ไพริดาซิโนน (Pyridazinones)
คุณสมบัติสำหรับการกำจัดวัชพืช
เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสังเคราะห์แสงของพืช ใช้ในการกำจัดวัชพืช (Herbicides) หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า “ยาฆ่าหญ้า” เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชมี ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หรือนำมาใช้ในการกำจัดวัชพืชเท่าใดนัก
แต่เดิม มีความเข้าใจผิดของผู้ใช้ ผู้ที่ได้รับพิษ ตลอดจนแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ให้การรักษาผู้ป่วย ในเรื่องเกี่ยวกับชนิดของสารเคมีพบว่า เมื่อกล่าวถึงยาฆ่าหญ้า ก็มักจะคิดว่าจะเป็น Gramoxone หรือ paraquat เสมอ เนื่องจากในอดีต สารดังกล่าวเป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชชนิดที่นิยมใช้กันมาก ขณะเดียวกันก็มีความเป็นพิษต่อมนุษย์สูง
จากความเข้าใจผิดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ได้รับพิษ ได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม หรือได้รับมากเกินความจำเป็น
Pyridazinones จัดเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ในการกำจัดวัชพืช แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันในประเทศไทย จะออกฤทธิ์ต่อพืช โดยการยับยั้งการสร้างรงควัตถุที่จำเป็นในการสังเคราะห์แสง มีลักษณะการออกฤทธิ์ในการยับยั้งการสังเคราะห์แสงของพืช โดยมี 2 ประเภท ดังนี้ คือ
ตัวอย่างของสารเคมีในกลุ่ม Pyridazinones : ชื่อทางการค้า คือ norflurazon (ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย
2. (G) Pigment inhibitors : โดยการยังยั้งการสร้างรงควัตถุที่จำเป็นในการสังเคราะห์แสง โดยมีเพียงสาร Nicotinan
ตัวอย่างของสารเคมีในกลุ่ม Pyridazinones : ชื่อทางการค้าคือ pyrazon (ไม่มีจำหน่ายในประเทศ ไทย)
หมายเหตุ :
สารเคมีกำจัดวัชพืช (Herbicides) หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า “ยาฆ่าหญ้า” แบ่งเป็นประเภทต่างๆ
ตามกลไกการออกฤทธิ์ในพืชได้ 9 ประเภท ดังต่อไปนี้
(A) Growth regulators : เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชที่ออกฤทธิ์ต่อความสมดุลย์ของฮอร์โมน
(B) Amino acid synthesis inhibitors : เป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
ที่เฉพาะเจาะจงในการป้องกันการสร้าง amino acid ซึ่งเป็นสารประกอบที่สำคัญในการเจริญ เติบโตของพืช
(C) Lipid synthesis inhibitors : เป็นสารเคมีที่มีผลต่อ การยับยั้งการสร้าง fatty acid
ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ cell membrane
(D) Seedling growth inhibitors : เป็นสารเคมีที่ออก ฤทธิ์รบกวนการงอกของพืช
โดยยับยั้งการเจริญเติบโตของราก หรือลำต้น
(E) Photosynthesis inhibitors : เป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แสง
โดยการจับกับ specific site ในคลอโรฟิล
(F) Cell membrane disrupters : เป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำลาย เนื้อเยื่อของพืช
โดยการทำให้มีการแตกสลายของ cell membrane
(G) Pigment inhibitors : เป็นสารที่ออกฤทธิ์โดยการยับยั้ง การสร้างรงควัตถุที่จำเป็นในการสังเคราะห์แสง
สารเคมีกลุ่มนี้มีเพียง Nicotinan
(H) Cell wall synthesis inhibitors : เป็นสารที่ออกฤทธิ์ โดยการยับยั้งการสร้าง cellulose
ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ cell wall
(I) Unknown : เป็นสารที่ออกฤทธิ์ ทำลายวัชพืชได้ แต่จัดเป็นกลุ่มที่ยังไม่ทราบกระบวนการทำงานที่เด่นชัด
ปัจจุบัน มีการนำสารเคมีในกลุ่ม สารในกลุ่มไพริดาซิโนน (pyridazinones) มาใช้ ที่นิยมมากคือ ชื่อสามัญ ไพริดาเบน (pyridaben) ภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เช่นชนิดผง ได้แก่ ไมท์แมน(ไพริดาเบน)100 กรัม, ไพริดาเบน, เบนเจอร์ 200, ฮาฟท์ไมท์, โอโซเบน หรือชนิดน้ำ เช่น ไมสัน เป็นต้น
คุณสมบัติ : ไพริดาซิโนน (pyridaben) สำหรับการกำจัดศัตรูพืช
เป็นสารประเภทไม่ดูดซึมออกฤทธิ์ทางสัมผัส และกินตาย ออกฤทธิ์เร็ว และฤทธิ์คงตัวบนต้นพืชได้นานสามารถ กำจัดไรศัตรูพืชได้ทุกระยะการเจริญเติบโต โดยเฉพาะระยะตัวอ่อนจะกำจัด ได้ดีกว่าระยะอื่นๆ
ประโยชน์ : ใช้ป้องกันกำจัดไรสนิมส้มในส้ม ส้มโอ มะนาว ไรขาวพริกในพริก ถั่วฝักยาว ไรเห็ดในเห็ดขนาดต่างๆ ไรแมงมุม คันซาวาในกุหลาบ ไรแดงแอฟริกันในทุเรียน มะละกอ ไรส้มกำมะหยี่ในลิ้นจี่ ไรสองจุดในสตรอเบอร์รี่ ฯลฯ
.
.
Reference
ศาสตราจารย์นายแพทย์วินัย วนานุกูล
หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา
ไม่มีความเห็น