สอนโดยไม่ต้องสอน


เป็นสิ่งที่ดิฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ....เด็กที่กำลังเติบโดเธอถูกซึมซับไปโดยอัตโนมัติว่า งานดูแลพ่อป่วยต้องเป็นหน้าที่ของน้อง...ดังเช่นที่ดิฉันมอบหมายหน้าที่นี้ให้น้องสาว

เมื่อตอนที่ลูกปลา(ลูกสาวคนโต)อายุเกือบ 5 ขวบ  ตอนนั้นลูกแปม(ลูกสาวเล็ก)อายุ  6 เดือน...
ตลอดมาตั้งแต่เกิดลูกปลาดิฉันมีภารกิจประจำวันคือไปหาพ่อก่อนไปทำงานในวันปกติ...และในวันหยุดจะอยู่นานหน่อยคราวละครึ่งวันหรือบางครั้งก็ทั้งวัน....คอยเป็นเพื่อนคุยกับพ่อ..คุยฝ่ายเดียวหรือช่วยน้องสาวคนเล็กที่เรียนจบมาหมาดๆเธออาสา..ดูแลพ่อ..ในช่วงสุดท้ายของชีวิตโดยมีพวกเราคอยลงหุ้นสตางค์กันเป็นเงินเดือนให้แทนการหาทำงานนอกบ้าน....เธอจึงเป็นหลักในการดูแลพ่อ

ดิฉันก็ดำเนินชีวิตปกติ..พ่อไม่สบายหลายปีประมาณ(9ปี).อาการหนักไปตามอายุ..ในช่วงปีหลังพ่อเข้า-ออกโรงพยาบาลตั้งแต่ดิฉันตั้งท้องคนเล็กเราคุ้นกับพยาบาลทั้งหวอด...2 วันเข้า 5 วันออก...3 วันออก 7 เข้าด้วยอาการติดเชื้อโน้น นี่...ตามอาการของโรค..

       เช้าวันหยุด....ดิฉันอุ้มลูก..ไปหาพ่อ..วันนี้หน้าตาพ่อไม่ค่อยดี..เราก็เลยช่วยกันยกพ่ออาบน้ำล้างทุกซอกทุกมุม..ด้วยความที่เรามีแต่พี่น้องผู้หญิงยกแต่ละทีลำบาก..เป็นความสำเร็จและสุขใจในเวลาที่เสร็จสิ้นการอาบน้ำให้พ่อ ดิฉันทาแป้งให้ทั้งตัวทำภารกิจใส่เสื้อผ้าจัดท่านอนให้สบาย ป้อนอาหารทางสายยางผ่านทางหน้าท้อง..หน้าพ่อมีสีเลือดขึ้น..คงสบายในที่ได้รับสัมผัสจากลูกหลานดิฉันสังเกตว่าตลอดเวลาที่ดิฉันช่วยเหลือพ่อ"ลูกปลา"ก็จะชวนน้องที่นอนแบเบาะคุยโดย มีตุ๊กตาหนึ่งตัว...เธอทำเหมือนเล่นตุ๊กตาพูดกับน้องว่า...ทำอย่างนี้นะ..อาบน้ำก่อน..ทาแป้ง..ไปที่ตู้เย็น...เอานำให้ตุ๊กตากิน.อุ๊ยเบาๆ"แปม"พ่อเปื้อนหมดเลย...อร่อยมั๊ยพ่อ...แกพูดตามคำพูดที่เราคุยกับพ่อ
น้องสาวดิฉันหันมาถามดิฉันว่า
น้องสาว      "แกทายซิว่าลูกปลาทำอะไร"..
ดิฉั๊น            "เล่นตุ๊กตา"
น้องสาว      "ไม่ใช่"...เราว่าเด็กมันคิดอะไรซักอย่าง
ดิฉั๊น            "อ้าว..แล้วแกว่าทำอะไร"
น้องสาว      "ลูกปลาสอนน้อง...ให้ดูแลคนไข้"
ดิฉั๊น            "บ้า...เด็กมันจะรู้อะไร"
น้องสาว      "ไม่เชื่อแกลองถามดู"
ดิฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกทำอะไร...จึงชวนคุย..(ในใจแอบมีความหวังไปถึงอนาคตของตัวเอง..ว่าเรามีลูกสาว..ยามแก่เฒ่า..เขาคงดูแลถ้าเราตกในที่นั่งแบบพ่อขณะนี้)...จึงถามออกไปว่า
"หนู..ถ้าแม่ไม่สบายเหมือนคุณตา..."หนูจะทำแบบนี้ให้แม่มั๊ยคะ"ลูกปลาตอบโดยไม่ต้องคิด."ไม่ทำแม่ให้น้องทำ"...ดิฉันตาค้าง..อ้าปากหวอ!.ต้องมีอะไรผิดล๊อคซักอย่างระหว่างดิฉันกับลูกประโยคถัดมา "ทีแม่ยังให้น้องทำเลย" เธอพูด...เธออายุยังไม่ถึงห้าขวบเลยในวันนั้น...เป็นสิ่งที่ดิฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ....เด็กที่กำลังเติบตเธอซึมซับไปโดยอัตโนมัติว่างานดูแลพ่อป่วยต้องเป็นหน้าที่ของน้อง...ดังเช่นที่ดิฉันมอบหมายหน้าที่นี้ให้น้องสาว..โอ้พระเจ้า"สอนโดยไม่ต้องสอน"น้องสาวดิฉั๊นหัวเราะแบบชอบใจ...."ว่าแล้วเราเห็นหลายทีแล้ว....แก้กันเอาเองนะจ๊ะ"คุณแม่จิ๊บ

หมายเลขบันทึก: 66111เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2006 20:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • สวัสดีครับคุณเมตตา
  • สงสัยจะเข้าทางทฤษฎีที่ว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" ครับ
  • เพราะลูกคงจะซึมซับความเก่งและสรรพสิ่งจากคุณเมตตามาตลอดครับ
  • ถึงแม้ว่าในตอนนี้ผมจะยังไม่มีลูก แต่ในฐานะลูก มีความสุขใจเสมอที่ได้อยู่ใกล้ ๆ แม่ครับ เพียงแค่ซึมซับความรัก สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวก็จะผุดขึ้นมาเองครับ

อย่างที่อาจารย์ปภังกร ว่าครับ "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" ถ้าเป็นศัพท์ทางเคมีตอนเรียนมัธยมคือ การออสโมซิส 

ลูกปลาขา

  • หนูทำถูกแล้วค่ะ...........เอิ๊ก ๆ ๆ......
  • ต้องห้น้องแปมดูแลคุณแม่
  • เอ.....ให้น้องแปมดูแลคุณแม่แล้วลูกปลาจะทำอะไรดีคะ......คุณแม่จิ๊บตอบด้วย
  • ว่าแต่ว่า......วันนี้วันหยุด เราจะกินแรดีเนี่ย....ป้าอึ่งอ๊อบหิวแล้ว....(ส้มตำ พริก 1 เม็ดไม่ใส่ปูดีกว่า ไก่ย่างด้วยนะ)
น้องปลาเล่น capture เก่งตั้งแต่เล็ก ๆ อย่างงี้ มิเสียแรง เป็นลูกแม่จิ๊บ  อิ อิ
  • ที่บ้านบอกว่าเลี้ยงลูกแบบบุพเฟ่ครับพี่เมตตา
  • เด็กๆรับรู้อะไรได้เร็วกว่าที่เราคาดไว้นะครับ
  • ขอบคุณมากครับ

เค้าบอกว่าเด็กโกหกไม่เป็นนะพี่จิ๊บ ดังนั้นทุกสิ่งที่แปมพูดคือความจริง และมันคงเป็นแบบนั้น 5555

งานนี้คนที่ไม่รู้เรื่องเลยต้องรับกรรมไปเต็มๆ

อิอิ สงสารยัยแปมจัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท