามและความหมายไว้อย่างหลากหลาย ตามแหล่งทรัพยากร บริบทและระเบียบที่พิจารณา (สังคมวิทยา การจัดการองค์กร จิตวิทยา ฯลฯ ) และวัตถุประสงค์
ทรัพยากรพื้นฐานของความสามารถ มี 3 ประเภท
1. ความรู้ (knowledge) คือ สิ่งที่เราได้มาและเก็บเป็นสติปัญญา เกี่ยวข้องกับทุกสิ่งที่สามารถเรียนรู้ในระบบการศึกษาหรือทุกอย่างที่ต้องมีการสอนเบื้องต้น ประกอบด้วย ความรู้เชิงทฤษฎี (theoretical knowledge) ความรู้ในสิ่งที่มีอยู่ (knowledge on existing things) และความรู้เกี่ยวกับขั้นตอน(procedural knowledge)
2. ความรู้วิธีการ (know how) คือ สิ่งที่ได้มาจากการกระทำโดยการฝึกฝน เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวและสภาพการทำงาน ความหมาย คือ ทักษะการปฏิบัติงาน ความสามารถและการทดลอง รวมถึงความรู้อย่างเป็นทางการ การทำงานขั้นตอนและความรู้เชิงประจักษ์ ซึ่งประกอบด้วยความรู้ด้านปฏิบัติการที่ยากและขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและสอดคล้องกับเทคนิค สัญชาติญาณ, ความรู้โดยปริยาย, ความสามารถ, ความสามารถพิเศษ ฯลฯ
3. พฤติกรรม (Behaviors) คือ ลักษณะ คุณสมบัติ คุณภาพและทัศนคติของมนุษย์ ซึ่งนำพาให้บุคคลแสดงหรือตอบโต้ในวิธีการภายใต้สถานการณ์บางอย่าง โดยการปรับสภาพความรู้และความรู้ทางในทางปฏิบัติ รวมถึง ตัวอย่างคือความคิดริเริ่มความดื้อรั้น ความคิดสร้างสรรค์ความมั่นใจในตนเองการสื่อสารความอยากรู้ ฯลฯ
โครงสร้างทรัพยากรพื้นฐานของความสามารถ ทั้ง 3 ประการนี้ ในบางแห่งกำหนดความสามารถเป็น 2 ประเภท คือ
1.ความสามารถแข็ง (Hard Competencies) ประกอบด้วยทรัพยากรพื้นฐานและเทคนิคทั่วไปที่ จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน แสดงออกในแง่ของ (KSA) ได้แก่ ความรู้(knowledge) ทักษะ (skills) และความสามารถ (ability)
2.ความสามารถอ่อน (Soft Competencies) ประกอบด้วยส่วนที่สอดคล้องกับพฤติกรรมส่วนบุคคลลักษณะส่วนบุคคลและแรงจูงใจ เช่น ความสามารถในการชี้แนะจูงใจและมีอิทธิพลต่อบุคลากรเพื่อตอบสนองเป้าหมายองค์กรและการทำงานกับผู้อื่น มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัย ความซื่อสัตย์ ความโน้มน้าวใจการปรับตัว ฯลฯ
แนวคิดความสามารถ (Concept of competency)
ความสามารถมีองค์ประกอบหลักห้าประการ (Tucker and Cofsky, 1994) คือ
ความรู้-knowledge |
ทักษะ-Skills |
แนวคิด-Self Concepts |
นิสัย-Traits |
แรงกระตุ้น-Motives |
ความสามารถ Competency |
พฤติกรรมสำคัญ Critical Behavior |
ผลลัพธ์/ประสิทธิภาพ Performance |
หมายเหตุ มีภาพประกอบในไฟล์แนบ
1) ความรู้ (knowledge) หมายถึง ข้อมูลจากประสบการณ์ทำงานและการเรียนรู้ของคน
2) ทักษะ (Skills) หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการทำงาน
3) แนวคิดและคุณค่าของตนเอง (Self Concept) หมายถึง ทัศนคติ ค่านิยมและภาพลักษณ์ของบุคคล
4) ลักษณะนิสัย (Traits) หมายถึง ลักษณะทางกายภาพและการตอบสนองที่สอดคล้องกับสถานการณ์
5) แรงจูงใจ (Motives) หมายถึง อารมณ์, ความต้องการทางสรีรวิทยาหรือแรงกระตุ้นการดำเนินงาน
บริบทของความสามารถ (The context of a competency)
ความสามารถ จะถูกแสดงออกมาเสมอโดยอ้างอิงกับบริบทที่กำหนด บริบทความสามารถเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่มีการตั้งค่าความสามารถ ที่แสดงให้เห็นถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดที่ความสามารถในการระดมกำลัง มีลักษณะทางกายภาพหรือไม่มีสาระสำคัญของระบบที่จะศึกษา บริบทความสามารถสามารถถูก จำกัด ให้กับระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก ความสามารถสามารถตอบสนองต่อบริบทของบริบทหรือใช้เพื่อระดมกำลัง เช่น เพื่อใช้เครื่องมือในการซ่อมเครื่องซึ่งบริบทของความสามารถจะมีอิทธิพลต่อทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติภารกิจ เช่น บริบทในการซ่อมแซมเครื่องจักรที่สำคัญนั้นจะแตกต่างจากบริบทในการซ่อมเครื่องหลายเครื่อง เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของความสามารถ- The objective of a competency
ความสามารถนั้นสัมพันธ์กับการบรรลุภารกิจหนึ่งภารกิจ หรือมากกว่านั้น หรือเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งเป้าหมาย ภารกิจ หรือ งาน (missions or tasks) นั้น ถือเป็นวัตถุประสงค์ของความสามารถ
ปัจจุบันนี้คำจำกัดความของแนวคิดความสามารถ จะมีความเสถียรมากขึ้นและเข้าหาคำจำกัดความต่อไปนี้ :
ความสามารถ (Competency) เป็นผลของการรวมและนำเข้าสู่ของทรัพยากร (เช่นความรู้ ความรู้วิธีการและพฤติกรรม) ภายใต้บริบทที่กำหนดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือบรรลุภารกิจที่ระบุ
จากการศึกษาของ COMMONCV สรุปว่า ความสามารถเป็นชุดของทรัพยากร (ความรู้ พฤติกรรมและ / หรือความสามารถพื้นฐาน) ซึ่งระดมกำลังเข้าด้วยกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเพื่อปฏิบัติภารกิจในบริบทเฉพาะ กระบวนการทางปัญญาของการนำไปสู่การแสดงออกความสามารถไม่ได้รับการพิจารณาในคำนิยามข้างต้น และนอกจากนี้ ความรู้ ถือเป็นความสามารถที่มีทรัพยากรน้อยหรือไม่มีเลยที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
ในบริบทนี้คำจำกัดความของความสามารถ จะขึ้นอยู่กับ กลุ่มทั้ง 5 กลุ่ม ต่อไปนี้
Ci = (K , B , C , A , o)
K คือชุดของความรู้ที่จำเป็นสำหรับ Ci องค์ประกอบ Ki ของชุดนี้อาจเป็นทฤษฎีหรือขั้นตอน
B คือชุดของพฤติกรรมที่จำเป็นสำหรับ Ci
C คือชุดของความสามารถพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับ Ci องค์ประกอบ Ci ของชุดนี้สอดคล้องกับความรู้ (เป็นทางการหรือเชิงประจักษ์) ซึ่งในงานของเราถือว่าเป็นความสามารถที่สมบูรณ์
A คือชุดของลักษณะที่กำหนดบริบทของ Ci สามารถพิจารณาแง่มุมได้หลายประเภท: ด้านสังคมและองค์กรด้านเศรษฐกิจด้านกายภาพซึ่งรวมถึงเครื่องจักรและเทคโนโลยีด้านข้อมูล ฯลฯ
O คือวัตถุประสงค์ (ไม่ใช่ชุดของวัตถุประสงค์) วัตถุประสงค์นี้สามารถสอดคล้องกับภารกิจในการดำเนินการหรือภารกิจเพื่อให้บรรลุ
กลุ่มทั้ง 5 กลุ่ม นี้ระบุว่าความสามารถถูกกำหนดโดยชุดของชุดของทรัพยากร ความรู้ พฤติกรรม และสมรรถนะพื้นฐาน (K, B และ C) ซึ่งก็คือ การรวมเข้าด้วยกันในบริบทเฉพาะเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามบริบท (A) (เปรียบเทียบรูปที่ 1) เมื่อความสามารถอยู่ที่ระดับต้น (เช่นความรู้วิธีการ) ชุด K, B และ C ก็ไม่จำเป็น (สามารถว่างได้) เมื่อความสามารถสอดคล้องกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ ความรู้วิธีการ และชุด K, B และ C จะไม่แน่นอน ในที่สุดเมื่อความสามารถเป็นระดับสากล ชุด A-บริบท ก็ไม่จำเป็นต้องมี (หรือว่างเปล่าได้)
Resource [Knowledge (k), Behavior (B), Basic competencies (C)] |
Competency for Objective (o) |
in Context(A) |
หมายเหตุ มีภาพประกอบในไฟล์แนบ |
จากภาพ สามารถใช้อธิบายถึงองค์ประกอบของความสามารถที่นำไปสู่การศึกษา การได้มาของความสามารถ (Acquisition of Competency) และการกำหนดโมเดลความสามารถ (Developing Competency Model) เพื่อใช้ประโยชน์ในงานบริหารทรัพยากรมนุษย์...ซึ่งจะนำเสนอในโอกาสต่อๆไป
บทวิเคราะห์
ความสามารถ (Competency) มีการกำหนดรายการและให้นิยามและความหมายความสามารถ (Competency list and Definition and Meaning) ไว้มากมายหลากหลาย เท่าที่ศึกษาจาก Internet มีจำนวนความสามารถมากถึงประมาณ 35 ล้านรายการ ดังนั้น ผู้ที่สนใจศึกษาจึงควรพิจารณาเลือกใช้รายการความสามารถให้เหมาะสมกับเป้าหมายภารกิจ วัตถุประสงค์ และบริบทของงานและอาชีพของตน
1.ความสามารถ คือ การรวมกันของความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะส่วนบุคคลที่สามารถสังเกตได้และสามารถวัดผลได้ ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและส่งผลให้เกิดความสำเร็จขององค์กร
2. เพื่อให้เข้าใจนิยาม ความหมายความสามารถว่าเป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นที่จะต้องมีการกำหนดองค์ประกอบต่างๆของความสามารถ ได้แก่
2.1 ความรู้ (Knowledge) คือ การรับรู้ข้อเท็จจริง ความจริงและหลักการที่ได้จากการฝึกอบรมและ / หรือประสบการณ์ที่เป็นทางการ การประยุกต์และการแบ่งปันฐานความรู้ของคนมีความสำคัญต่อความสำเร็จของแต่ละบุคคลและองค์กร
2.2 ทักษะ(Skills) คือ ความสามารถที่พัฒนาขึ้นหรือเป็นความชำนาญในการปฏิบัติการทางจิตหรือกระบวนการทางกายภาพที่มักได้รับจากการฝึกอบรมเฉพาะทาง การใช้ทักษะเหล่านี้ส่งผลให้การทำงานสำเร็จและมีประสิทธิภาพ
2.3 ความสามารถ (Ability) คือ พลังหรือความถนัดในการทำกิจกรรมทางร่างกายหรือจิตใจที่มักจะเกี่ยวข้องกับอาชีพเฉพาะ เช่น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แคลคูลัส และอื่น ๆ แม้ว่าองค์กรอาจมีความเชี่ยวชาญในการวัดผลลัพธ์ ทักษะและความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานขององค์กร แต่อาจละเลยในการรับรู้ความสามารถหรือความถนัดของพนักงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่นอกการออกแบบงานแบบดั้งเดิม
2.4 คุณสมบัติส่วนบุคคล (Attribute) คือ คุณสมบัติคุณภาพหรือลักษณะของบุคคล ที่สะท้อนถึงการแสดงออกเฉพาะบุคคล คุณลักษณะส่วนบุคคลถูกมองว่าเป็นการพัฒนาทางพันธุกรรมหรือได้มาจากประสบการณ์ชีวิตที่สะสม ถึงแม้ว่าลักษณะส่วนบุคคลเป็นองค์ประกอบส่วนตัวที่สุด แต่การวิจัยพบว่า คุณสมบัติส่วนบุคคลมีความสำคัญมากที่เชื่อมโยงลักษณะบุคลิกภาพที่เฉพาะเจาะจงกับบุคคลและประสบความสำเร็จขององค์กร
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อนำความสามารถไปใช้ประโยชน์
1. ความสามารถ ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อปรับระดับประสิทธิภาพพื้นฐาน แต่ความสามารถสร้างขึ้นเพื่อจะใช้ยกระดับการปฏิบัติงานของพนักงาน การจัดทำแผนที่ความสามารถจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถแก่พนักงานเพิ่มขึ้น
2. ความสามารถ มุ่งเน้นไปที่วัฒนธรรมและค่านิยมขององค์กร ดังนั้น องค์กรอาจเลือกชุดความสามารถที่ไม่ซ้ำกันหรือใช้การรวมกันของความสามารถที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกตามภารกิจของความสามารถนั้น
3.ความสามารถ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ขององค์กร ดังนั้น ความสามารถที่จะกำหนดขึ้นจะต้องสอดคล้องกับภารกิจและเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวขององค์กร
4. ความสามารถ มุ่งเน้นไปที่ วิธีการบรรลุผล มากกว่า ผลลัพธ์สุดท้าย ดังนั้น องค์กรจึงควรเชื่อมช่องว่างระหว่างการจัดการประสิทธิภาพและการพัฒนาพนักงาน และกำหนดให้เป็นองค์ประกอบสำคัญของแผนการพัฒนาส่วนบุคคล
5. ความสามารถ ช่วยปิดช่องว่างทักษะภายในองค์กร
6. ข้อมูลความสามารถ จะใช้สำหรับการพัฒนาพนักงาน การชดเชยการเลื่อนตำแหน่ง การฝึกอบรม และการตัดสินใจเลือกจ้างใหม่ ดังนั้น การกำหนดองค์ประกอบความสามารถจึงต้องมีรายละเอียดเพียงพอกับการนำความสามารถไปใช้ประโยชน์
..............................................
ตอนต่อไป จะนำเสนอตอนที่ 2-2 เรื่อง การได้มาของความสามารถ (Acquisition of Competency)
ไม่มีความเห็น