สมุย ๒๕๖๒


เชือกโยงหัวเรือถูกดึงจนตึง นั่นมันทำให้เรือลำใหญ่เคลื่อนที่ไปด้านหลัง ส่วนท้ายเรือเริ่มเบ้ออกจากท่า และเมื่อได้ระยะที่เหมาะสม เชือกเส้นนั้นก็ถูกหย่อนลงอย่างรวดเร็ว พนักงานที่อยู่บนท่าเทียบเรือจึงสามารถปลดเชือกออกจากหลักได้ และเมื่อนั้น เรือลำใหญ่จึงเป็นอิสระ
............................

การเดินทางครั้งล่าสุดของผมเริ่มจากการยื่นใบลาพักร้อน แล้วก็ต่อรองกับเมียว่าจะพาน้องจ้าให้ไปสมุยด้วยกัน แต่งานนี้ผมแพ้ด้วยเพราะภาระการเรียนของลูก ทำให้ผมต้องขับรถมาลงเรือเพียงคนเดียว

มาสมุยรอบนี้แทบไม่ต้องเสียเงินสักบาท

เริ่มจากการจองคิวลงเรือตามเวลา ก็มีพี่สะใภ้ชาวหมู่บ้านท้องกรูดจัดการให้ เธอชื่อ “สารภี” สตรีที่ทำกับข้าวเก่งที่สุด รับแขกเก่งที่สุด กว้างขวางที่สุด เธอจ่ายค่าลงเรือให้ผมเรียบร้อยทั้งไปและกลับ หน้าที่ของผมคือขับรถมาให้ทันลงเรือรอบเที่ยง นั่นหมายความว่ารถต้องมาถึงท่าเรือที่ดอนสักก่อน ๑๑.๓๐ น.

มันเฉียดฉิวมาก เพราะหลังจากส่งน้องจ้าเข้าโรงเรียน ต้องฝ่าดงรถติดช่วงก่อนออกจากหาดใหญ่ และติดไฟแดงถี่ยิกๆบนถนนสายร่อนพิบูลย์เข้าเมืองนครศรีฯ

เรือออกตรงเวลา และถึงตรงเวลา คือบ่ายโมงครึ่ง 

เกาะสมุยไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก หรือมันจะถึงจุดสูงสุดของการก่อร่างสร้างตัวไปแล้ว ผมลดกระจกรถลงแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนเหลือเกิน

“โฮ่งๆๆๆ” มาเป็นชุดๆ นี่ไม่ใช่เสียงหมา แต่เป็นเสียงผมสำลักควันรถคันข้างหน้า บ้าจริง! ลืมไป นี่ผมยังอยู่ในตัวเรือในระวางจอดรถ ผมกำลังจะเหยียบสมุยในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว 

“สตาร์ทรถ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และยังไม่กดล็อคประตู”

ทำไมเหรอ?

ก็หากรถผมตกน้ำ จะได้หนีออกได้ไง อย่าเพิ่งขำผมนะครับ ผมทำอย่างนั้นจริงๆ เค้าเรียกว่า safety concern 

ขึ้นจากเรือ ผมเบี่ยงรถไปทางทิศเหนือก่อนเพื่อกินข้าวมื้อเที่ยงที่บ้านเพื่อน ออ..ตอนนี้ผมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วนะครับ และประตูรถก็ล็อคโดยอัตโนมัติ

“เจ้าสัวโต” เตรียมกับข้าวไว้รอผมมากมาย ปูม้าและกุ้งนึ่ง ผัดหอยลาย แกงกะทิเห็ดหลุบ ต้มยำปลา ปลานึ่ง หอยแมลงภู่อบ และแตงโม

“ช่วงนี้น้ำใหญ่ครับแป๊ะ หาหอยเจาะไม่ได้” เขากำลังหมายถึงหอยนางรมตามโขดหินที่ชาวบ้านจะไปเจาะกระเทาะเอามาเฉพาะเนื้อหอย มันจึงถูกเรียกว่า “หอยเจาะ” หรือ”หอยจอก” จากนั้นนำมาดองไว้สักระยะ เอามายำ แล้วนำมากินกับข้าวสวยร้อนๆ เขารู้ว่าผมชอบ แต่รอบนี้อด

“เห็ดหลุบ” ชื่อเป็นเห็ด แต่มันคือสัตว์ทะเลในกลุ่มซีเลนเธอราต้า ไฟลัมลำดับที่ ๒ ในอาณาจักรสัตว์ เนื้อมันกรุปๆ คล้ายเนื้อหอยเด้งๆ อร่อยชะมัด แกงจานนั้น ผมกวาดกินเนื้อเห็ดหลุบจนเกือบเกลี้ยง

กว่าจะกินกันเสร็จก็ล่วงไปเกือบ ๓ โมง ผมต้องออกเดินทางต่อ โดยมีหมุดหมายสำคัญอยู่ที่หาดบ่อผุด
“BAR Baguette” โดยมี “คุณอ้อ” รอต้อนรับอยู่ เธอเป็นเพื่อนของเมีย

ใช่ครับ ร้านนี้เป็นของเธอ 

กาแฟเย็นผสมน้ำผลไม้และน้ำหวานหลายชนิดที่มีรสชาติกลมกล่อม มันชื่อ “แจ็ค สะแปโร่” เอ๊ะ..หรือ โจ้ สะแปแร็ก ก็ชักจะงง
“เฟร้นช์ โท้ส ราดคาราเมลและกล้วยหอม” รสชาติลงตัว เค้าใช้ขนมปังสีเหลืองนวล ชุบไข่แล้วทอด จากนั้นก็ราดคาราเมลลงไป
“บาร์เก็ต ปาดด้วยถั่วขาวในซ๊อสมะเขือเทศ” 
“ครัวซอง”
“กาแฟโคลด์บริว” ที่เค้าแช่กาแฟในน้ำมะพร้าวทิ้งไว้ข้ามคืน อาฟเตอร์เทสต์มีกลิ่นมะพร้าวติดหอมละมุนลิ้น

ทั้งหมดนี้คือขนมหวานใน Bar Baguette ที่ผมนั่งละเลียดนิดๆหน่อยๆ แต่เป็นจริงเป็นจัง

พุงแทบแตก!

กว่าจะออกตัวขับรถมาถึงหาดเฉวงได้ก็ราวเกือบสี่โมงครึ่ง

คืนนี้ผมจะนอนที่ The Library Samui รีสอร์ทที่มีสระน้ำสีแดงในตำนาน (ในตำนานของน้องจ้าและพี่แป้ง)

น้องๆเจ้าของเรือนจัดการให้ผมนอนในห้องชุดโซนที่เปิดใหม่ Chapter 9 คือห้องที่ผมจะสิงในค่ำคืนนี้

สระว่ายน้ำสีเขียวในห้องและอ่างจากุซชี่ที่วางอยู่ด้านในมันลงตัว ด้านบนถูกปกคลุมด้วยกิ่งหูกวางแผ่มาเกือบครึ่งตึก ผมนึกไปถึงช่วงเวลาที่มันผลัดใบเป็นสีแดงทั้งต้น มันน่าจะสวยและโรแมนติกมาก

ที่นี่ผมชอบส้วม เพราะสุขภัณฑ์มันฉีดตูดได้เหมือนนั่งขี้อยู่ที่ญี่ปุ่น

อาหารมื้อเย็นถูกจัดการโดยเจ้าบ้านเช่นเคย 
แกงกะทิปลาอะไรสักอย่าง หมูสามชั้นหวาน แกงจืดซี่โครงหมู และยกย้วน มันคือหมูสับที่ผสมเห็ด ไข่เค็ม เครื่องเทศ ปั้นเป็นก้อนๆ แล้วนึ่ง รสชาติเป็นอย่างไรผมไม่แน่ใจนัก เพราะตอนนั้น ท้องมันยังไม่ยุบบวมจากมื้อเที่ยงและมื้อว่างที่ผ่านมา เรียกได้ว่า กินแบบแกนๆ อึนๆ แต่ก็แปลกที่กับข้าวตรงหน้าหมดทุกจาน

ไวน์และเบียร์ถูกเสิร์ฟ

ร่ำแอลกอฮอล์จนเริ่มดึก ผมจึงเดินไปตักขนมจีนราดด้วยน้ำแกงกะทิมากิน

โอว...ผมจำรสชาติขนมจีนสมุยได้ เมืองที่ไม่เคยขาดแคลนมะพร้าว น้ำยากะทิจึงมันข้น ใช่เลย มันอร่อยจริงๆ ผมซัดไป ๒ จาน แทบจะเลียก้นชามด้วยซ้ำ

ยังครับ วันนี้ยังคงไม่จบ เพราะผมต้องลงสระ ว่ายน้ำให้เหนื่อยสักนิด ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองให้อยู่ในโหมดที่พร้อมจะนอนหลับต่อไป
..............

“มาสมุยอย่านอนตื่นสาย” เสียงปลุกดังขึ้นมาในหัว เพราะหน้าหาดเฉวงที่ผมนอนอยู่นั้นมันหันออกไปทางทิศที่ดวงตะวันขึ้น

วิ่งสิครับ จะรออะไร วิ่งตีนเปล่าบนชายหาดสมุยมันออกจะฟิน แต่ฟินได้ไม่ถึงสามกิโลครึ่งก็เกือบตายไป เพราะชายหาดมีความลาดเอียงสูง หน้าหาดหดสั้นเพราะช่วงนี้ “น้ำใหญ่” และทรายมันนุ่มตีนจนเกินไป ย่ำเท้าแต่ละทีดังสวบๆ มันดูดตีน ดูดพลังงานไปจนเกือบหมด 

ผมหอบสภาพลิ้นห้อยมาจนถึงห้องอาหาร The Page ของรีสอร์ท สั่งข้าวต้มกุ้ง ไข่ขาวผสมแซลมอนทอดเหมือนไข่ดาว สลัดผักโรยด้วยวอลนัตและเฟสต้าชี้ส น้ำมะเขือเทศ และกาแฟร้อน 
แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตต่อไป จัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย

ผมมางานแต่งงานครับ

น้องสาวซึ่งเป็นลูกของป้าผู้ที่เป็นเจ้าบ้าน เธอแต่งงานในวันนี้ งานแต่งถูกจัดขึ้นในรีสอร์ทที่ผมกำลังพักอยู่ 
“คุณแป๋ง” ผู้เป็นพี่ชาย จัดงานให้น้องสาวเป็นอย่างดี ดอกกุหลาบและกล้วยไม้สีแดงสดปริมาณมากถูกนำมาตกแต่งบริเวณงานอย่างสวยงาม
“คุณต๊อบ” ผู้เป็นน้องชายเป็นฝ่ายดูแลแขกเหรื่อและญาติๆ ไม่มีขาดตกบกพร่อง
หลานๆอีกหลายคน ก็มาช่วยกันอย่างขมีขมัน มันก็คืองานพบญาตินั่นเอง

เป็นงานแต่งงานที่คลาสสิก

แต่น่าเสียดายที่ผมต้องรีบกลับ เรือเที่ยวบ่ายโมงถูกจับจอง หลังจากที่ได้รดน้ำสังข์ให้คู่บ่าวสาวแล้ว ผมก็ขอตัวลาญาติผู้ใหญ่เพื่อกลับหาดใหญ่

สมุยยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีบางสิ่งที่รอผมอยู่ 

“..(เธอ) เสียชีวิตแล้วนะคะอาจารย์” ข้อความนี้กระเด้งขึ้นมาหาผมจากผู้เป็นพี่สาวของเธอ
“ถ้ายังไง อยากเชิญอาจารย์มาร่วมงานศพด้วยค่ะ” ข้อความยังคงถูกส่งมาต่อเนื่อง

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อราว ๒ สัปดาห์ก่อน แล้วคนไข้รายนี้ของผมก็เสียชีวิตลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้นี่เอง

“เราจะพา..ไปบำเพ็ญกุศลที่สมุยค่ะ” นั่นคือบ้านเกิดของเธอ

และนี่คือภารกิจสุดท้ายในเกาะสมุยที่ผมต้องมา

ธูปถูกจุดด้วยลูกสาวตัวเล็กของเธอแล้วส่งมาให้ผม
“ไปดีนะเธอ เห็นไหม ฉันมางานศพของเธอได้จริงๆ” ผมมองไปยังรูปภาพที่วางอยู่ เห็นภาพของเจ้าตัวในขณะที่ยังไม่เจ็บป่วยจนซูปตอบจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกขณะที่อยู่โรงพยาบาลในระยะสุดท้าย เธอสวยจัง

จากนั้นก็ต้องรีบออกรถ เพื่อมาเตรียมลงเรือให้ทัน เค้าบอกกันว่า “ในสมุยรถติด”

...............................

เมื่อเรือเป็นอิสระจากการถูกยึดโยง ใบพัดเริ่มหมุนปั่น ลำเรือเริ่มเคลื่อนถอดหลังเร็วขึ้น

เรือทักโบ๊ทลำเล็กแล่นตามออกมาช้าๆ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ทักโบ๊ทก็แล่นเข้ามาดันหัวเรือลำใหญ่ให้หันออกสู่ทะเลใหญ่

“สวัสดีสมุย แล้วค่อยมาใหม่นะ” 

ผมบอกลาสมุยเงียบๆเพียงลำพัง

มาสมุยครั้งนี้ ไม่ได้เสียตังค์สักบาท เพราะคนอื่นๆ จ่ายให้ทั้งนั้น

ได้โปรดอย่าอิจฉาหรือหมั่นไส้ผมเลยนะครับ

ธนพันธ์ ชูบุญสกุลสมุย
๘ พย ๖๒

คำสำคัญ (Tags): #สมุย#อาหาร
หมายเลขบันทึก: 673154เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 17:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 17:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท