เค้าเกิดมาเพื่อกันและกัน



“ป้าจันทร์หอมแกเกิดมามีกรรม” ผมรำพึงในใจต่อหน้าสตรีสูงวัยที่มีอายุคราวแม่ตัวเอง

“ป้าเป็นอะไรจ๊ะ ช่วยเล่าให้หมอฟังหน่อยต่ะ” ผมบอกแก

“เยี่ยวทั้งวันเลยค่ะลูกหมอ มันเยี่ยวไม่ค่อยออก และป้ารู้เลยว่ายังเยี่ยวไม่หมดด้วย” ป้าจันทร์หอมเล่าอาการมาให้ฟัง

“หมอที่โรงพยาบาลนู้นบอกว่าป้าติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ให้ยามากินมันก็ไม่หาย คราวนั้นป้าถูกใส่สายสวนปัสสาวะอยู่นานเป็นอาทิตย์” ผมพยายามนึกภาพตามแกไปเรื่อยๆ

“วันที่หมอถอดสายสวนออก ป้าก็ยังฉี่ไม่ออก เค้าเลยให้สวนฉี่ออกด้วยตัวเองทุกวัน วันละสามสี่ครั้ง”

ตามทันไหมครับ

ป้าแกบอกว่าฉี่ไม่ออก เค้าเลยต้องใช้สายยางเส้นเล็กๆ สอดจากท่อปัสสาวะให้มันไปโผล่ในกระเพาะปัสสาวะเพื่อให้ฉี่มันได้ไหลออกมา

“แล้วอะไรที่มันทำให้แกฉี่ไม่ออกวะ” ผมเริ่มตั้งต้นคิดหาสาเหตุ

“ป้าครับ ทำไมต้องนั่งรถเข็นเข้ามาด้วย” ผมถาม

“ป้าเดินไม่ถนัดค่ะลูก แขนขาด้านขวาของป้ามันไม่มีแรง” ออ..แกน่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน เลยทำให้เกิดอาการของสมองขาดเลือด ร่างกายส่วนซีกขวาจึงอ่อนแรงจริงๆ ผมทำการตรวจร่างกายเพื่อประเมินอาการอ่อนแรงนั้น และพบว่า มันมีแรงแค่ยกขึ้นมาต้านแรงโน้มถ่วงของโลกได้ไม่มาก ส่วนมือก็กำไม่ได้

“เป็นนานแล้วเหรอ” ผมคาดเดาเอาเองว่าคงไม่นานนัก

“ตั้งแต่สาวๆ อายุยังไม่ถึง ๒๐ เลยค่ะ” แกตอบมายิ้มหวานเจี๊ยบ

“หือ..ยังสาวอยู่เลยนะนั่น” ผมเผลออุทานและแสดงอาการออกมาทั้งหน้า

“นั่นสิคะ ตอนนั้นป้ากำลังเรียนหนังสือ และจู่ๆก็รู้สึกว่าตามันมืด ในหัวมันโคลงเคลง แล้วก็ไม่รู้ตัวไปเลย ตื่นมาอีกที แขนกับขาด้านนี้มันก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ มันอ่อนแรงไปเลยเกือบ ๒ เดือน จากนั้นมันก็ค่อยๆขยับได้บ้าง ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ใช้งานอะไรไม่ได้” 

ปกติ หากอาการของโรคหลอดเลือดสมองเกิดในคนที่มีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป ผมคงไม่สงสัยหรอก แต่นี่มันเกิดในคนที่อายุไม่เกิน ม.๕ เอง (เอิ่ม..สมัยแกคงยังเป็น มศ.อะไรสักอย่างสินะครับ กระทรวงศึกษาแกเปลี่ยนระบบของแกไปได้เรื่อยๆนั่นแหละ เราชาวไทยน่าจะชินกันได้แล้ว)

“ครับ” ผมคงตอบเพียงแค่นั้น และเหลือบตามองไปยังชายสูงอายุอีกคนที่เข็นรถพาป้าจันทร์หอมเข้ามา แกยิ้มฟันหลอให้ผม

“หมอตรวจป้าจันทร์หอมแล้วนะครับ ผมคิดว่ามันน่าจะมีปัญหาจากกระดูกมันไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง มันจึงทำให้ป้าฉี่ไม่ออก” ผมสรุปแทบจะในทันทีที่ตรวจภายใน เอานิ้วจิ้มล้วงเข้าไปในรูตูดเพิ่มเติมเพื่อดูการหดรัดตัวของหูรูด รวมถึงได้เอาปลายเข็มจิ้มๆบริเวณก้นและปากช่องคลอดแล้วพบว่าแกมีอาการชาบริเวณนี้ร่วมด้วย

“รูตูดหลวม ท้องผูก ตูดชา ฉี่ไม่ออก มาครบเลยนะป้า” ผมบอกแกไปโดยไม่ได้สนใจนักว่าแกจะเข้าใจในกลไกที่ผมพร่ำบ่นขึ้นมา ป้าจันทร์หอมคงอยากรู้เพียงแค่ว่าจะรักษาให้แกฉี่ออกได้อย่างไรเสียมากกว่า

“หมอคงต้องส่งตัวไปตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อยืนยันก่อนนะครับป้า เพียงแต่ตอนนี้ ป้าคงต้องฝึกสวนฉี่ไปพลางๆ” ผมส่งสัญญาณ

“ป้าจะทำได้ยังไง มือมันอ่อนแรงไปข้างหนึ่ง” แกบอก
“ก็อีกข้างหนึ่งไงครับ” ผมไม่ยอมลดราวาศอก
“ก็อีกมือหนึ่งมันมีแค่ ๓ นิ้วเอง” แล้วแกก็ยกมือข้างซ้ายขึ้นมาให้ผมดู

“เกิดมาก็ได้มาแค่นี้” ป้าจันทร์หอมยื่นมือที่มีเพียงนิ้วโป้ง นิ้วนาง และนิ้วก้อย โดยที่โคนนิ้วก้อยมันมีรอยเหมือนถูกรัดจนอดใจหายไม่ได้ว่า หากกระบวนการทำลายมันไม่หยุดไปเสียก่อนที่แกจะเกิดนั้น อีกไม่เท่าไหร่มันก็คงจะขาดตามไปด้วย
“นิ้วตีนก็ได้มาไม่ครบนะหมอ” แล้วแกก็ถอดรองเท้าเก่าๆคู่นั้น ความพิการจึงแสดงให้เห็นเต็มตา เท้าซ้ายแกมีเพียงนิ้วโป้งและนิ้งชี้

“ครับ” ผมก็ยังคงตอบไปได้แค่นั้น

“ผมช่วยได้นะหมอ หมอที่โรงพยาบาลนู้นสอนผมมาแล้ว” ชายแก่ฟันหลอคนนั้นพูดขึ้นมาหน้าตายิ้มแฉ่ง

ผมส่งยิ้มให้แล้วหันมามองป้าจันทร์หอม ซึ่งแกก็พยักหน้าตอบ

“ผมดูแลเมียมาตั้งนานแล้วครับ หมอไม่ต้องห่วง” 
ฮั่นแน่.. ผมนึกในใจ “เก่งนะลุง”

“ลุงอายุเท่าไหร่แล้วครับ” ผมถาม

“แปดสิบสามครับ แก่กว่าเมียสักสิบปี” 
“โห ได้เมียเด็กเชียวนะลุง” ผมแซว เพราะป้าจันทร์หอมในปีนี้ก็อายุได้ ๗๓ ปี

“นั่นสิ ตอนนั้นแกมาชอบเด็กสาว” ป้าแกพูดแทรกขึ้นมา

“ผู้ใหญ่เค้าจัดหาให้น่ะหมอ” ลุงบอก

“ผมน่ะ ถ้าจะหาเมียเอง ใครเค้าจะมาเอา หน้าตาก็ขี้เหร่ หลังก็หักคดเสียแบบนี้” แกหันข้างให้ผมแล้วเลิกชายเสื้อขึ้นให้ดู

ร่องรอยของอดีตมันแสดงให้เห็นรอยงุ้มของกระดูกสันหลังระดับประมาณทรวงอก

“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลุง” ผมตะลึง เพราะตรงรอยงุ้มนั้นมันแหลมเสียจนกระดูกแทบจะแทงทะลุหลังออกมาได้

“ตอนอายุห้าหกขวบ ผมไปโหนบาร์แล้วตกลงมาครับหมอ หลังหัก นอนโรงพยาบาลเป็นเดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกพอดี รักษากันตามมีตามเกิด ดีที่ยังเดินได้นะหมอนะ” แกยังคงยิ้มฟันหลอดูอารมณ์ดี

“ครับ” แปลกดี วันนี้ผมพูดได้แต่ครับเท่านั้น

“ผู้ใหญ่ของเราเค้าคงเห็นว่าผมคงหาเมียเองไม่ได้เพราะอัปลักษณ์ และจันทร์หอมก็เป็นเสียแบบนี้ คงไม่มีคนมาสู่ขอ เค้าบอกให้เราอยู่ด้วยกัน ผมจะได้เป็นคนดูแล” 
นับว่าเป็นการมองการไกลของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจริงๆ

“สมัยสาวๆ ป้าจันทร์หอมสวยมั้ยลุง” ผมมองเค้าหน้าของหญิงชราที่นั่งบนรถเข็นตรงหน้า
“สวย” แกตอบสั้นๆ
“แล้วลุงไม่กลัวที่จะต้องมาดูแลคนพิการเหรอ” ผมถามทำไมวะ
“ก็มันน่าสงสาร มันอยู่น่าเอ็นดูครับหมอ” มันก็คงจะจริงของแก เค้ารูปหน้าของป้าจันทร์หอมนั้น เข้าขั้นดูดีทีเดียว
“แล้วป้าล่ะ ตอนนั้นรักลุงมั้ย” ผมเย้า แกแบะปากแล้วหัวเราะ 

“อยู่ๆไปมันก็รักแหละหมอ” 

“ลุงแกเป็นคนขยันทำมาหากิน เราจึงอยู่กันมาได้จนถึงตอนนี้ไง หมอรู้ไหม ตอนนี้แกก็ยังทำงานอยู่เลยนะ เพียงแต่ต้องกลับมาสวนเยี่ยวให้ป้าทุกเที่ยงเท่านั้น” 

“ครับ” ผมตอบสั้นๆ พลางก้มมองต่ำ สายตาก็ยังคงไปหยุดอยู่ที่มือซ้ายอันพิการแปลกๆนั้น

“สวรรค์เค้าส่งให้ลุงกับป้ามาดูแลกันและกันสินะครับ ดูเอาเถิด ยังอุตส่าห์เหลือนิ้วนางไว้ให้” ผมพูดขึ้นมา 

ป้าจันทร์หอมพินิจมือซ้ายของแกแล้วยิ้มอ่อนๆ

“นิ้วนางมือซ้ายที่ยังเหลืออยู่ มันดูเรียวสวย”

“ป้าจันทร์หอมแกเกิดมามีกรรม” ผมรำพึงในใจ แต่ผมรู้สึกว่าแกก็ยังโชคดีกว่าผู้หญิงอีกหลายๆคนที่ผมได้เคยรู้จัก แกยังมีคนรัก แกมีคนที่รักแกมาก ดูแลกันมาเกือบทั้งชีวิต 
มันเหมือนนิ้วนางของป้าจันทร์หอมเองที่สวรรค์ยังคงเหลือไว้ให้ด้วยรูปทรงที่เรียวสวย มันยังสวยอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความพิการนานาที่สวรรค์พึงได้ทิ้งไว้ให้เช่นเดียวกัน มันสวยโดยไม่ต้องพึ่งแหวนแต่อย่างใด

ผมรู้สึกสุขใจ ว่าแล้วก็จ้วงกินหมี่ไก่กับน้องจ้าต่อไป

ธนพันธ์ ชูบุญสวรรค์ให้มากี่นิ้ววะ
๑๔ พค ๖๒

หมายเลขบันทึก: 673116เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 15:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 15:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท