อ่านหนังสือ #ชีวิตของประเทศ# บันทึกเสียงเพื่อคนตาบอด 10


     อ่านหนังสือ "ชีวิตของประเทศ" ของอาจารย์วิษณุ เครืองาม   ได้รับความรู้ในแขนงต่างๆมากมาย โดยเฉพาะ เรื่องตำรับยา ตำรับอาหารชาววัง รวมทั้ง

เรื่องอื่นๆอีกมากมาย  เรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ที่ผมเก็บตกจากหนังสือเอามาแบ่งปันกัน เพียง 3 เรื่องก่อน คือ

  #พิธีอาพาธพินาศ#

   เมื่อ พ.ศ.2363 (สมัยร.2) เกิดโรคป่วงใหญ่ระบาด(อหิวาต์) ชาวบ้านเรียก "ห่าลง" หรือ "ป่วงลง" ผู้คนล้มตายกว่าสามหมื่นคน  ที่ตายมากที่สุดคือนักโทษในคุก พระเณรที่ฉันอาหารของชาวบ้าน รวมทั้งชาวบ้าน ตลอดจนเจ้านาย ขุนนางก็ไม่เว้น  จนศพกองเป็นภูเขาเลากาตามป่าช้า ศาลาดินแทบทุกวัด โดยเฉพาะที่วัดสระเกศ วัดสำเพ็ง(วัดปทุมคงคาฯ)แร้งลงมาเกาะเต็มไปหมด เพื่อรอจิกศพที่มาทิ้งหรือรอเผา  จนมีคำที่ชาวบ้านพูดกันว่า "อีแร้งวัดสระเกศ  เปรตวัดสุทัศน์(เสาชิงช้า)" บ้านเมืองเงียบเหงา ถนนหนทาง วัดวาอาราม ร้างผู้คน  มีแต่ซากศพและเสียงร่ำไห้อาลัยไปทั่ว  ควันไฟและกลิ่นไหม้จากการเผาศพคลุ้งทั้งเมือง  ในแม่น้ำเจ้าพระยาศพและสิ่งปฏิกูลลอยเกลื่อน

    สมัยนั้นความรู้ทางสาธารณสุขยังไม่มี จึงรักษาให้บรรเทากันตามมีตามเกิด เช่น เอาการบูร ต้มกับน้ำไพล หรือน้ำตะไคร้ ให้คนไข้กิน   ยารักษาที่สำคัญคือยามหาอาวุธ ที่ต้มจากกระชาย มะรุม ขิง ข่า กระเทียม ดีปลี พริกไทย สมอทะเล และไพล แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคได้ 

รัชกาลที่ 2 ทรงโทมนัสมาก จึงโปรดให้ทำ "พิธีอาพาธพินาศ" หรือ "พิธีอาฏานา"  ตั้งพิธีที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท คล้ายพิธีตรุษ ทหารยิงปืนใหญ่รอบพระนครทั้งคืน ลูกปืนผสมด้วยใบหนาด ใบสาบแร้งกา  ข้าวสารเป็นอาถรรพ์ ไล่ปีศาจ ชาวบ้านร้านช่อง ตลอดจนเรือแพทั้งปวง พากันแขวนโถปูน โถยา และ

ส้มสูกลูกไม้  ได้ความว่าเผื่อผีปู่ย่าตายายวิ่งหนีคาถาอาฏานา และเสียงปืนใหญ่ล้มลุกคลุกคลาน หัวร้างข้างแตก จะได้ป้ายปูนป้ายยา ถ้าหิวก็มีส้มสุกลูกไม้ เหล้ายาปลาปิ้งเตรียมไว้ให้  นอกจากนั้นยังมีการอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมธาตุเข้ากระบวนแห่ไปรอบพระนคร พระสงฆ์หลายวัดเข้าขบวนแห่ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ โปรยทรายและสวดพระปริตร มีรัตนสูตรและอาฏานาฏิยปริตรเป็นอาทิ เรียกขวัญกำลังใจ กลับมาสู่อาณาประชาราษฎร โปรดให้ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยนักโทษกลับไปพยาบาลครอบครัว ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต โปรดให้เจ้านายทรงศีล มีการเร่งสะสางบทสวดมนต์ใหม่หมด และให้แปลเป็นภาษาไทยให้พวกเจ้าจอมหม่อมห้าม พนักงานข้างในหัดสวดแล้วสาธยายพร้อมกันในเวลาเสด็จลงท้องพระโรง บรรดาข้าราชการน้อยใหญ่ฝ่ายหน้าฝ่ายในให้อยู่เรือนรักษาศีล งดขึ้นเฝ้าและไม่ต้องทำราชการใดๆ  รัชกาลที่ 2 เองก็ทรงพระภูษาขาว เจริญพระพุทธมนต์เป็นนิจ และทรงรักษาอุโบสถศีลโดยเคร่งครัดตลอด 15 วัน

#เชี่ยนหมาก#

เชี่ยนหมากของเจ้านายในสมัยก่อน มักทำเป็นกระบะสองชั้นซ้อนกัน กระบะล่างใส่ของกระจุกกระจิกและผ้าเช็ดปาก กระบะบนวางซองพลูแบนๆก้นกรวยแหลมฉลุลายโปร่ง มีจอกใส่หมากสดแห้งวางมาด้วย ตลับสามใบเถาใส่ยาจืด ยาฉุน กานพลู และเปลือกส้มจีน ตลับสีผึ้งเป็นตลับเล็กวางมากับขวดการบูร พิมเสน เต้าปูน ก่อนกินหมากให้ทาสีผึ้งเสียก่อนกันน้ำหมากหก และให้เคี้ยวกานพลู พอเคี้ยวหมากแหลกให้ใช้ยาฉุนเช็ดปากและจุกไว้ที่ริมฝีปากล่างจนนูนตุ่ย ถ้าน้ำหมากเยิ้มก็ใช้ผ้าเช็ดปาก

#ช่างสิบหมู่#

ช่างสิบหมู่คือ ช่างทั้งปวงในพระราชอาณาจักร มิได้มีแค่ 10 อย่าง แต่อาจมีเป็นร้อยอย่าง เช่น ช่างเขียน ช่างแกะ ช่างกลึง ช่างสลัก ช่างหล่อ ช่างปั้น ช่างหุ่น ช่างรัก ช่างบุ ช่างปูน ช่างไม้ ช่างหยก ช่างเงิน ช่างทอง ช่างมุก เป็นต้น เพียงแต่อาจรวมเข้าเป็นหมู่ได้ไม่กี่หมู่ คำว่า "สิบ"ไม่ใช่ตัวเลขแต่มาจากภาษาบาลีว่า "สิปป" หรือ "ศิลปะ" นั่นเอง

หมายเลขบันทึก: 670594เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2019 16:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม 2019 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท