พระพุทธเจ้าตรัสว่า ชีวิตเป็นทุกข์...
ฝรั่งมาอ่านเข้า บอกว่า แบบนี้คิดลบ เป็นพวก Pessimistic พวกมองโลกในแง่ร้าย.
เวลาผมไปไหน ผมจะสังเกตุใบหน้าคน ตามที่ต่างๆ.
โดยรวมๆ คนจะหน้ามุ่ย คิ้วผูกโบว์ หรือไม่ก็ก้มหน้าเล่นมือถือ...
ดูรวมๆ แล้ว คนไม่ได้มีความสุขนะครับ ถ้าไม่เชื่อผมลองไปสังเกตุดูก็ได้
คนที่หน้าตาดูมีความสุขมีน้อย ไม่พบได้บ่อย...
ส่วนคนที่เล่นมือถือก็เพราะเหงาไม่มีอะไรทำ ก็ต้องหาอะไรดู หาอะไรคุย เพื่อดับความเหงา ...เราเองก็เป็น...
ความเหงานั่นแหละความทุกข์
ไม่เชื่อลองวางมือถือสักวันหนึ่ง จะเห็นตัวความเหงาชัดเลย
มันจะดิ้นอยู่ภายในใจ ไม่ได้รับการตอบสนอง...
แบบนี้ มองโลกแง่ร้ายหรือเปล่าครับ
ในเมื่อความจริงมันแสดงตัวอยู่ทนโท่
ว่าชีวิตเป็นทุกข์
แล้วที่นี้ มาย้อนดูที่ตัวเรา เราเองก็หน้ามุ่ยเหมือนกันแหละ
เวลาเผลอหน้าจะม่ย คิ้วจะหงิกเอง...!!
ย้อนมาดูว่า ทำไมคนเราถึงหน้ามุ่ย
มองที่จิตดูบ่อยๆ เราก็จะได้คำตอบแบบประจักษ์ด้วยตัวเอง
ว่า วันหนึ่งๆ เรามีความคิดลบๆ มากมาย บ่นเรื่องโน้น นินทาคนนี้ ไม่ชอบไอ้นั้น ไม่พอใจไอ้นี่
บ่นอยู่ในใจ มันคือคิดลบ
แถมชอบเสพแต่ข่าวลบ ไม่เสพก็ไม่ได้มีแต่ข่าวลบ
หาเรื่องคิดบวกสักเรื่องหนึ่งยากเต็มที จริงไหม
ไม่ต้องพูดถึงจิตว่างหรอกครับ อันนั้นแทบไม่มีเลย...!!
แล้วแบบนี้หน้าตาไม่หงิก ไม่หน้ามุ่ยได้ยังไง
ชีวิตมันเป็นทุกข์ครับ ทุกข์จากความคิดนี่แหละ
เราคิดอย่างไร เราก็มีการกระทำแบบนั้น
กระทำอย่างไร ก็มีนิสัยอย่างนั้น
มีนิสัยอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น
หลวงปู่ชา ท่านสอนไว้
ติดยึด.. บ่งบอก..ถึงทุกข์.. นั้นๆ..แน่แท้จริงเจียว.. “เหมือนหมูทอด.. ในกะทะ…”.. สุขตอนกิน.. ทุกข์ตอนหาหมูมาใส่กะทะ… นะเจ้าคะยายธีค่ะ…
ครับ ไม่เห็นภัยในวัฏสงสาร