KM ถึงแม้ว่าจะเกิดมาจากภาคธุรกิจเอกชน แต่การเรียนรู้ข้ามองค์กรในภาคธุรกิจเอกชนของบ้านเรา (หรือบ้านเขา) นั้น นับว่ายังหามุม หาเหลี่ยมเข้าได้ยาก เนื่องจากว่ามีเงื่อนไขของการแข่งขันของภาคธุรกิจกำกับอยู่ ซึ่งเป็น character เฉพาะของธุรกิจ ทำให้การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างองค์กรนั้น ทำได้ยาก โดยเฉพาะบริษัทที่มีสภาพเป็นคู่แข่งขันกัน
แต่ด้วยความเชื่อลึกๆ บวกกับปรากฎการณ์ทางธุรกิจที่เคยพบเห็นในโลกใบนี้ เชื่อว่า ความรู้ไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้น การกอดความรู้ที่หยุดนิ่งเอาไว้เสียแน่น คงจะมีประโยชน์เฉพาะช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่สิ่งที่ท้าทายมากกว่า คือ การแลกเปลี่ยนวิธีการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ของบุคลากรในบริษัทนั้น เขาทำกันอย่างไร รูปแบบไหน เป็นอย่างไร เหมาะกับสภาพเงื่อนไขแบบใด ส่วนความรู้ที่เกิดขึ้นมาแล้ว ถือว่าเป็น product ที่เป็นผลพลอยได้ในการแลกเปลี่ยนเท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะเป็น Model Cluster ในภาคธุรกิจ หรือความเป็นสถาบันทางการค้า เช่น ยกตัวอย่างcluster ภาคอุตสาหกรรม หรือหอการค้าในประเทศเยอรมันนี กลุ่มเหล่านี้จะมีจุดแข็งของการรวมตัวอย่างชัดเจน แลกเปลี่ยนผลประโยชน์รวมกัน กำหนดนโยบายทางการค้าร่วมกัน ครอบคลุมไปถึงการเชื่อมโยงเข้ากับระบบการพัฒนาคนในสถาบันการศึกษา (การฝึกงาน, การฝึกทักษะเฉพาะทางฯลฯ) กลไกสำคัญที่แสนจะธรรมดาอย่างหนึ่ง คือ การมีพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน แต่มีรูปแบบกิจกรรมที่แตกต่างกันไปบ้างตามรายละเอียด
บางท่านอาจจะบอกว่า หอการค้าบ้านเราก็มีและมีมานานแล้วด้วย ตรงนี้ยืนยันว่าต่างแน่นอน หอการค้าในเยอรมันแข็งมาก เช่น หอการค้าอุตสาหกรรม หอการค้างานฝีมือ หอการค้าพาณิชย์ ฯลฯ หอการค้าเหล่านี้จะมีบทบาทต่อการกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตนเอง มีบทบาทต่อระบบการศึกษา การออกใบอนุญาตการค้า การพัฒนาฝีมือแรงงาน การฝึกงานของนักศึกษา เยอะแยะมากมาย
ไม่มีความเห็น