เมื่อผ่านวัย 50 ปี ชีวิตได้เรียนรู้อะไรบ้าง


15 กรกฎาคม 2562

เมื่อผ่านวัย 50 ปี ชีวิตได้เรียนรู้อะไรบ้าง

      

        พูดถึงความทรงจำในวัยเด็ก  ฉันเคยเชื่อว่าการดิ้นรนเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนี่แหละที่เป็นเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้คนเราทุกข์ แต่เมื่อปี 2516 พ่อได้เสียชีวิต จากไปอย่างกระทันหัน ด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน  มันเกิดขึ้นเร็วมาก  จนตอนนั้นฉันในวัย 6 ขวบ ไม่เข้าใจ ไม่รับรู้ว่าพ่อสุดที่รักจะจากไปตลอดกาล  การได้เฝ้ามองพ่อสุดที่รักและนั่งทานข้าวมื้อสุดท้าย  ในภาพที่จำได้พ่อของฉันที่ยังหนุ่มแน่น อายุแค่ 38 ปี ยังมีร่างกายที่ล่ำสัน แข็งแรง ทำงานได้ เราพูดคุยกันอย่างสนุนสนาน  เมื่อพ่อทานข้าวอิ่ม ก็แค่บอกว่า วันนี้พ่อเหนื่อย จะไปหาหมอที่โรงพยาบาล สั่งให้ฉันช่วยคุณยายเลี้ยงน้องชายวัย 4 ขวบ และ 9 เดือน  ไม่ให้ดื้อ ไม่ซน  รื้อของเล่นมาเล่นแล้วต้องเก็บให้เรียบร้อย  อย่าทำบ้านรก  เวลามีแขกมาเยี่ยมเยือนที่บ้าน จะขายหน้าเอาได้ จำได้ว่าตอนที่ฉัน จูงมือน้องชายวัย 4 ขวบ มาส่งพ่อที่บันได้บ้าน นั้นเวลา ประมาณ 9 นาฬิกา เรายิ้มและโบกมือบ้ายบาย พ่อ และคิดว่า อีกไม่นานพ่อคงกลับมาบ้านกับแม่ เหมือนทุกๆวัน ที่พ่อเคยทำมา

         จนถึงเวลาประมาณบ่าย 2 วันเดียวกัน  ฉันสดุ้งตื่นจากการนอนกลางวัน มีน้องชายวัย 4 ขวบ นอนใกล้ๆ  ได้ยินเสียงรถยนต์หน้าบ้าน เสียงคนพูด ดัง เซ็งแซ่ ไปหมด   ฉันปลุกน้องชายให้ตื่น พร้อมกับจูงมือน้องชาย  พาวิ่งไปดูเหตการณ์ที่หน้าบันไดบ้าน  ภาพที่เห็นคือ มีผู้ชาย 4-5 คน ช่วยกันหามเปลผ้า กำลังขึ้นบันไดบ้าน มา    บนเปลผ้านั้น มีพ่อของฉันนอนนิ่งอยู่  ร่างกายไม่ไหวติง  ฉันดึงน้องชายเข้ามากอดกระชับแนบตัว  มันงง  ไปหมด  แม่ฉันเดินตามขึ้นมาติดๆ  ใบหน้าของแม่เปื้อนไปด้วยน้ำตา  ฉันมองดวงตาที่แดงก่ำของแม่  แล้วถามตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้น  พ่อฉันเป็นอะไร  มีคำถามเป็นล้านคำ  วนเวียนในหัวของฉัน

        ฉันยืนแอบข้างๆประตูด้านในของบ้าน  เฝ้ามองผู้ใหญ่ใช้ฝ้ายมัดข้อเท้า มัดมือ คล้องไปมัดที่รอบคอของพ่อ   พ่อจ๋า พ่ออึดอัดไหม  ฉันยืนอยู่ตรงนั้นนานพอจนเห็นเขายกร่างของพ่อบรรจุลงในโลงไม้ ตอกหมุดตึงฝาโลงไว้ แล้วความทรงจำตอนนั้นก็กระท่อนกระแท่นขาดหายไป  มาจำความได้อีกทีก็ตอนที่ฉันยกถาดใส่ข้าวปลา อาหารและน้ำ ไปวางข้างๆโลงศพพ่อ เคาะฝาโลงพ่อเรียกพ่อมาทานข้าว ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากับใจที่แตกร้าว  ฉันคิดถึงพ่อ

       ตอนที่หมอบอกว่าพ่อฉันตายด้วยภาวะหัวใจหยุดเต็นกระทันหัน  ฉันไม่รู้ความหมายมันหรอก   ฉันแค่ตั้งใจมั่นไว้ว่า  ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรกันแน่  ที่พรากชีวิตพ่อไปจากฉัน  ฉันสัญญากับตัวเองว่าเมื่อฉันรู้ว่าอะไรคือเพชฆาตใจร้ายที่ฆ่าพ่อฉัน  ฉันจะสู้กับมัน  ฉันจะไม่ยอมให้คนใกล้ตัวฉันต้องกลายเป็นลูกกำพร้าพ่อแบบฉัน  ฉันสัญญา

       เมื่อเสร็จงานศพพ่อ  ฉันเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่ง  ตลุยอ่านหนังสือทุกอย่างที่ผ่านสายตาเข้ามา  แม้เศษกระดาษหนังสือที่เขาใช้ห่อกล้วยแขกแล้วทิ้งฉันก็เก็บมาคลี่อ่าน เศษกระดาษที่ตกอยู่ข้างทางฉันก็ไม่ยอมให้คลาดสายตา  กระดาษอะไรๆที่มีตัวอักษร  ฉันตลุยอ่านจนหมด  ลามไปถึงหนังสือทุกเล่มในห้องสมุดโรงเรียน จนเรียนมหาวิทยาลัย  ฉันก็ตลุยอ่าน  อ่าน อ่าน เพียงหวังว่าฉันจะรู้จักเจ้าเพชฆาตที่ฆ่าพ่อฉัน  และแล้วฉันก็เจอคำตอบ เมื่อฉันเรียนจบพยาบาล ทำงานมาได้ 18 ปี ฉันรู้แล้ว ว่าอะไรคือเพชฆาต ที่พรากพ่อฉันไป  ฉันจะจัดการมัน "โรคหัวใจ : Heart disease" และ "ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน: Acute Myocardial Infarction"

       ฉันเริ่มใช้เวลาที่เสร็จจากการทำงานพยาบาลในหน้าที่   ค้นคว้า ทุกวิธี ที่จะรับมือกับเพชฆาตเงียบ ตัวนี้  ฉันทดลองแล้วด้วยชีวิตของฉันเองซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า   จนมั่นใจ  ว่าฉันจัดการเจ้าเพชฆาตโหดตัวนี้ได้  ปี พ.ศ 2548 ฉันในวัย 38 ปี จึงกล้าหาญรับโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพ เขต 8  มาดำเนินการค่ายสุขภาพ  จำนวน  3 รุ่น  มีผู้มีความเสี่ยงโรคหัวใจหลอดเลือด โรคเบาหวานความดัน โรคอ้วน เข้ารับการอบรม กว่า 150 คน ฉันถอดบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากผู้เข้าอบรม 3 ค่ายนี้ มากพอที่จะถ่ายทอดลงใน web blog : go to know และทุกเวที ที่มีโอกาสได้ถ่ายทอด

        ปี 2561 ฉันเริ่มเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง ด้วยพบว่า เมื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เศรษฐกิจเปลี่ยน เจ้าเพชฆาตเงียบก็กลับมาไล่ล่า ผู้คนที่ละเลยการดูแลตนเอง  หลงไหลไปกับการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม  ที่อุดมไปด้วยแป้ง น้ำตาล สารปรุงรส สารกันบูด  ถึงวันนี้ ฉันเรียนรู้รูปแบบอาหารสุขภาพทั้งหลาย ทั้งปวง ประดามี การเปลี่ยนวิถีชีวิต  การออกกำลัง การจัดการอารมณ์และความเครียด  ฉันเริ่มบทบาทการเป็นวิทยากรกระบวนการลดเสี่ยงลดโรคด้วยอาหารสุขภาพ จนถึงวันนี่  วันที่ฉันมั่นใจว่า  ฉันต่อกร กับ เจ้าเพชฆาตเงียบนี้ได้  ฉันจึงลุยอีกครั้ง ฉันจะใช้บทเรียนชีวิตและการทำงานที่ผ่านมากว่า 50 ปี ของฉัน ช่วยให้ผู้คนได้ปลอดภัยจาก เพชฆาตเงียบ "โรคหัวใจ : Heart disease" และ "ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน: Acute Myocardial Infarction"  ฉันจะช่วยให้ผู้คน ที่ได้อ่านบทความใน Blog ของฉัน ได้มีความรู้ มีพลัง ในการต่อสู้และเอาชนะเจ้าเพชฆาต เงียบตัวนี้ให้ได้   

                                    

      ด้วยรักจากฉัน  นงนุช  เอี้ยงลักขะ

 Facebook : kunnong Aeinglukkha


https://happylifeofgoldenage

line id

.blogspot.com

หมายเลขบันทึก: 663229เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2019 05:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กรกฎาคม 2019 05:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท