ผมเคยเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสมรรถนะไว้นานมาก ปัจจุบันเกษียณแล้วและได้ศึกษาค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง Competency ไว้พอสมควร จึงนำมาเสนอเพื่อผู้สนใจได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เนื้อหาประกอบด้วย
1.Competency และแนวคิดเชิงทฤษฎี
2.การได้มาซึ่ง Competency หรือ การกำหนดกรอบความสามารถ (Competency Framework)
3.การสร้างโมเดลสมรรถนะ (Competency Model)
4.การใช้ประโยชน์จาก Competency Model)
5.การวิจัยที่เกี่ยวกับสมรรถนะ
ตอนที่ 1 Competency และแนวคิดเชิงทฤษฎี
บทนำ-แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับสมรรถนะ
ความเป็นมาของสมรรถนะ (Competency)โดยสังเขป
ความสามารถมีต้นกำเนิดมาจากคำว่า 'competentia' ในภาษาละติน
ค.ศ.1920 Frederick Taylor บิดาด้านวิทยาศาสตร์การจัดการ มีคำกล่าวว่า “ A primary concern of management was employees’ individual differences.”
ค.ศ.1954 John Flanagan (1954, อ้างถึงใน David D.Dubois,2004) สร้างหลักเกณฑ์และเทคนิคการสัมภาษณ์และการวิเคราะห์เหตุการณ์สำคัญเพื่อตรวจสอบทักษะบุคคลเข้าทำงาน ชื่อว่า Critical Incident Technique (CIT) แต่ขณะนั้นยังไม่ได้ใช้ศัพท์คำว่า Competency
ค.ศ.1959 Robert White (1959, อ้างถึงใน David D.Dubois,2004) กำหนดคุณลักษณะบุคคลขึ้น เรียกว่า “ Competence”
ต่อมา McLagan, Richard Boyatzis, Signe Spencer และ David Ulrich ได้พัฒนาแนวคิดของ "ความสามารถ (concept of ―competencies) เพื่อการอยู่รอดและความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนขององค์กร
ค.ศ.1973 David McClelland ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Harvard ได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งสมรรถนะ (Father of Competencies) เป็นผู้คิดค้นคำว่า Competency ขึ้น และให้ความหมาย Competency ไว้ว่า (“ Competency is a basic personal characteristic that are determining factors for acting successfully in a job or situation”)
ค.ศ.1993 Spencer and Spencer ได้ขยายความหมายและอธิบายคำว่า สมรรถนะ ว่า เป็นคุณลักษณะพื้นฐานของส่วนบุคคลที่เป็นสาเหตุให้เกิดประสิทธิผลหรือผลงานที่ดีในงานหรือสถานการณ์ (a competency as "an underlying characteristic of an individual that is causally related to criterion-referenced effective and/or superior performance in a job or situation)
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดสมรรถนะ จากบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกมาก เช่น George Klemp, Richard Boyatzis ,David D. Dubois and Rothwell ,C.K. Prahalad และGary Hamel ,Flannery, Hofrichter, and Platten ,Daniel Goleman ,Militello and Schwalberg
สำหรับประเทศไทยได้มีการนำแนวความคิดสมรรถนะ มาใช้โดย สำนักงานก.พ. ได้ว่าจ้างบริษัท Hay Group เป็นที่ปรึกษาในการประยุกต์แนวความคิดนี้มาใช้ในการพัฒนาข้าราชการพลเรือน ในระยะแรกได้ทดลองนำแนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยยึดหลักสมรรถนะ (competency -based human resource development) มาใช้ในระบบการสรรหาผู้บริหารระดับสูง(SES) และกำหนดสมรรถนะของข้าราชการในระบบราชการไทย
ผู้สนใจ ควรทำการศึกษาเพิ่มเติมจากแนวคิดสมรรถนะ หรือความสามารถ จากแหล่งข้อมูลดังกล่าว จะทำให้มีความเข้าใจในแนวคิดและความหมายของสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ มากยิ่งขึ้น ซึ่งในครั้งต่อๆไป จะนำเสนอในประเด็นสำคัญๆ ที่ให้หัวข้อไว้ข้างต้น.
ไม่มีความเห็น