หลังจากกลับจากการสัมมนา การจัดการความรู้สู่การพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้
ณ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ ด้วยความสวัสดิภาพ
เช้าวันที่ 9 ธ.ค.ก็ต้องมารับกรรม(อยู่เวรห้องสมุด)เหมือนเดิม กะว่าจะนอนยาวซะหน่อย
แต่ด้วยภาระกิจหน้าที่ทำให้ต้องรีบตื่นไปทำงาน ใช้เวลาเดินทางจากบ้านถึงที่ทำงานประมาณ 30 นาที ถึงห้องทำงานก็จัดการภาระงานที่ค้างไว้ต่อ
บังเอิญมีนักศึกษามาขอใช้บริการทำสำเนาแผ่นซีดี ก็เลยจุดประกายเรื่องลิขสิทธิ์กับงานห้องสมุดขึ้นมาทันที
เข้าเรื่องเลยนะครับ ก่อนอื่นจะยกมาตราที่เกี่ยวข้องกับงานห้องสมุด จาก พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ในส่วนที่ 6 ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา ๓๒ การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(๑) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(๒) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
(๓) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(๔) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(๕) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(๖) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(๗) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
(๘) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
มาตรา ๓๓ การกล่าว คัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานบางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๓๔ การทำซ้ำโดยบรรณารักษ์ของห้องสมุดซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หากการทำซ้ำนั้นมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร และได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) การทำซ้ำเพื่อใช้ในห้องสมุดหรือให้แก่ห้องสมุดอื่น
(๒) การทำซ้ำงานบางตอนตามสมควรให้แก่บุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิจัยหรือการศึกษา
มาตรา ๓๕ การกระทำแก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หากไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร และได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) วิจัยหรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๒) ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๓) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๔) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๕) ทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจำนวนที่สมควรโดยบุคคลผู้ซึ่งได้ซื้อหรือได้รับโปรแกรมนั้นมาจากบุคคลอื่นโดยถูกต้อง เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบำรุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย
(๖) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(๗) นำโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
(๘) ดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีที่จำเป็นแก่การใช้
(๙) จัดทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บรักษาไว้สำหรับการอ้างอิง หรือค้นคว้าเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน
ที่มา : http://www.pub-law.net/library/act_copyright.html
กระผมติดใจในมาตรา ๓๔ ที่ว่าการทำซ้ำต้องทำโดยบรรณรักษ์เท่านั้น ถึงจะไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ในการทำงานจริงๆบรรณารักษ์ไม่ได้ทำงานงานแบบนี้เลย ใช้แต่สายสนับสนุนวิชาชีพทั้งนั้น จะมีบรรณารักษ์ซักกี่คนที่เชี่ยวชาญในงานCopy ทั้งหลาย ซึ่งสื่อพวกนี้พัฒนาไปรวดเร็วมาก ดังจะยกตัวอย่างเช่นแผ่นCD-Rom ธรรมดาก็มีการป้องกันการทำสำเนา หรือแผ่น DVD มีมากมายหลายFormat ทั้งDVD5 DVD9 +/- ชั้นเดียว สองชั้น หรือการประยุกต์ใช้งานต่างๆ การเปลี่ยนสื่อจากAnalog ไปเป็นDigital เอาไว้วันหลังจะมาเขียนเรื่องงานเทคนิคโสตฯต่อ วันนี้ขอความเห็นผู้ที่อยู่ในวงการห้องสมุดว่ามีความเห็นอย่างไรกับพรบ.ลิขสิทธิ์กับงานห้องสมุด
บรรณารักษ์เขาไม่ชอบเรียนรู้งานอะไรหรอกครับ เขาไม่ชอบทำงานเกินหน้าที่ ชอบบ่นว่างานยุ่ง แต่พอหัวหน้าไม่อยู่ก็ไป shopping ไม่ชอบเรียนรู้เทคโนโลยี เขาบอกงานเขาเป็นวิชาชีพเฉพาะ ต้องคนพิเศษถึงทำได้ ก็เข้าใจนะครับว่าคนจบสายนี้ คะแนนสอบไม่ดีเลยเลือกไม่ได้ แต่ควรทำใจให้กว้างหน่อย
บางคนหรอกครับท่านพันศักดิ์ บังเอิญผ่านมาเจอ ล่วงเลยมานานแล้วก็จริงแต่อยากบอกว่าผม เขียนซีดี ถ่ายรูปด้วยกล้องราคาหลายหมื่นซึ่งต้องเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพและโปรแกรมแต่งรูป ถ่ายทำวีซีดีแล้วนำมาตัดต่อด้วย Ulead ตัดต่อเพลงพร้อมใส่ซาวด์เอฟเฟกซ์ เป็นพิธีกรที่ต้องรู้เรื่องเครื่องเสียงและโปรเจคเตอร์ นี่แค่น้ำจิ้ม
คงเป็นบรรณารักษ์บางคนละมั๊งคะ ที่..
"...เขาไม่ชอบทำงานเกินหน้าที่ ชอบบ่นว่างานยุ่ง แต่พอหัวหน้าไม่อยู่ก็ไป shopping ไม่ชอบเรียนรู้เทคโนโลยี เขาบอกงานเขาเป็นวิชาชีพเฉพาะ ต้องคนพิเศษถึงทำได้ ก็เข้าใจนะครับว่าคนจบสายนี้ คะแนนสอบไม่ดีเลยเลือกไม่ได้ แต่ควรทำใจให้กว้างหน่อย"
คุณพันศักดิ์ ใจแคบไปหน่อยไหม? คนจบบรรณารักษ์ ไม่ใช่ทำเพราะเลือกไม่ได้ คนจบบรรณารักษ์ที่เรารู้จักหลายคน เรียนจบสองปริญญา จบทั้งสายบรรณารักษ์ และ สายวิทยาศาสตร์ทั่วไป คงไม่ถึงกับทำคะแนนไม่ดีมั๊ง